อนุทินล่าสุด


ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

มองจากมุมสูงนี้
คนก็มิได้ตัวโตใหญ่
แต่ทำลายทุกสิ่ง

 

 

ธรรมชาติสร้างมา
ให้อยู่อย่างสมบูรณ์รักใคร่
เป็นหนึ่งไม่มีสอง



ความเห็น (1)
ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

ขณะที่ผมขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และติดไฟแดงสามแยก ทำให้ผมนึกถึงเรื่องหนึ่ง นั่นคือเมล็ดพันธ์พืชประเภทต่าง เหตุใดทำให้ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ก็เพราะ สามแยกไฟแดงที่ว่านี้มีเส้นหนึ่งไปศูนย์พันพรรณ ของคุณโจน จันได ที่มีการแจกเมล็ดพันธุ์พืชฟรีสำหรับผู้ที่สนใจ เพื่อที่จะรักษาพันธ์พืชเหล่านี้ต่อไป  

แน่นอนถ้ามีใครหรือบริษัทใดแต่งยีนส์ให้กับเมล็ดพันธุ์เหล่านี้เพื่อให้สามารถปลูกได้แค่ครั้งเดียวหรือรุ่นเดียว จะเป็นอย่าไร พันธุ์พืชที่สามารถดำรงอยู่มาเป็นร้อยปีก็จะตกไปอยู่กับกับคนเพียงไม่กี่คน ถ้าจะปลูกข้าวโพดก็ต้องไปซื้อเมล็ดพันธ์จากบริษัทนี้ ทุกๆปีเราก็ต้องไปซื้อ ทั้งที่จริงแล้วมันควรที่จะเป็นของทุกคนที่สามารถปลูกเมื่อใดก็ได้ จะปลูกกี่รุ่นก็ได้ เหมือนแม่ของผม เวลาแม่จะปลูกข้าว แม่จะเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวที่สมบูรณ์ที่สุดของปีนี้เอาไว้เพื่อปลูกปีหน้าไป นี่เป็นการรักษาและคัดเลือกเมล็ดพันธุ์แบบชาวบ้านถึงแม้จะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยเมล็ดพันธุ์พืชต่างๆก็สามารถดำรงอยู่ถึงรุ่นต่อไป ชาวบ้านรักษาพันธุ์กับแบบนี้ 

ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว มอเตอร์ไซค์ค่อยเคลื่อนผ่าน ความคิดใหม่ก็ก่อตัวขึ้นอึกครั้ง...

 

 



ความเห็น (2)

เขมือบเมล็ดพันธุ์ เขมือบชาติ

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

หลังจากที่เดินทางจากบ้านสั้นป่าเกี๊ยะ อ.เชียงดาว เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ก็พบว่ามอเตอร์ไซค์มีปัญหาเครื่องหลวม จึงจำเป็นที่ต้องไปผ่าเครื่อง หมดไปสามพันกว่าบาท เมื่อวานจึงไปเอารถ และออกไปถ่ายรูปชาวบ้านทำนากัน 


กำลังดำนาฟังจากเสียงสนทนาก็น่าจะเป็นคนไต หรือไทยใหญ่นั่นเอง  ชาวบ้านถามว่าจะเอาไปลงโทรทัศน์ช่องไหน ห้าๆๆ ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเลย 


เจอลุงคนนี้กำลังมาจึงรีบคว้ากล้องมาก็ถ่ายแบบไม่ทันตั้งตัว  ตำแหน่งเลยผิดพลาด


ขากลับมาก็มาเส้นทางเดิม เห็นต้นไม้ตั้งอยู่ต้นเดียวก็ว่าจะไปถ่ายจากถนน แล้วก็กลับ พอเห็นน้ำด้วยก็คิดว่าน่าจะมีเงาสะท้อน จึงตัดสิ้นใจลงเดินบนคันนา เขาไปได้ระยะจึงถ่าย เกือบพลาดตกน้ำไป เพราะเดินคันนาลื่น


ภาพนี้แค่เห็นหมอกกำลอยออกจากภูเขา ซึ่งสวยมาก จึงจอดรถแล้วถ่าย ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้าน



ความเห็น (1)

ชอบ ๆ ๆ ๆ ๆ ลงบันทึกเต็ม ๆ หลาย ๆ ภาพเลยค่ะ......Cheer

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

บ้านสันป่าเกี๊ยะ อยู่อำเภอเชียงดาว  จังหวัดเชียงใหม่  อยู่ห่างจากตัวอำเภอราว 23 กิโลเมตร  ทางลูกรัง ซึ่งมีความยากลำบากมาก ยิ่งเวลาฝนตกด้วยแล้ว จะยากลำบากเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ถนนสายนี้ไม่มีหมู่บ้านอื่นอาศัยอยู่ ถนนค่อยๆขึ้นเขาไปเรื่อยๆเลี้ยวไปตามสันเขาจากลูกหนึ่งไปลูกหนึ่ง ขึ้นบาง ลงบ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางไปหมู่บ้านนี้ รู้สึกถึงความยากลำบากในการเดินทางจริงๆ  


