ภาษา(Larguage)
คำว่า "ภาษา" เป็นคำสันสกฤต ตรงกับคำบาลีว่า "ภาสา" และตรงกับภาษาอังกฤษว่า "Larguage"
แปลว่าเสียงพูดของมนุษย์ (Human Speech) ตรงกับภาษาไทยว่า "คำ" หรือ "ความ"
ภาษาคือระบบที่มีแบบแผนของพฤติกรรมทางเสียงที่เป็นนิสัยสมาชิกในสังคมใช้สื่อสารกัน เป็นขนวน
วิธีของมนุษย์ ไม่เกี่ยวกับสัญชาตญาณ เพื่อใช้สื่อความคิดอารมณ์ และความต้องการ โดยอาศัยระบบสัญลักษณ์ที่
สร้างขี้นมา เป็นภาพสะท้อน ภาพแสดง หรือ ตัวแทนของโลกวัตถุและความคิด หน้าที่หลักคืออธิบายโลกแห่งความ
เป็นจริง โดยนักภาษาศาสตร์หมายเอาภาษาพูดเป็นหลัก ถือว่าภาษาเขียน(ตัวหนังสือ)ไม่ใช่ภาษาโดยตรง เพราะ
การเขียนหรือตีพิมพ์ เป็นเพียงวิธีถ่ายเสียงพูดเป็นตัวหนังสือเท่านั้น
คำจำกัดความของคำว่า ภาษาคือ 'ถ้อยคำที่ใช้พูดหรือเขียนเพื่อสื่อความของชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง'
ไม่มีความเห็น
การใช้ภาษาในวรรณกรรมการเมือง
การใช้ภาษาในวรรณกรรมการเมือง หมายถึง ลักษณะการใช้ภาษาของผู้เขียนในการแสดงภาพสะท้อนทางการเมือง เกี่ยวกับอำนาจรัฐ ทีใช้ในการปกครองคนสังคม ผ่านทัศนะของผู้เขียนออกมาในรูปของวรรณกรรมชนิดต่างๆ โดยการใช้ภาษาในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงความถูกต้องตามหลักภาษา แต่เป็นการวิเคราะห์ลักษณะของภาษาที่ใช้ อย่างเช่น สำนวนในการเขียน การวางตัวละคร บทของเนื้อหา ความสมจริงของเนื้อเรื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้เน้นในเนื้อเรื่องที่เป็นวรรณกรรมเกี่ยวกับการเมืองเท่านั้น การเมืองในที่นี่ หมายถึงอำนาจของรัฐ การปกครองของรัฐต่อภาคสังคม ที่มีส่วนทำให้ผู้เขียนเกิดมุมมอง เกิดทัศนะคติในการเขียนวรรณกรรมชิ้นนั้นๆขึ้นมา
ซึ่งความงามหรือศิลปะในการใช้ภาษาขึ้นอยู่กับ การใช้ภาษาให้ถูกต้อง ชัดเจน และ เหมาะสมกับเวลา โอกาส และบุคคล นอกจากนี้ ภาษาแต่ละภาษายังสามารถปรุงแต่ง ให้เกิดความเหมาะสม ไพเราะ หรือสวยงามได้
นอกจากนี้ ยังมีการบัญญัติคำราชาศัพท์ คำสุภาพ ขึ้นมาใช้ได้อย่างเหมาะสม แสดงให้เห็นวัฒนธรรมที่เป็นเลิศทางการใช้ภาษาที่ควรดำรงและยึดถือต่อไป ผู้สร้างสรรค์งานวรรณกรรม เรียกว่า นักเขียน นักประพันธ์ หรือ กวี (Writer or Poet)
วรรณกรรมการเมืองในที่นี้ผู้เขียนเจาะจงศึกษาเฉพาะวรรณกรรมแนวการเมืองของวินทร์ เลียววาริณ เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ตามศักยภาพของผู้ศึกษาเอง
ไม่มีความเห็น
กำเนิดวรรณกรรมแนวการเมือง
วรรณกรรมแนวการเมืองของไทยเริ่มปรากฏครั้งในยุคเริ่มแรก หรือยุคของวรรณกรรมแปล และ
วรรณกรรมแปลง พ.ศ.2443 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นยุคที่สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะ
อิทธิพลจากตะวันตกนั่นเอง การเปลี่ยนครั้งนี้เห็นได้ชัดเจนในด้านต่างๆ แม้แต่ด้านวรรณกรรมเอง
การเปลี่ยนแปลงวรรณกรรมที่ชัดเจนเป็นการเปลี่ยนวรรณกรรมร้อยกรองของไทยมาเป็นร้อยแก้ว
ตามแนวตะวันตก มีการแปลและดัดแปลงเรื่องสั้น หรือ นวนิยายจากตะวันตก ซึ่งเป็นที่นิยมการมาก
และในช่วงนี้เองที่วรรณกรรมแนวการเมืองเกิดขึ้น อยู่ในรูปของบทความ บทวิจารณ์ทางการเมือง สังเกตได้จากบทพระราชนิพนธ์ในบทความของรัชกาลที่ 5 นักเขียนแนวการเมืองเช่น ต.ว.ส.วัณณาโภ และ ก.ร.ศ.กุหลาบ ช่วงนี้เป็นช่วงที่สังคมตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น
ไม่มีความเห็น
วรรณกรรมแนวการเมืองของไทย
งานเขียนเขียนเกี่ยวกับการเมืองของไทยนั้นเริ่มขึ้นตังแต่สมัย พ่อขุนรามคำแหง แต่เป็นงานเขียนที่สะท้อนภาพความเป็นอยู่ และการปกครองของชนชั้นปกครองเป็นหลัก ไม่ได้สะท้อนภาพความเป็นอยู่ของประชาชนหรือชนชั้นล่างมากนัก และงานเขียนในยุคนั้นเป็นงานเขียนแนวร้อยกรองที่เน้นหนักไปทางการใช้ภาษาเพื่อความไพเราะ อ่านเพื่อความเพลิดเพลินทางภาษา นอกจากนั้นนักเขียนและประประพันธ์ในสมัยนั้นเป็นคนชนชั้นกลาง หรือคนในชนชั้นปกครองจึงทำให้งานเขียนแนวการเมืองมีน้อย อีกประการหนึ่งในยุคนั้นไม่มีงานเขียนประเภทร้อยแก้ว มากนัก แต่ต่อมางานเขียนของไทยได้พัฒนามาเป็นงานเขียนในรูปแบบร้อยแก้ว หรือที่เรียกว่าวรรณกรรมปัจจุบัน
หลังการเปลี่ยนแปลงของวรรณกรรมจากร้อยกรองมาเป็นร้อยแก้วนั้น วรรณกรรมแนวการเมืองของไทยจึงมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย นอกจากนั้นแล้วช่วงยุคนนี้เป็นยุคทีมีการต่อสู้ทางการเมือง มีวัฒนธรรมการศึกษามาจากตะวันตกทำให้วรรณกรรมแนวการมเมืองของไทยมีการพัฒนาควบคู่กับความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีผลมาจากการปกครองไปด้วย ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากบทความวิจารณ์ การเมืองที่มีปรากฏในปี พ.ศ.2443 ซึ่งเป็นบทความวิจารณ์การทำงานของชนชั้นปกครอง มีการนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา หลังจากนั้นมาในยุคของประชาธิปไตยเบ่งบาน เป็นยุคที่ประชาชนมีความรู้มีการศึกษามากขึ้นทำให้กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงความคิดเห็นต่ออำนาจปกครองที่ไม่ชอบธรรม ส่งผลให้วรรณกรรมแนวการเมืองของไทยพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง กล่าวคือ กล้าวิจารณ์ กล้าต่อต้านการทำงานของรัฐมมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันนี้วรรณกรรมแนวการเมืองนั้นมีปรากฏทั้งในรูปของ นวนิยาย เรื่องสั้น บทความ สารคดี บทละคร ต่างๆมากมาย นอกจากนั้น วรรณกรรมแนวการเมืองยังปากฏในรูปแบบของหนังสือพิมพ์ และในรูปของข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งทำให้การพัฒนาทางวรรณกรรมการเมืองนั้นขยายขอบเขตได้มากขึ้นด้วย
อ่านต่อได้ที่ https://sites.google.com/site/...
ไม่มีความเห็น
วิวัฒนาการของวรรณกรรมไทย
วรรณกรรมไทยปัจจุบันถือกำเนิดขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ลักษณะของวรรณกรรมไทยในช่วงนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปจากวรรณคดีไทยเดิมอย่างเห็นได้ชัดเจนทั้งใน
ด้านรูปแบบ แนวคิด เนื้อหาและกลวิธีการแต่ง เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมของตะวันตก
ดังกล่าวแล้ว.
วิวัฒนาการวรรณกรรมแบ่งเป็น 7 ยุคสมัย
ยุคเริ่มแรก – ที่มาของวรรณกรรมแปลและแปลง (พ.ศ. ๒๔๔๓ – ๒๔๖๙)
ยุครุ่งอรุณ – ที่มาของวรรณกรรมไทยแนวจินตนิยม (พ.ศ. ๒๔๗๐ – ๒๔๗๕)
ยุครัฐนิยม – ที่มาของวรรณกรรมแนวก้าวหน้า (พ.ศ. ๒๔๗๖ – ๒๔๘๘)
ยุคกบฏสันติภาพ – ที่มาของวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิต (พ.ศ. ๒๔๘๙ – ๒๕๐๐)
ยุคสมัยแห่งความเงียบ – ที่มาของวรรณกรรมน้ำเน่า (พ.ศ. ๒๕๐๑ – ๒๕๐๖)
ยุคฉันจึงมาหาความหมาย-ที่มาของวรรณกรรมหนุ่มสาว(พ.ศ. ๒๕๐๗-๒๕๑๕)
ยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน-ที่มาของวรรณกรรมเพื่อประชาชน(๒๕๑๖-ปัจจุบัน)
อ่านต่อได้ที่ https://sites.google.com/site/...
ไม่มีความเห็น
ประเภทของวรรณกรรม
วรรณกรรมแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1)วรรณกรรมสารคดี หมายถึงหนังสือที่แต่งขึ้นเพื่อมุ่งความรู้ ความคิด ประสบการณ์แก่ผู้อ่าน
ซึ่งอาจใช้รูปแบบร้อยแก้ว หรือร้อยกรองก็ได้ เช่น หนังสือวิชาการ ตำราเรียน ตำราอาหาร บทความ ฯลฯ
2)วรรณกรรมบันเทิงคดี หมายถึงวรรณกรรมที่แต่งขึ้นเพื่อมุ่งให้ความเพลิดเพลิน สนุกสนาน
บันเทิงแก่ผู้อ่าน จึงมักเป็นเรื่องที่มีเหตุการณ์และตัวละคร เช่น เรื่องสั้น นวนิยาย นิทาน บทเพลงต่างๆ ฯลฯ
ชนิดของวรรณกรรมไทย แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
1)วรรณกรรมร้อยกรอง คือลักษณะงานเขียนที่ใช้ภาษาเขียนที่สละสวย คล้องจอง เช่นพระอภัยมณีขุนช้างขุนแผน ฯลฯ เป็นต้น โดยใช้ กาพย์ กลอน โคลง ต่างๆ ในการเดินเรื่อง
2)วรรณกรรมร้อยแก้ว คืองานเขียนแบบความเรียง หรือ เรียงความ ที่ไม่ใช้ภาษาคล้องจอง ในรูปของบทความ นิทาน เพลง ฯลฯ
อ่านต่อได้ที่ https://sites.google.com/site/...
ไม่มีความเห็น
วรรณกรรม หมายถึง วรรณคดีหรือศิลปะ ที่เป็นผลงานอันเกิดจากการคิด และจินตนาการ แล้วเรียบเรียง นำมาบอกเล่า บันทึก ขับร้อง หรือสื่อออกมาด้วยกลวิธีต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว จะแบ่งวรรณกรรมเป็น 2 ประเภท คือ วรรณกรรมลายลักษณ์ คือวรรณกรรมที่บันทึกเป็นตัวหนังสือ และวรรณกรรมมุขปาฐะ อันได้แก่วรรณกรรมที่เล่าด้วยปาก ไม่ได้จดบันทึก
ด้วยเหตุนี้ วรรณกรรมจึงมีความหมายครอบคลุมกว้าง ถึงประวัติ นิทาน ตำนาน เรื่องเล่า ขำขัน เรื่องสั้น นวนิยาย บทเพลง คำคม เป็นต้น
วรรณกรรมเป็นผลงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการใช้ภาษา เพื่อการสื่อสารเรื่องราวให้เข้าใจระหว่างมนุษย์ ภาษาเป็นสิ่งที่มนุษย์คิดค้น และสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อใช้สื่อความหมาย เรื่องราวต่าง ๆ ภาษาที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสารได้แก่
1.ภาษาพูด โดยการใช้เสียง2.ภาษาเขียน โดยการใช้ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ และภาพ
3.ภาษาท่าทาง โดยการใช้กิริยาท่าทาง หรือประกอบวัสดุอย่างอื่น
ความงามหรือศิลปะในการใช้ภาษาขึ้นอยู่กับ การใช้ภาษาให้ถูกต้อง ชัดเจน และ เหมาะสมกับเวลา โอกาส และบุคคล นอกจากนี้ ภาษาแต่ละภาษายังสามารถปรุงแต่ง ให้เกิดความเหมาะสม ไพเราะ หรือสวยงามได้ นอกจากนี้ ยังมีการบัญญัติคำราชาศัพท์ คำสุภาพ ขึ้นมาใช้ได้อย่างเหมาะสม แสดงให้เห็นวัฒนธรรมที่เป็นเลิศทางการใช้ภาษาที่ควรดำรงและยึดถือต่อไป ผู้สร้างสรรค์งานวรรณกรรม เรียกว่า นักเขียน นักประพันธ์ หรือ กวี (Writer or Poet)
อ่านต่อได้ที่.. http://www.finearts.go.th/fad1...
ไม่มีความเห็น
ไม่มีความเห็น