ปรับตัวเพื่ออยู่รอดของชาวลุ่มน้ำ :
เพราะวิถีการทำกินต้องเชื่อมโยงกับคลองและน้ำ การรับมือกับ "น้ำ" จึงเป็นเรื่องจำเป็น
หลังเข้าสุ่ภาวะปกติ ชาวสวน ชาวเกษตรกรหลายพื้นที่เริ่มลงทุนอีกครั้ง ตั้งแต่การสร้างเขื่อนปูนริมคลองล้อมรอบสวน การยกคันดินให้สูงขึ้น ค่าใช้จ่าย 4000 -5000 บาทต่อคันรถ (ทั้งค่าหน้าดิน และค่ารถขนส่ง)
รายจ่ายสูง แต่คงจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าน้ำท่วม เพราะมาที ชีวิตแทบล่มสลาย...
ไม่มีความเห็น
หมาก กับผู้สูงวัยชาวสวนลุ่มน้ำนครชัยศรี :
ก้าวย่างสู่วัยสนธยาของชีวิต แม่เฒ่าชาวสวนลุ่มน้ำนครชัยศรีมีความสุขกับการเก็บหมากไว้ขายเป็นรายได้เสริม เป็นผลสืบเนื่องจากน้ำท่วมใหญ่
ปีนี้หมากขายดี ลูกละ 1 บาท พ่อค้าวิ่งรถเข้าซื้อถึงสวน ผู้เฒ่าเป็นสุขนอกจากได้เบี้ยเลี้ยงผู้เฒ่ารายเดือนยังมีรายได้จากขายหมาก
ไม่มีความเห็น
สาธุ ปีใหม่ขอให้ช้างน้อย คุณย่า และครอบครัว มีสุขภาพที่แข็งแรง และอยู่เย็นเป็นสุข
ไม่มีความเห็น
ประชาชนป่วย
(ที่มา : คอลัมน์ ไม่สีไม่มีเส้น โดย ขุน สำราญภักดี มติชนออนไลน์ 4 ธันวาคม 2555)
ปรากฏการณ์ แอร์โฮสเตส โพสต์ ข้อความ"อยากสาดกาแฟ" ลูกสาวทักษิณ บนเฟสบุ๊ค มีคนวิพากษ์วิจารณ์และมีคนชื่นชม อย่างกว้างขวาง ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค
เธอได้รับทั้ง ก้อนหินและดอกไม้ แต่ที่สุด เรื่องก็จบลงโดย คาเธ่ย์ แปซิฟิค ให้เธอออก...
น่าเสียดายที่เธอต้องสูญเสียอาชีพ น่าเสียดายที่สังคมไทยจมอยู่ในวังวนของความเกลียดชัง อย่างยาวนาน จนผู้หญิงคนหนึ่ง ระเบิดออกมาเป็นความโกรธ ความชิงชัง ได้ถึงเพียงนี้
ไม่ใช่ เธอคนแรกที่เป็นเหยื่อของความโกรธ ก่อนหน้านี้ ครูสาวผู้หนึ่งก็ระเบิดอารมณ์ ด่าทอ เจ๊ดา ดารุณี กฤตบุญญาลัย ไฮโซเสื้อแดง กลางห้างดัง เพราะคิดว่า ดารุณี คือ ดา ตอร์ปิโด
หรือ อย่างกรณี น.พ. วรงค์ เดชกิจวิกรม คุณหมอแห่งพรรคประชาธิปัตย์ ที่บันดาลโทสะ โยนกองเอกสาร เข้าใส่”สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์”ประธานรัฐสภา เมื่อไม่นานมานี้ นี่คือ คุณหมอที่ถูกความโกรธเข้าครอบงำ
เอาเข้าจริง ไม่ว่า จะเป็น แอร์โฮสเตส ครู นักการเมือง หรือ นายแพทย์ และอาชีพอื่นๆ ก็พร้อมจะระเบิดอารมณ์ กลายเป็นความบันดาลโทสะ และเป็นคดีความ ได้เหมือน ๆ กัน
ก่อนหน้านี้ Bloomberg Bussinessweek นำเสนอ รายงานเรื่องการบริหารจัดการความโกรธ ในหมู่ผู้ประกอบวิชาชีพ ได้อย่างน่าสนใจ Bloomberg รายงานปรากฏการณ์ของการบันดาลโทสะ ขั้นรุนแรง ว่า
...ศัลยแพทย์ ผู้หนึ่ง สบถและร้องตะโกนใส่ปลายสายโทรศัพท์ 1 นาทีเต็ม ก่อนจะตัดสายในทันที ...ทุกคนในห้องตะลึงงัน
..สุดยอดหมอผ่าตัดบายพาสมือหนึ่ง ระเบิดอารมณ์ ทำร้ายร่างกายวิสัญญีแพทย์ ในห้องผ่าตัด
...ศัลยแพทย์ อีกคน เขวี้ยงเครืองมือทิ้ง หลังจากผู้ช่วย หยิบผิดให้เป็นครั้งที่สอง เครื่องมือปักติดอยู่บนเพดาน
...อีกราย ขว้าง เครื่องมือใช้แล้ว ไปปักอยู่บนไหล่ของนางพยาบาล
...ศัลยแพทย์ อีกคน ดึงถุงมือยางออกมาขว้างลงพื้น และเดินออกจากห้องผ่าตัด
การระเบิดอารมณ์ ของคุณหมอ บ่อยครั้ง และนำไปสู่การฟ้องร้อง แต่ทว่า วิกฤตทางอารมณ์ของผู้ประกอบวิชาชีพ ในสังคมที่ขึงเครียด ก็กลายเป็นช่องทางธุรกิจของ George Anderson ผู้เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการความโกรธ ซึ่งโรงพยาบาลชั้นนำในสหรัฐอเมริกา จ่ายเงินจ้าง ให้ ผู้เชี่ยวชาญผู้นี้มาบริหารจัดการความโกรธของบรรดาคุณหมอ ขี้โมโห
Anderson คิดค่าบริการ 8,000 เหรียญต่อคน โดยหมอขี้ยั๊วะ จะต้องมาคุยต่อหน้า Anderson ทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง
ลูกค้าของ Anderson ไม่ใช่แค่ คุณหมอ ลูกค้ากลุ่มใหญ่ ยังประกอบด้วย นักกีฬา ตำรวจ ผู้บริหารองค์กรชั้นนำ และแอร์โฮสเตส แต่ลูกค้าที่ Anderson ไม่ชอบเลยมากๆ คือ พวกนักกฎหมาย ทนายความ
ลองคิดดู หาก George Anderson มาเปิดสำนักงาน Anderson & Anderson สาขาประเทศไทย เพื่อบำบัด ผู้ป่วยทางอารมณ์ในสังคมไทย น่าจะเป็นเรื่องดี เพื่อให้ชนชั้นนำในสังคมไทย ระมัดระวังทางอารมณ์ ให้มากขึ้น
อย่างน้อย ชนชั้นนำไทย ที่เต็มไปด้วยความโกรธและเกลียด อย่างรุนแรง จะได้ เรียนรู้การถอดสลักระเบิด และหายใจเข้า นึกถึงคำว่า สันติภาพ และหายใจออก นึกถึงคำว่า ปล่อยวาง
แต่คิดอีกมุม George Anderson อาจเจ๊งไม่เป็นท่า ...
เพราะไม่มี ชนชั้นนำคนใด ในสังคมไทย ยอมรับว่า ตัวเองป่วยทางอารมณ์
สนธิก็ไม่ป่วย จำลองก็ไม่ป่วย ปฐมพงษ์ก็ไม่ป่วย แก้วสรรก็ไม่ป่วย ประสงค์ก็ไม่ป่วย เสธ.อ้ายก็ไม่ป่วย หมอตุลย์ก็ไม่ป่วย อำมาตย์ใหญ่ก็ไม่ป่วย แกนนำแดงที่ติดคุกเพราะปากก็ไม่ป่วย จ่าประสิทธิ์ก็ไม่ป่วย ขวัญชัยก็ไม่ป่วย หมอเหวงก็ไม่ป่วย ทักษิณและพวกก็ไม่ป่วย เฉลิมก็ไม่ป่วย และสื่อที่โหมไฟแห่งความเกลียดชังก็ไม่ป่วย
สุดท้าย คนป่วยคือ ประชาชน
ไม่มีความเห็น
CoP ลูกโป่ง !!!
เพื่อนๆ เป่าไม่ได้เรื่องเลยยยย... นี่จะเป่าให้ดู เป่าแล้วบีบตรงนี้นิ๊ดนึง.... เสียงจะดัง แป๊ดดดดดด... แสบหูดี แต่เวลาขึ้นห้องต้องเก็บใส่กระเป๋านะ... เด๋วครูต้มยึดเอา.
ไม่มีความเห็น
ทำบุญถวายพ่อหลวง :
คุณครูจัดงาน "วันพ่อ" มีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระ ๙ รูป ช้างน้อยถือโอกาสควงคุณย่าเข้าโรงเรียนเพื่อทำบุญวันพ่อครับ
ไม่มีความเห็น
ตักบาตรท้องน้ำ เพ็ญเดือน 12 :
ชาวอำเภอพุทธมณฑลสืบสานประเพณีวัฒนธรรม "ตักบาตรท้องน้ำ" จัด ณ วัดสุวรรณาราม ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล แม้ฝนตกแต่เช้าแต่ผู้คนก็เนืองแน่น โดยเฉพาะทีม อบต.ศาลายา และ อบต.มหาสวัสดิ์ โดยประชาชน นักศึกษา เรียน และสถาบันการศึกษาในอำเภอพุทธมณฑลเข้าร่วมอย่างเนืองแน่น
ไม่มีความเห็น
ไม่มีความเห็น
รอยประสบการณ์
เป็นครั้งที่ 2 หลังปิดเทอมที่ช้างน้อยเดินทางไปอยู่ต่างจังหวัดกับคุณปู่ คุณย่า และคราวนี้คุณพ่อค่อนข้างเบาใจเพราะช้างน้อยเองก็คุ้ยเคยแล้ว เจ้าตัวก็พอใจไม่น้อยที่จะได้ไปเจอพี่ๆ และเพื่อนๆ บ้านใกล้เรือนเคียงของคุณปู่
อยู่ต่างจังหวัดคราวนี้ ดูเหมือนช้างน้อยจะสนใจและมีความสุขใจกับสัตว์เลี้ยงเป็นพิเศษ ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อจะได้กุ๊กๆๆๆ หว่านข้าวให้ไก่ พร้อมเปิดโทรศัพท์โชว์เสียงไก่ขันให้คุณพ่อฟังพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักรื่นรมย์ใจ ยามสายๆ มุดใต้ถุนเล้าข้าวไปดูลูกหมาตัวน้อยๆ ที่พึ่งเกิดใหม่ คุณปู่คุณย่าต้องคอยระวังกลัวแม่น้องหมาที่กำลังหวงลูกเป็นนักหนาจะมางับขาเข้าให้
ร่วม 4 สัปดาห์ของการใช้ชีวิตคลุกฝุ่นต่างจังหวัดท่ามกลางวงศาคณาญาติลุงป้าน้าอา และพี่ๆ ก่อนจะถึงกำหนดกลับ 2 วัน คุณปู่ส่งเสียงโทรศัพท์แจ้งว่าช้างน้อยถูกน้องหมาข้างบ้านงับเข้าที่ฝ่ามือ เป็นรอยข่วนต้องไปโรงพยาบาลเพื่อฉีดวัคซีน และกินยาแก้อักเสบ
เมื่อเจอหน้าคุณพ่อ เจ้าช้างน้อยรีบรายงาน "ไอ้กล้วยมันไม่ยอมให้จับหัว มันเลยกัดมือ..." ต้นเหตุมาจากมือไม่นิ่งหาเรื่องเอง ช้างน้อยไปฉีดวัคซีนแล้ว ทั้งหมดต้องฉีด 5 เข็ม ฉีดไปแล้ว 2 และต้องกลับมาฉีดให้ครบ
"พ่อโทรบอกครูตุ้มด้วยนะ ต้องฉีดยา ไม่ต้องไปโรงเรียน..." ช้างน้อยรีบสั่งการคุณพ่อ
แหม ช้างน้อย !!! นึกว่าจะกลัวเข็ม กลับดีใจไม่ต้องไปเรียนหนังสือ
ไม่มีความเห็น
ไม่มีความเห็น
"ใครหนอ ว่ายน้ำอยู่ได้ถึง ๗ วัน ทั้งๆ ที่มองไม่เห็นฝั่ง จะทนว่ายไปทำไมกัน"
พระมหาชนกทรงตอบว่า "ความเพียรย่อมมีประโยชน์ แม้จะมองไม่เห็นฝั่ง เราก็จะว่ายไปจนกว่าจะถึง ฝั่งเข้าสักวันหนึ่ง"
นางมณีเมขลากล่าวว่า "มหาสมุทรนี้กว้างใหญ่นัก ท่านจะพยายามว่ายสักเท่าไรก็คงไม่ถึงฝั่ง ท่านคงจะ ตายเสียก่อนเป็นแน่"
พระมหาชนกตรัสตอบว่า "คนที่ทำความเพียรนั้น แม้จะต้องตายไปในขณะกำลังทำ ความเพียรพยายามอยู่ ก็จะไม่มีผู้ใดมาตำหนิติเตียนได้ เพราะได้ทำหน้าที่เต็มกำลังแล้ว "
นางมณีเมขลาถามต่อว่า "การทำความพยายามโดยมองไม่เห็น ทางบรรลุเป้าหมายนั้น มีแต่ความยากลำบาก อาจถึงตายได้ จะต้องเพียรพยายามไปทำไมกัน"
พระมหาชนกตรัสตอบว่า "แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เรา กำลังกระทำนั้นอาจไม่สำเร็จก็ตาม ถ้าไม่เพียรพยายามแต่กลับหมดมานะเสียแต่ต้นมือ ย่อมได้รับ ผลร้ายของความเกียจคร้านอย่างแน่นอน ย่อมไม่มีวัน บรรลุถึงเป้าหมายที่ต้องการ บุคคลควรตั้งความเพียรพยายาม แม้การนั้นอาจไม่สำเร็จก็ตาม เพราะเรามีความพยายาม ไม่ละความตั้งใจ เราจึงยังมีชีวิตอยู่ได้ ในทะเลนี้ เมื่อคนอื่นได้ตายกันไปหมดแล้ว เราจะพยายามสุดกำลัง เพื่อไปให้ถึงฝั่งให้จงได้"
ไม่มีความเห็น
ชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์ เตรียมพร้อม
แปลงฝักลอยน้ำ: อีกทางเลือกกับการอยู่กับน้องน้ำ
แผนที่สำคัญนัก :
คน เส้นทางสัญจร การสื่อสาร จุดรวมพล ฯลฯ ต้องให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่มีความเห็น
ผจญภัย
เหมือนวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช้างน้อยผ่านเทอมแรกของการเรียนอนุบาล 3 ไปด้วยความเรียบร้อย วันสุดท้ายเทอมแรก กระเป๋านักเรียนเต็มไปด้วยนมกล่องโรงเรียนที่คุณครูฝากแถมมาด้วย ตามด้วยการบ้านหลายหน้าเพื่อทบทวนระหว่างหยุดภาคเรียน
มิรอช้าให้นานวัน เช้านี้คุณปู่ซึ่งได้ลงมารอรับคุณย่าและหลานชายตัวน้อยกลับต่างจังหวัดเก็บกระเป๋าหอบหิ้วขึ้นรถโดยสารเดินทางกลับ ช้างน้อยเองจัดเตรียมกระเป๋าแองกี้เบิร์ดใบโปรดพร้อมหมวกแองกี้สีแดงทั้งชุด เริงร่า ตื่นเต้น เตรียมพร้อมเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่
"พ่อคร้าบบ... ไม่ต้องคิดถึงนะ ตอนไปรับหน่ะอย่าลืมโทมัสด้วยนะ" อ้าว กลับเป็นช้างน้อยที่ส่งคำปลอบใจคุณพ่อ พร้อมสั่งการให้หอบรถโทมัสของเล่นคันโปรดไปฝากเพราะตัวเองหอบไปไม่ไหว
ช้างน้อยออกเดินทางแล้ว และโลกรอบตัวของช้างน้อยเริ่มหมุนเร็ว และขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ แล้ว
หลังโปกมือบ๊ายบายคุณลูก คุณพ่อนั่งรถกลับ ถึงบ้านแล้ว บ้านเงียบสนิท
และแล้วความรู้สึกเหงา เริ่มมาทักทาย !!!
ไม่มีความเห็น
จินตนาการ !!!
สัปดาห์นี้ช้างน้อยต้องสอบแล้ว วันแรกสอบ คณิต เชาว์คณิต และ ส.ป.ช. ช้างน้อยรายงานพ่อว่าทำได้เกือบหมด มีบ้างข้อจำไม่ได้เลย "ดูเพื่อนนิดหน่อย ครูตุ้มไม่ว่าหรอก..." ช้างน้อยเริ่มหาความรู้รอบตัว และรอบโต๊ะตั้งแต่เยาว์วัยเชียว คุณพ่อต้องรีบเตือนไม่ให้ช้างน้อยกังวลเรื่องคะแนนสอบมากนักให้ทำเท่าที่ทำได้ ทำไม่ได้ก็ค่อยมาฝึกเอาใหม่ และให้กำลังใจเจ้าตัวน้อย
พรุ่งนี้มีกำหนดสอบ ภาษาไทย เชาว์ภาษาไทย และคัดลายมือ คุณพ่อให้อ่านหนังสือทบทวนเล็กน้อย และชวนขึ้นนอนแต่หัวค่ำ จะได้นอนอิ่มๆ
"พ่อครับ... เล่านิทานให้ฟังหน่อยสิ.." ณ ห้องนอนช้างน้อยเริ่มทวงนิทานกล่อมนอนดุจดังวันก่อนๆ
"เรื่องอะไรดีน้อออออ....??? " คุณพ่อถาม พร้อมเสนอ "กระต่ายกับเต่าดีมั๊ย..."
"เออ... ได้ๆ แต่คราวนี้พ่อต้องให้พี่กระต่ายชนะด้วยนะ" ช้างน้อยต่อรอง
"อ้าว... ทำไมหล่ะลูก ก็พี่กระต่ายชอบนอนหลับจะชนะได้งัยหล่ะ" พ่อถามเหตุผล "ก้อพี่เต๋ามีแต่ชนะๆๆ พ่อไม่ต้องให้พี่กระต่ายนอนหลับนะ พี่กระต่ายจะได้ชนะ สงสารพี่กระต่าย..."
ช้างน้อยยยยย.... เป็นกรรมการลำเอียงซะแล้ว
ไม่มีความเห็น
ปล่อยวาง : สองแถว แคบหมู และพริกหนุ่ม
คงเพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาคร่ำเคร่งกับงานที่ออฟฟิต โน่นก็เร่งนี่ก็ด่วนนั่นต้องรีบคุย... เดินทางมาทำงานต่างจังหวัดคราวนี้จึงดูเหมือนจะผ่อนคลาย จดจ่องานเฉพาะหน้าที่ถูกมอบหมายมาเพียงอย่างเดียว ไร้งานอื่นเจอปน ...
เสร็จภารกิจหลัก อาศัยช่วงเวลาน้อยนิดก่อน taxi จะมารับตามนัดหมาย งานต่อไปคือภารกิจรอง (แต่สำคัญมากๆ) เป้าหมายคือตลาดวโรรส กาดหลวงเก่าแก่ของเมืองเหนือ "ไม่ไปไม่ได้ค่ะ ต้องมีของฝากติดมือ... " น้องๆ ทีมงานได้ชวนเดินตลาด
ใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถึงตลาดก็ต้องต่อคิวซื้อของร้านเป้าหมาย เพราะลูกค้าเยอะ จากนั้นเดินโฉบเฉี่ยวสัมผัสบรรยากาศ ก่อนจะรีบโบกสองแถวกลับโรงแรมจุดนัดพบ..
แม้จะเร่งๆ รีบๆ แต่ทุกสัมผัสระหว่างนี้.... รู้สึกดี
ไม่มีความเห็น
ไม่นั่งเลยก็จะไม่ได้บรรยากาศ
มีภารกิจเมืองเหนืออีกคราว นกแอร์บริการแต่เช้าตรู่ถึงเชียงใหม่อากาศกำลังดี เรียก Taxi มาส่งถึงโรงแรมก่อนเวลาประชุม ยังมีเวลามากพอที่จะทานข้าว ทีมงานชักชวนกันแวะทานข้าวเช้า ณ ตลาดไนท์พลาซ่ากลางกรุง
ยามเช้าของตลาดโต้รุ่งร้านค้าปิดเงียบ มีเพียงร้านค้ารถเข็น 2 -3 ร้านคอยให้บริการอาหารเช้า "ตรงนี้แหล่ะ มาแล้วต้องนั่งซะหน่อย ไม่นั่งเลยก็จะไม่ได้บรรยากาศ" หนึ่งในทีมงานได้ชักชวน จากนั้นจับจองครอบครองเก้าอี้...
แม้จะเพลียๆ จากการตื่นเช้าตรู่ แต่ก็ลิ้มรสได้ว่ามื้อเช้าวันนี้รสชาติมิเบาเลย
เสน่ห์ของเมืองไทยนะคะ เวลาไหนๆก็หาอะไรกินได้
ร้านค้ารถเข็ญ นี่มันดูยากเข็ญจังนะคะ สงสัยว่ามันน่าจะมีที่มาจากคำนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ปัจจุบันมันเขียนว่า รถ"เข็น"จะถูกต้องกว่านะคะ ทักมาด้วยความรักภาษาไทยของเรา หวังว่าคงเข้าใจในเจตนาดีนะคะ
ขอบคุณป้าโอ๋...... รถเข็ญ..... รถเข็น ขอบคุณคร้าบบบ
สุขนั้น.. เป็นปัจจัตตัง ???
"องค์กรแห่งความสุข" กำลังเป็นเรื่องราวที่หลายองค์กรให้ความสำคัญ เช้านี้มีการหารือความร่วมมือเพื่อนำร่องผ่านวิจัยปฎิบัติการ ทั้งการหารูปแบบ พัฒนากระบวนการและกิจกรรม พัฒนาคน พัฒนาทีม และถอดบทเรียนซ้ำอีกชั้นเพื่อขยายผล ยังอยู่ในชั้นของการฟอร์มความคิด คงต้องมีการขยับกันอีกหลายรอบ
นั่งคุยไปนิยามความสุขของแต่ละคนไป หลากหลายสุข ทั้งสุขเพื่อตน สุขเพื่อคนอื่น และสุขสาธารณะ ฟังไปเพลินไป ความคิดของคนช่างหลากหลายดีแท้ ชอบใจกับแนวคิดที่ผุดมาจากวงคุยพูดว่าสุขขององค์กรเริ่มเล็กๆ ที่ "การปฎิสัมพันธ์" ของผู้คนในองค์กร
เครื่องมือและวิธีการยังเป็นเรื่องที่ถกกันไม่จบ หลายที่ผ่านหมดครบเครื่อง สุนทรียสนทนา จิตตปัญญา กลุ่มเสริมพลังองค์กร เพื่อนช่วยเพื่อน ฯลฯ แต่มาแล้วก็ค่อยๆ เลือนลางไปเมื่อสู่วงจรการทำงานเดิม แต่ก็ยังให้ความสำคัญว่า "สุข" นั้น น่าจะต้องเสริม และสร้างต่อให้ได้
หลากหลายแนวคิด แต่ที่สำคัญจะไปอย่างไรดี... ต้องคิดต่อ
ไม่มีความเห็น
ครอบครัว 3 วัยกับช่วงเวลาเร่งด่วน
"พ่อคร้าบบบ.... การบ้านยังไม่ได้ทำเลย !!!" นาฬิกาหมุนบอกเวลา 07.00 น. แล้ว รถตู้มาจอดรอหน้าบ้าน คุณพ่อเตรียมจะอุ้มขึ้นรถตู้ แต่ช้างน้อยเพิ่งนึกได้ว่า "การบ้านเลข" ยังไม่ได้ทำเลยยยยย...
เพราะเป็นช่วง 2 สัปดาห์สุดท้าย การบ้านเพื่อทบทวนบทเรียนมากขึ้น คุณพ่อเองก็ไม่ได้สังเกต คิดว่าคงเหมือนวันอื่นๆ เสร็จการบ้าน 1 ชิ้นก็ชวนให้ตัวน้อยรีบนอน เช้าตรู่จะขึ้นรถอยู่แล้วนึกได้ โห... เจ้าช้างน้อยของพ่อ การบ้านตั้ง 1 หน้ากระดาษแหน่ะ คุณพ่อมีงานข้างนอกด้วยยยยย
รีบเร่งทำการบ้าน เสร็จสรรพเรียบร้อย ฟ้ามืดครึ้มเหมือนฝนจะตกอีกแล้ว คุณย่ารีบตระเตรียมเสื้อกันฝนให้ทั้งคุณปู่และคุณหลาน และแล้วส่งไม้ต่อไปคือคุณปู่ที่ต้องควบจักรยานปั่นไปส่ง
โชคดีที่โรงเรียนไม่ไกลนักแค่ 3 ป้ายรถเมล์ ทันร้องเพลงชาติ
ขอบคุณคุณปู่คุณย่าคร้าบ ภารกิจยามเช้าผ่านเป็นไปด้วยความราบรื่น
ไม่มีความเห็น
ปฏิรูปเทสวาสะ
เช้าตรู่เมื่อวันวาน “พี่บี” พี่สาวและกัลยาณมิตรต่างสถาบันฯ ในรอบรั้วศาลายา กริ๊งกร๊างโทรศัพท์ความแจ้งว่าจะมีเวทีถอดบทเรียนโครงการวิจัยที่กำลังทำอยู่ และเวทีคราวนี้ได้เรียนเชิญ “ลุงม่อย” (ผศ.ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์) ท่านเมตตาแวะเยื่อนพี่น้องผู้คุ้นเคยที่ทำงานร่วมกัน และนัยว่าเป็นเวทีชวนคุยทบทวนการทำงาน และให้กำลังใจน้องๆ ที่ยังทำงานกันอย่างต่อเนื่อง
ได้ทราบข่าวงานนี้มาแล้ว แต่ยังไม่ทราบกำหนดการที่ชัดเจนถึงวัน เวลา และสถานที่ที่แน่ชัด หลังพี่บีได้แจ้งห้องประชุม และสถานที่แล้ว ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ทำงานนัก จึงเป็นจังหวะดีที่จะได้เข้าร่วมเวทีคราวนี้ด้วย
ด้วยภาระที่ต้องชำระวันต่อวันไปพร้อมๆ กัน และ “ด้วยจิตคารวะ” คุณครูเมตตามาเยือนน้องๆ อีกทั้งไม่ได้เจอนานแล้ว เลยต้องหอบหิ้วงานและไปนั่งเรียนรู้กับคุณครูด้วย
ไม่ผิดหวัง ผู้เข้าร่วมล้วนเพื่อนพ้องน้องพี่ผู้คุ้นเคยกัน และที่สำคัญคือสำหรับตนเองนั้นมี “คุณครู” นั่งอยู่ในห้องพร้อมกันสองท่าน หนึ่งนั้นคือ ผศ.ดร.โสฬส ศิริไสย์ ในฐานะเจ้าภาพ และ ผศ.ดร.วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ในฐานะวิทยากรเวทีถอดบทเรียนคราวนี้ โอกาสดีๆ ที่สองอาจารย์ผู้เฒ่ามาร่วมปลุกเสกวิชาการให้น้องๆ แบบนี้หายากยิ่งนัก
เป็นโชคดีดังคำพระท่านว่า “ปฎิรูปเทสวาสะ” อยู่ถิ่นที่ดี มีสิ่งแวดล้อมเหมาะสม ผลพลอยได้ก็คือโอกาสการทำงานและการเต็มเติมวิชาการในโอกาสที่เหมาะสม มุ่งทำงาน ทำงานมุ่งเป้าจนละเลยสิ่งงดงามรายทาง อีกทั้งถูกกำกับวนเวียนอยู่กับทฤษฎี และแนวคิดที่คุ้นชินแบบเดิมๆ บางคราวก็ถึงจุดบอด ขาดสมาธิ ไม่มีจังหวะสะท้อนบทเรียนให้ตน ไร้มุมมองใหม่ๆ ไร้ทิศทางให้ได้คิดและเรียนรู้ การได้คุณครูที่ผ่านร้อนผ่านหนาวและ "ตกผลึกแล้ว" คอยเมตตาชี้นำทาง โอกาสเช่นจึงหาได้ยากนัก
ในเวทีนั้น ตาจ้องโน๊ตบุ๊คมือพิมพ์ทำงานไป ส่วนโสตประสาทสดับฟังเพื่อรับบทเรียนที่คุณครูถ่ายทอดไป บทเรียนบางส่วนบางตอนของการทำงานที่ผ่านมาจากกรณีศึกษานั้น เสี้ยวหนึ่งตนเองนั้นได้มีส่วนร่วมคาบเกี่ยวเป็นตัวละคร คุณครูได้ประติดประต่อเชื่อมโยงให้เห็นภาพ และจังหวะการเดินเรื่องราวได้ชัดเจน และที่สำคัญในเวทีคราวนี้คือ คุณครูได้ตกผลึกเหตุการณ์แต่ละช่วงว่า คืออะไร เทคนิค กลวิธีเครื่องมือที่ใช้ต่างกรรมต่างวาระนั้นมาอย่างไร และฐานคิดที่ใช้กับบริบทนั้นเป็นเช่นไรเพื่อให้สอดคล้องกันทั้งความเป็นวิชาการ และมิละเลยถึงวิถีของผู้คนในพื้นที่จะต้องไม่ให้บอบช้ำ คุณครูย้ำเรื่องนี้ไว้น่าสนใจยิ่ง "...พวกเรานักวิชาการเข้าไปแล้วพวกเราก็เดินกลับ แต่คนในชุมชนเขายังต้องใช้ชีวิตเหมือนเดิม ยังต้องอยู่ด้วยกันต่อ" ได้แต่บอกตนเอง... ทำไมหนอ ช่วงเวลาที่คุณครูพาลงมือปฏิบัติทำไมเราคิดไม่ถึง และเชื่อมโยงเรื่องราวให้ได้เป็นเรื่องเป็นราวดุจดังบทเรียนที่คุณครูกำล้งย้อนรอยให้ทบทวนถึงบ้างนะ...
ครึ่งวันหลังทานข้าวกลางวันร่วมกัน จำต้องขออำลาคุณครูด้วยภาระเร่งด่วนที่ต้องชำระต่อ ก่อนออกจากห้องมีเสียงเปรยๆ สัพยอก จากคุณครูโสฬส ศิริไสย์ “เบื่อจัง มาชะโงกดูแล้วก็ผ่านไป ...”
คุณครูครับ ก็คุณครูทั้งสอง “เสกปั้น” ศิษย์เพื่อให้ออกมาทำงานสาธารณะเช่นนี้ ศิษย์เลยถูกใช้งานเยอะ คร้าบบบ !!!!
ไม่มีความเห็น
ปิดทอง
หลังได้รับนโยบายเพื่อเชื่อมประสานการทำงานร่วมสำนักงานพุทธมณฑล คณะทำงานและทีมวิชาการหลายชีวิตซึ่งล้วน “จิตใหญ่ใจอาสา” เริ่มขยับทำงานกัน มีการตั้ง “วงคุย” ทั้งอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางหลายครั้งหลายคราว
และสิ่งที่เห็นพ้องต้องกันก็คือพวกเราทุกคนในอำเภอพุทธมณฑลล้วนแล้วปรารถนาเห็น “พุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางเรียนรู้พุทธศาสนาที่ดีที่สุดในโลก”
แม้จะตระหนักดีว่าโจทย์นี้ใหญ่หลวงนัก ขับเคลื่อนจริงคงใช้พละกำลังมิใช่น้อย และคงต้องใช้ระยะเวลา แต่ทุกคนก็ล้วนยินดี
เหนื่อยแต่ผลลัพธ์ออกมาเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะแล้ว นั่นจะเป็น “กุศล” ที่น่าภาคภูมิใจนัก
ขอบคุณดอกไม้ครับ อาจารย์วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ...... ระหว่างที่ลงพื้นที่ดูงาน สนง.พุทธมณฑล (14 กย 55) ได้แจ้งกับคุณหมอวัฒนา เทียมปฐมว่าอาจารย์มีถอดบทเรียนที่ศาลายาต้นสัปดาห์นี้ คุณหมอฝากเรียนว่าหากว่าง รพ.พุทธมณฑลขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวสักมื้อนะครับ และอาจารย์ ดร.อภิลักษณ์ เกษมผลกูล ฝากเรียนว่ามีหนังสือชุดใหม่จากงานเฉลิมฉลองพิพิธภัณฑ์วัดมะเกลือ คลองโยงล่าสุด ทางศิลปศาสตร์จะส่งไปที่สันป่าตองครับ
รอยความคิด
2 สัปดาห์ผ่านไป หลังเวทีระดมสมองแผนยุทธศาสตร์เตรียมการขับเคลื่อนองค์กรสู่ปีงบประมาณใหม่ มีหลากหลายประเด็นที่ผุดขึ้นในวงคุย มีทั้งเรื่อง “เก่า” ที่ดำเนินการอยู่แล้ว แต่ก็ต้อง “ปัดฝุ่น” อีกครั้งเมื่อ “กระแส” เรียกร้อง และหลายเรื่องเป็นเรื่อง “ใหม่” ที่ต้อง “มองไปข้างหน้า” ให้เท่ากัน และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ “พวกเรา” จะขยับเนื้อขยับตัวเพื่อรับมือกับเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างไร นั่นเป็นโจทย์สำคัญยิ่งกว่า
กลับถึงที่ทำงาน การบ้านที่ค้างไว้คือผู้รับผิดชอบหลักแต่ละยุทธศาสตร์ต้องกลับมาปรับแผนเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ตน พร้อมๆ กับ Review ทั้งงานเก่าและโจทย์ใหม่ๆ จากเวทีระดมสมองเพิ่มเติมเพื่อให้ “ก้าวไปข้างหน้า” อย่างกลมกลืนกัน
สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ประสานงานเริ่มปฏิบัติการ ติดตาม และทวงงาน ประหนึ่งจะไถ่ถาม การบ้านเสร็จกันแล้วหรือ....?
วางงานไว้ร่วมสัปดาห์เนื่องเพราะภารกิจใหม่ๆ สอดแทรก กลับมาทบทวนอีกครั้ง เริ่มมึนงง คิดอะไรไว้บ้างหนอ ??? จะต่อเติมอะไรอีก ??? โชคดีค้นภาพ Flipchart จากเวทีประชุม ร่องรอยและข้อความสำคัญผุดขึ้นมาให้ได้คิดตาม
นึกถึงวลีหนึ่งของวิทยากรท่านย้ำนักหนา “อย่าลืมกระดาษร่างนะ นี่สำคัญ ร่องรอยข้อความที่ทดเอาไว้จะบอกว่าตอนนั้นเรากำลังคิดอะไร... ”
ขอบคุณ “ภาพ Flipchart” ไม่งั้นคลำทางไม่ถูกแน่
ชอบใจ...กระดาษทด คุณอนันต์
ขอบพระคุณ... คุณหมอธิรัมภา อาจารย์หมอ ป.ปัทมา และครูทิพย์ครับ แวะมาเยือน
น้องน้ำจะมาอีกแล้ว ???
ดูข่าวน้ำท่วมพี่น้องชาวเหนือแล้วน่าใจหาย ประตูบ้าน รั้วบ้านยังไม่ซ่อมเลย จะมาอีกซะแล้ว
เย็นนี้คุณปู่ใจดีปั่นจักรยานไปรับช้างน้อยที่โรงเรียนกลับบ้านบ้านเร็ว ตั้งใจจะชวนพี่อ้อย พี่องุ่นเล่นให้หนำใจจู่ๆ ฝนก็ตั้งเค้าเทมาซะเนี่ย
ฝนเทลงมาร่วมชั่วโมง หลังฝนหยุดได้ยินเสียงคุณป้าข้างบ้านตะโกนลั่น ถึงขยะลอยแล้ววววว ถนนหมู่บ้านน้ำขังถึงปากซอย....
ออกอาการแบบนี้ น้ำเหนือมาจะไหวหนอ ??
ไม่มีความเห็น
Seasons Change !!!
แม้ว่าช่วงนี้อากาศจะเปลี่ยนแปลงบ่อย ฝนตกเกือบทุกวัน ทำให้ช้างน้อยมีเสียงกระแอม กระไอบ้าง แต่ไม่ถึงกับเป็นไข้ มีเสียงไอวันสองวันก็หายเป็นปกติ ถือเป็นโชคดีของช้างน้อยที่เทอมนี้ตลอดทั้งเทอมยังไม่ลาป่วยเลย
คุณย่าบอกว่าเพราะอานิสงส์ที่ช่วงปิดเทอมช้างน้อยไปอยู่ต่างจังหวัดเป็นเดือน ได้ภูมิสุขภาพดีจากการไปอาบไอดินกลิ่นโคลน กลับมาเมืองกรุงเลยสบาย แข็งแรงกว่าเดิม
เช้านี้ คุณปู่โทรแจ้งว่าจะมารับช้างน้อยไปอยู่ต่างจังหวัดช่วงปิดเทอม เสียงโทรศัพท์คุณปู่กะคุณหลานคุยกันหนุงหนิง ระรื่นเป็นสุขใจนัก มีเสียงเล็ดลอดแว่วมาจับความได้ว่าเจ้าตัวน้อยตอบรับคุณปู่ “ไปด้วยๆๆๆๆ คิดถึงแต้ว...!!!”
แหม่ .. ช้างน้อยคิดถึงแต้วเจ้าแมวเหมียว จะทิ้งพ่อซะแล้ว
(ภาพประกอบ : "คุณลุงม่อย" วาดภาพให้เมื่อคราวไปเยี่ยมช้างน้อยนอนป่วยครั้งแรกและครั้งเดียว ณ รพ.นครปฐม เมื่อ 2 ปีที่แล้ว)
ไม่มีความเห็น
สาวน้อยกับ Scooter ในสวนสาธารณะ:
ถือโอกาสวันหยุด และวันว่างตรงกันระหว่างคุณพ่อกะ “ช้างน้อย” เลยชักชวนกันหอบขนมนมเนยเผื่อหิว พร้อมๆ ของเล่นหลายชิ้น คุณพ่อปั่นจักรยาน คุณลูกสวมหมวก "BEN 10" ใบโปรด และคว้า Scooter คู่กายวิ่งตามคุณพ่อไปติดๆ จุดหมายปลายทางคือ “กองทราย” และ “ลานเด็กเล่น” ณ สวนสาธารณะหมู่บ้าน
ที่สวนสาธารณะ จู่ๆ ก็มีสาวน้อยวัยประมาณ 4-5 ขวบ เดินตรงมายังคุณพ่อกะคุณลูก พร้อมๆ กับแจ้งความประสงค์ด้วยสายตาเป็นประกายหวัง “หนูอยากเล่นอันนี้หน่ะ....” นิ้วชี้น้อยๆ ของสาวน้อยชี้มายัง scooter ของช้างน้อย
ช้างน้อยหันมาสบตาคุณพ่อเชิงหารือขอความเห็น แต่ ทว่า ไร้เสียงตอบรับและปฎิเสธจากคุณพ่อ
สักครู่ ช้างน้อยก็ยื่นให้ พร้อมกับกำชับกับสาวน้อยนิรนามว่า “อย่าไปไกลนะ...”
และแล้ว ช้างน้อยก็หันมายิ้ม และเอ่ยกับคุณพ่อ...
“เป็นเด็กต้องแบ่งปันกันใช่มั๊ยครับ... ”
ช้างน้อยยอดเยี่ยมมากครับลูก ป้าโอ๋ขอให้หนึ่งกอดเป็นรางวัลความใจดีและมีเหตุผลของน้องมากๆ (ให้ยืมและมีกฎเกณฑ์ที่เหมาะสม)
ขอบคุณป้าโอ๋ครับ คุณลูกช้างน้อยกำลังเรียนรู้โลกกว้าง เช่นกันกับคุณพ่อก็กำลังเฝ้าสังเกต และเรียนรู้โลกใบเล็กรอบๆ ช้างน้อยเช่นกันครับ