ครึ่งทางที่ต้องทนเมื่อยก้นบนเบาะมอเตอร์ไซค์  แต่ก็คุ้มค่าในการเดินทางครั้งนี้


ถึงยอดดอยแล้วล่ะ แต่ก็ยังต้องลงเขาอีกสองกิโลเมตร 

แล้วสวรรค์ก็อยู่ที่นี่เอง อากาศเย็นตลอดปี  เงียบสงบ ไม่มีไฟฟ้าใช้ มีแต่แผงโซล่าเซลล์เล็กๆที่ช่วยเปิดไฟในยามค่ำคืนเท่านั้น  ธรรมชาติกับชีวิต เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลงตัว ...




ความเห็น (3)

เขียนมาเล่าสู่กันฟัง นำภาพสวยๆมาให้ชมอีกนะครับ

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

ที่ดอยปุยครับ...




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

ในตัวเมืองเชียงใหม่ ร้อนอบอ้าว สร้างความร้อนรนใจไม่น้อย  แต่เมื่อขี่มอเตอร์ไซต์ขึ้นมาดอยสุเทพผ่านมาที่ดอยปุย กลับพบว่าเส้นทางนี้มีหมอกลง อากาศเย็นสบาย จากร้อนก็กลายเป็นหนาวแทนต้องรีบหาเสื้อแขนยาวมาใส่เพื่อรักษาร่างกายให้อบอุ่น  ข้างบนนี้ไม่ได้เห็นตะวันมาสามวันแล้ว  บรรยากาศจึงออกจะคล้ายหน้าหนาว หากมีโอกาสก็พาตัวเองพักผ่อนบ้างนะครับ...



ความเห็น (2)

บรรยากาศงามครับ คนถ่ายยังไม่คล่องเลย อิอ

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

ฝนตกมา  ดีอกดีใจเป็นการใหญ่ แต่ก็มานิดเดียว กลับมาร้อนเช่นเดิม อิอิ..

เอารูปมาแก้ร้อน ...




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

เป็นเวลาสามอาทิตย์ที่ผมได้เจอเขา เราไม่สนิท เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่มาเจอกัน ไม่สิ ผมต่างหากที่เลือกที่เจอเขา สามอาทิตย์ที่เราอยู่ด้วยกัน เขาได้เล่าเรื่องราวชีวิตของเขาให้ฟัง มันช่างเป็นเรื่องราวที่หนักหน่วง เหมือนพายุโหมกระหน่ำในคืนเดือนมืด ไร้แม้แต่แสงจันทร์ที่จะช่วยนำทาง ชีวิตรัก การเรียน เพื่อนฝูง ชีวิตที่หนักหน่วงเช่นนี้ทำให้เขาเลือกที่ปลีกวิเวกตัวเองออกจากสิ่งต่างๆ เขาไม่ไช่คนดีอย่างที่ผมคิด แต่กระนั้นก็เป็นคนที่ซื่อตรงต่อตัวเอง ไม่หลอกหลวง เขามักจะพูดแบบตรงๆ ไร้การเสแสร้ง และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราเจอกัน ผมปิดปกหนังสือหน้าสุดท้ายลง เขายังอยู่ในหนังสือเล่มนี้ "เงาสีขาว"


ภาพไม่เกี่ยวกันเลย ห้าๆๆ



ความเห็น (1)
ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

เป็นเพียงดอกไม้ที่อยู่ข้างทาง  ไม่มีใครสนใจ ไร้การดูแล แต่กลับงดงามกว่าสิ่งใด




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

หากจะออกจากระบบสังคม เราต้องกล้าพอ ที่จะไม่เหลือใคร




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

ชีวิตอย่ามองแบบมีข้อจำกัด หากเราอยู่เพียงแค่นั้น เราก็ได้แค่นั้นจริงๆ





ความเห็น (1)
ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

มองทอดสายตาสู่เบื้องหน้า โลกกว้างกว่าที่เห็น มีเรื่องราวอีกมากจริงๆที่เรายังไปไม่ถึง




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

วันเสาร์ที่ผ่านมาเดินทางไปดอยอ่างขาง ในยามที่ไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยวดูเงียบสงบ

เย็นสบาย ได้ยินเสียงใบไม้ เสียงลม เสียงนก บรรยากาศดีกว่าเยอะเลย




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

บรรยากาศยามเย็นในช่วงนี้มักจะสวยกว่าหลายเดือนที่ผ่านมา ภาพนี้ก็บรรยากาศอีกแบบหนึ่งที่มักจะพบเห็นได้บ่อยๆ 




ความเห็น (2)

ช่วงนี้เมฆสวย แสงสุดท้ายก็สวยครับ ;)...

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

นานๆจะผลิบานสักครั้ง แต่เมื่อใดที่ผลิบาน ก็สวยกว่าสิ่งใด




ความเห็น (2)

เห็นด้วยค่ะ ที่บ้าน เธอออกดอกที สร้างสุขให้ทุกคนที่พบเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

ดอกไม้ต้นเดียวกันนี้แห้งเหี่ยวแทบไม่เหลือใบให้เห็น  หลายเดือนต่อมา ใบเริ่มผลิออก  ดอกเริ่มผลิบาน เป็นนางเอกประจำโรงเรียนไปแล้ว



ความเห็น (1)

ช่วงหน้าฝน..ได้เห็นดอกไม้ที่สวนผลิดอกออกช่อเช่นกันค่ะ...


ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

เมื่อวานและวันนี้ ผมได้เดินทางไปพร้อมกับนางกีสา เพื่อหายารักษาลูกชายชื่อเวฬุ ที่ถูกงูกัด ชีวิตที่เต็มด้วยเรื่องราวที่ทุกข์สุดจะบรรยาย จาก แดนอรัญ แสงทอง ในนวนิยายเรื่อง เดียวดายใต้ฟ้าคลั่ง




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

มองเห็นโซ่ล่ามช้าง ช่างเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด รู้สึกหดหู่ อดสงสารไม่ได้ ผมจมอยู่กับความรู้สึกอย่างนี้เป็นเวลานาน เฝ้ามองถามถึงทุกชีวิตที่เกิดมา ว่าแท้ที่จริงแล้วจะมีสิ่งมีชีวิตใดบ้างที่ยอมถูกจำกัดอิสรภาพของตัวเองอยู่กับบางสิ่งอย่างเต็มใจโดยที่ขัดแข้งใดๆเลย  ทุกชีวิตก็ย่อมต้องชีวิตที่เป็นของตนเองทั้งสิ้นมิใช่หรือ ...


ภาพนี้เป็นเพียงประกอบให้เท่านั้น



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

เช้านี้ตื่นมา มองเห็นนกเกาะที่สายไฟ  ดูน่ารักดี จึงแชะรูปมาฝาทุกท่านๆ 

ใครเป็นเช่นนี้บ้างนะ อิอิ



ความเห็น (1)

นกตัวหนึ่งนั่งห่างออกมา...คิดว่ามันคงเหงา :)

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

เมื่อวานอากาศร้อนและเป็นวันเปิดเทอมวันแรก

"ฮู้ ร้อนจัง !! เดียวฉี่ใส่ผ้าล่ะ"  เสียงนักเรียนชายตัวน้อยชั้น ป. 2 

ได้ยินเช่นนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้  




ความเห็น (1)

ยังดีแค่ฉี่ใส่ผ้านะคะ...เคยเห็นเด็กปีนขึ้นไปบนต้นไม้แล้วฉี่ลงมาใส่คนที่เดินอยู่ข้างล่าง...

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

เหนื่อยคิดอะไรไม่ออกแล้วครับ ดูรูปไปก็แล้วกัน...




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

ดึกแบบนีอากาศเย็นดี เหมาะแก่การคิดงาน หรือทำงานในระดับความคิด แม้บางคนยังคิดไม่ออก  หรือทำอะไรไม่ได้ ก็อย่าพึ่งท้อก่อนนะครับ




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

วันนี้รู้สึกว่าร้อนกว่าปกติ จึงมาอัพรูปมาให้เพื่อน ถ่ายจาก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ

เรามัวแต่แสวงหาวัตถุจนลืมไปเสียแล้วว่า จิตวิญญาณที่อยู่กับตัวเราหายไปไหน



ความเห็น (1)

เชียงใหม่ ... ชัดเจนเปลี่ยนครับ ;)...

ชีพจรรองเท้า กับเวลาที่หายไป
เขียนเมื่อ


หลายคนท้อกับความดีที่ทำ เพียงเพราะว่าถูกกล่าวหาว่าทำดีเกินไป หรือ เกินหน้าเกินตา สิ่งเหล่านี้ขอให้เป็นเพียงแค่สายลมที่พัดผ่าน จงทำความดีของราต่อไปเถอะ โลกเรายังต้องการเคนดีอีกเยอะ และคนดีๆ ก็ยังถูกจาลึกในความทรงจำของเราอีกนาน ดูอย่างสมเด็จพระเรศวรสิ ...




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท