ทำให้มีใจรัก (เปิด blog ใหม่ครับ)


ทำให้มีใจรัก

นโปเลียน ฮิลล์ได้กล่าวไว้ในหนังสือกฎแห่งความสำเร็จ( The Law of Success)ว่า “ ท่านจะบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ก็ต่อเมื่อ ท่านได้พบงานที่ท่านชอบที่สุด เนื่องจากมันเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันดีว่า คนเราย่อมจะบรรลุผลสำเร็จได้ดีที่สุด เฉพาะในงานที่เขาทุ่มเท ลงไปทั้งหัวใจและวิญญาณ”

ท่านพุทธทาสภิกขุได้ยกตัวอย่างอย่างธรรมดาสามัญที่สุดว่าเป็นชาวนา เลี้ยงควายก็พอใจสนุกอยู่กับควาย เมื่อเห็น แม่ควายกินหญ้า ลูกควายกินนมก็สบายใจเหลือประมาณ เลี้ยงควายก็มีความสุข เป็นศิลปะอยู่ในการเลี้ยงควาย หมายความว่าเมื่อคุณจะทำอะไรคุณต้อง มีปัจจัยความรักเป็นพื้นฐาน รักทั้งมวลที่เป็นสิ่งนั้น พอใจและมีความสุขที่จะอยู่กับมัน ผลที่ทำจึงจะได้ความ การเรียนวิชากฎหมาย คง ไม่เหมือนกับหญิงชายที่อยู่กินกันไปนาน ๆ แล้วก็จะรักกันไปเองได้ หากไม่รักแต่ทนอยู่คุณนึกภาพดู ก็คงที่จะทู่ซี้อยู่ไปเรื่อย ๆ เพราะ งานด้านกฎหมายเป็นวิชาชีพที่คุณจะต้องอยู่กับมันไปตลอด

ทำให้มีใจรัก

นโปเลียน ฮิลล์ได้กล่าวไว้ในหนังสือกฎแห่งความสำเร็จ( The Law of Success)ว่า “ ท่านจะบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ก็ต่อเมื่อ ท่านได้พบงานที่ท่านชอบที่สุด เนื่องจากมันเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันดีว่า คนเราย่อมจะบรรลุผลสำเร็จได้ดีที่สุด เฉพาะในงานที่เขาทุ่มเท ลงไปทั้งหัวใจและวิญญาณ”

ท่านพุทธทาสภิกขุได้ยกตัวอย่างอย่างธรรมดาสามัญที่สุดว่าเป็นชาวนา เลี้ยงควายก็พอใจสนุกอยู่กับควาย เมื่อเห็น แม่ควายกินหญ้า ลูกควายกินนมก็สบายใจเหลือประมาณ เลี้ยงควายก็มีความสุข เป็นศิลปะอยู่ในการเลี้ยงควาย หมายความว่าเมื่อคุณจะทำอะไรคุณต้อง มีปัจจัยความรักเป็นพื้นฐาน รักทั้งมวลที่เป็นสิ่งนั้น พอใจและมีความสุขที่จะอยู่กับมัน ผลที่ทำจึงจะได้ความ การเรียนวิชากฎหมาย คง ไม่เหมือนกับหญิงชายที่อยู่กินกันไปนาน ๆ แล้วก็จะรักกันไปเองได้ หากไม่รักแต่ทนอยู่คุณนึกภาพดู ก็คงที่จะทู่ซี้อยู่ไปเรื่อย ๆ เพราะ งานด้านกฎหมายเป็นวิชาชีพที่คุณจะต้องอยู่กับมันไปตลอด


เรียนกฎหมายอย่างไรให้สนุก


เรียนกฎหมายให้ได้ผลคุณก็คิดให้มันเป็นเรื่องสนุก อย่าคิดว่าเป็นการทนทุกข์ ค่อย ๆ หัดคิดไป เรื่องทั่วไปก็หัดคิด หัดใคร่ครวญเช่น คำสั่งห้ามจอดรถตลอด ๒๔ ชั่วโมงหมายความว่าจอดครบ ๒๔ ชั่วโมงจอดไม่ได้ แต่หากจอดไม่ตลอด ๒๔ ชั่วโมงจอดได้หรืออย่างไร หรือเขตทหารห้ามเข้า หมายถึงห้ามทหารเข้าไปในเขตนั้นคงเข้าได้เฉพาะพลเรือนใช่หรือไม่ ขับรถไปบนถนน เห็นป้ายเครื่องหมาย จราจรของเจ้าพนักงานตำรวจวางไว้บนถนนเขียนว่า หยุดตรวจ ถามว่าคุณจะคิดอย่างไร หากมีตำรวจอยู่แสดงว่าให้คนขับหยุดรถให้ ตำรวจตรวจ หากไม่มีตำรวจอยู่แสดงว่าให้รถผ่านไปได้ ตำรวจหยุดตรวจแล้ว หรือเห็นป้ายบอกว่า ขับช้า ๆ อันตราย หมายความว่า หากคุณขับรถช้าจะได้ รับอันตราย หรืออย่างไร หรือเห็นตามหน้าร้านสถานบันเทิงเขียนไว้หน้าร้านว่า เขตปลอดอาวุธ หมายความว่า ผู้ที่มีอาวุธให้เข้าไปอยู่ข้างในร้านใช่หรือไม่

เหล่านี้น่าจะเป็นตัวอย่างพื้นฐานของการเรียนวิชาทางกฎหมาย คือคิดจากองค์ความรู้ที่เรียนมาเพื่อปรับใช้ วินิจฉัยให้ต้องตามกฎเกณฑ์ ตัวบทกฎหมายที่วางไว้ โดยอาศัยเจตนารมณ์ของกฎหมายรองรับ เพราะหากไม่เข้าใจเจตนารมณ์ก็จะทำให้การวินิจฉัยผิดเพี้ยนไป ตัวอย่างที่ง่ายและยกกันอยู่เสมอ เช่น คุณเห็นป้ายปักอยู่กลางสนามเขียนว่า“ห้ามเดินลัดสนาม” คุณคงวิ่งหรือเข้าไปเล่นไม่ได้ด้วย เพราะเจตนารมณ์ต้องการที่จะรักษาสนามไว้ แต่ปัญหาของสังคมที่พบ ผู้ที่ฝ่าฝืนมักจะอ้างแต่ตัวบท ถือเพียงถ้อยคำกฎหมาย โดยไม่ ได้นำเจตนารมณ์ มาใช้หรือเรียกว่า ”หัวหมอ” หัวหมอไม่ใช่ศีรษะแพทย์ แต่เป็นผู้ชอบที่จะไถไปเรื่อย แม้ว่าจะเอาสีข้างเข้าถู หรืออ้าง ข้างๆ คู ๆ ก็ตาม เช่นนี้กระมังที่ เช็คสเปียส์ ถึงกับเคยกล่าวด้วยความไม่วางใจว่า “The first thing we do, let’s kill the lawyers” ทั้งนี้ เนื่องจากอาจจะต้องการ แก้ตัวให้พ้นผิดหรือมุ่งชนะคดีหรืออาจจะไม่รู้จริงก็ได้ เช่น เมื่อคุณเห็นป้ายหยุดตรวจ คุณก็ไม่หยุด ถูก จับได้ก็จะเถียงว่าก็ผมคิดว่าตำรวจหยุดตรวจแล้ว จึงติดป้ายไว้ หรือบางคดีสู้กันถึงศาลฎีกา ไปด่าเขาว่า “เฮงซวย” ก็พยายามที่จะนำ สืบให้เห็นว่า เฮง ตามพจนานุกรมแปลว่า โชคดีเคราะห์ดี ซวย แปลว่า เคราะห์ร้าย, อับโชค ดังนี้ ที่จำเลยบอกด้วยเสียงดังว่า โจทก์ เป็นคนเฮงซวยนั้น ไม่ใช่คำด่า หรือดูหมิ่นนะ ลองเอาสองคำมารวมกันซิ หมายถึงว่า โจทก์เป็นคนเคราะห์ดีบ้างเคราะห์ร้าย หรืออับ โชคบ้างเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้ดูหมิ่นแต่อย่างใด เหล่านี้ทำให้บุคคลภายนอก ซึ่งไม่เข้าใจก็จะกล่าวหาว่า นัก กฎหมายเป็นคนเจ้าถ้อยหมอความไป ทั้งที่บางทีก็อาจจะเป็นการตีความบกพร่องโดยสุจริตบ้างไม่สุจริตบ้าง เรียนกฎหมายก็คงคล้าย ๆ กับการคิดข้างต้น

ตั้งเป้าใหญ่

ในชีวิตไม่ว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเรื่องใหญ่ในการปกครองประเทศชาติ พูดง่าย ๆ ว่าตั้งแต่เรื่องไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ต้องมีเป้า หมายที่ชัดเจน รัฐบาลมีเป้าหมายที่ต้องการให้ประชาชนบนแผ่นดิน รวมทั้งชาวประมง มีความสุข เรียนกฎหมายการที่จะเรียนให้ดีได้ ก็ เหมือนกับเรื่องอื่นในชีวิต ที่ต้องมีเป้าหมายของการกระทำชัดเจนแน่นอน ทำไมจึงพูดว่าหากไม่มีเป้า ยากที่จะทำให้เรียนกฎหมายได้ดี ลองจินตนาการดู หากคนสองคนคนหนึ่งบอกคุณว่าเรียน เพราะอยากเป็น ทนาย ที่ปรึกษากฎหมายใหญ่ ผู้พิพากษา อัยการ หรืออื่นๆ กับอีกคนบอกว่าเรียนไปเรื่อย ๆ ได้ยินก็เห็นได้ถึงทิศทาง เนื่องจากความหวังจะเป็นพลังขับให้ผู้นั้นกระทำเพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย

ตั้งเป้าเพื่ออะไร

เมื่อคุณตัดสินใจลงเรียนวิชากฎหมาย ก็เหมือนคุณกำลังลงเรือ คุณไม่มีเป้าหมายก็เหมือนกับลงเรือแล้วไม่รู้ที่จะขับหรือพายไปทางไหน และในความเป็นจริงคุณยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าจะพายไปทำไม คุณก็พายไปเรื่อย ๆ วนวนเวียนเวียน เวียนอยู่ในอ่างหรือท่ามกลางเกลียว คลื่นตามชะตา เจอพายุมาก็พลิกคว่ำ ไม่รู้จะพายไปทำไม พายไปไหน กับอีกคนตั้งเป้าว่าจะเป็นที่หวังให้จงได้ การลงเรือหรือลงเรียน เป็นหนทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่วาดหวัง คุณก็จะนึกภาพได้ว่าคนที่เขามีเป้าหมายมั่นคง เขาก็จะมีความคิดกำลังใจมุ่งมั่นที่จะพายไป ให้ถึงจุดหมายเขาโดยเร็วที่สุด เคยตั้งข้อสังเกตไหมว่าทำไมทีมฟุตบอลทีมชาติไทย จึงไม่เคยได้ไปแข่งขันรอบสุดท้ายในฟุตบอลโลก สักทีทั้งที่อยากไปใจจะขาด เพราะเราไม่เคยตั้งเป้าว่าจะไปแข่งขันฟุตบอลโลก เราตั้งเป้าเหมือนกันแต่ตั้งไว้กระจิดริดว่า จะเป็นแชมป์ ซีเกมส์ เพื่อเป็นเลิศในศาสตร์แขนงนี้เหนือลาว กัมพูชา (เขมร) เมียนม่าร์ (พม่า) ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน เมื่อตั้งเป้าเล็กก็ตั้งใจฝึก ซ้อมและดำเนินการเล็ก ๆ เพื่อให้เข้าเป้ากระจิดริด ผิดกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน เขาตั้งเป้าใหญ่ เขาจึงไปไกลกว่าเรา กว่าเราจะคิดตั้งเป้า ไปฟุตบอลโลกเขาก็คงตั้งเป้าจะเป็นแชมป์โลกกันแล้ว

โธมัส เจ วัตสัน ซีเนียร์ ผู้ก่อตั้งและประธานคนแรกของบริษัทไอบีเอ็ม สอนว่า “เล็งเป้าที่สมบูรณ์แบบแล้วพลาด ดีกว่าเล็งเป้าที่ไม่ สมบูรณ์แบบแล้วทำได้” เรียนกฎหมายก็ไม่แตกต่างกัน ตั้งเป้าใหญ่ เล็งไปที่เป้าใหญ่ๆ เพื่อให้มันเป็นแสงไฟดวงใหญ่ เป็นเครื่องนำ ร่องย้อนกลับมาให้แสงหรือพลังที่จะนำทางไปให้ถึง อาจจะตั้งเป้าเป็นอะไรก็ได้ที่ใจคุณปรารถนา อย่างมั่นคงชัดเจน เมื่อตั้งเป้าชัดเจน แล้ว วิธีการและรายละเอียดจะเกิดขึ้นตามมา

ตั้งเป้าอย่างไร

ตอบง่าย ๆ แบบกำปั้นทุบดิน ดั่งที่ผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตส่วนใหญ่ทำไว้คือตั้งให้เลิศ ตั้งให้หรู ตั้งให้กว้าง ตั้งให้ไกล เป้าหมาย เป็นความใฝ่ฝันของคุณ ดังนั้นต้องฝันให้ไกลและทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึง อย่าพยายามตั้งเป้าแค่เพียงกระจิดริด หรือกระเหม็ด กระแหม่แม้แต่ความฝันเลย Paul Ricard ผู้ก่อตั้งและผลิตเหล้าตรา Ricard กล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยกระเหม็ดกระแหม่กับความฝันเลย” เพื่อเติมไฟให้ชีวิต นอกจากคุณจะฟังเพลงเพื่อชีวิตแล้ว คุณควรหาหนังสือประเภท “คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก”ของเดวิด เจ ชวอร์ต David J. Schwartz มาอ่านบ้าง

คุณไม่สงสัยบ้างหรือว่า ทำไมหนังสือเขาถึงพิมพ์จำหน่ายได้ทั่วโลก พิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ขายดีระดับโลก บางทีอาจทำให้คุณเข้าใจขึ้นว่า ทำไมทุกวันนี้การวัดคนเขาวัดกันที่ความฝัน

วูดโรว์ วิลสัน ประธานาธิบดีของสหรัฐผู้ยิ่งใหญ่กล่าวไว้ว่า “เรายิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ด้วย ความฝันของเรา ผู้ยิ่งใหญ่มากมายล้วนแต่เป็นนักฝัน พวกเขามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ท่ามกลางหมอกทึบแห่งฤดูใบไม้ร่วง หรือในเปลวไฟโชติช่วงตลอดคืนฤดูหนาวอันยาวนาน บางคนในพวกเรา ได้ปล่อยให้ความฝันเหล่านี้ตายไป
แต่บางคนได้ถนอมเลี้ยงและปกป้องมันไว้อย่างดี ดูแลความฝันผ่านวันอันชั่วร้าย จนพบอากาศที่สดใส และแสงอาทิตย์ซึ่งสาดส่องมา ยังคนเหล่านั้น ผู้หวังว่าความฝันของเขาจะกลายเป็นความจริงเสมอ”ซึ่งปราชญ์จีนก็กล่าวไว้คล้าย ๆ กันว่า “หากคิดจะทำการใหญ่ใดๆ จะต้องมีความหวังอันยิ่งใหญ่ก่อนเสมอ”

ตั้งเป้าแล้วทำอย่างไร

เมื่อตั้งเป้าเสร็จแล้วคุณลองจินตนาการถึงความสำเร็จที่งดงามเมื่อคุณทำได้ตามฝัน เช่นคุณใฝ่ฝันว่าคุณอยากเป็นที่ปรึกษากฎหมาย นายตำรวจ ผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ ทนายความ หรืออาจารย์มหาวิทยาลัย หรืออะไรก็แล้วแต่

คุณลองนึกภาพ วาดจินตนาการว่า เมื่อคุณอยู่ในชุดนั้น จุดนั้น ตำแหน่งนั้นแล้ว คุณจะเป็นอย่างไร จะมีความสุขขนาดไหนกับการที่ได้ อยู่ในกระบวนการงานยุติธรรม มีชีวิตที่รับใช้ประชาชน คอยประสิทธิ์ประสาทความยุติธรรมให้กับประชาชน

หลับตานึกถึงพ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตรห้อมล้อมอยู่ข้าง ๆ จะชื่นชมยินดีปรีดา น้ำตาไหลหรือไม่ ใบหน้าเขาเหล่านั้นจะเศร้าหมองหรือยิ้ม อย่างเปี่ยมสุข

จินตนาการและคิดคำนึงถึงเรื่องราวความสำเร็จเหล่านี้ทุกครั้งทุกที่เมื่อมีเวลา จากนั้นก็ทำทุกวิถีทางที่จะไปให้ถึง เป้าหมายตามที่ใฝ่ฝัน อย่างที่ว่า ฝันให้ไกลแล้วต้องไปให้ถึง ด้วยความมานะวิริยะ อุตสาหะอย่าง ยิ่งยวด ไม่ควรตั้งแล้วนำอุเบกขา คือวางไว้เฉย ๆ มาใช้ เพราะมิฉะนั้นแล้ว สิ่งที่คุณตั้งไว้ก็จะกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน หรือเป็นฝันที่ลม ๆ แล้ง ๆ

หากเป็นเช่นนั้นพ่อแม่ ญาติมิตรที่คุณจินตนาการไว้ว่า ยืนยิ้มหรือน้ำตาไหลลงมาอย่างยินดีปรีดา อยู่รอบข้างคุณ มิต้องยืนยิ้มอย่างนั้น จนกรามค้าง หรือ น้ำตาไหลเพราะนึกไม่ออกว่าทางชีวิตคุณจะหมุนไปทางไหน ไปหรือ

ประกาศเจตนารมณ์

หลังจากที่ดำเนินการตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ก็จินตนาการประกาศเจตนารมณ์ไว้ แต่ไม่ต้องติดไว้ที่ไหนจำไว้ในสมองนั่นแหละ เพื่อย้ำ เตือนเป็นเชื้อไฟไว้ เพราะบางทีการที่คุณประกาศเจตนารมณ์ออกไปต่อหน้าสาธารณชนแม้ทางหนึ่งจะทำให้เกิดความมานะพยายามที่ จะทำให้ได้ตามที่พูด แต่อีกทางหนึ่งอาจทำให้เป็นสิ่งกดดัน ทำให้คุณเครียด พะวง แต่จะเอาอย่างไรก็แล้วแต่ อัตตาแต่ละบุคคลแล้วกัน

อับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีคนที่ ๑๖ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ซึ่งเกิดในกระท่อมโกโรโกโส ครอบครัวลินคอล์นต่อสู้ชีวิตมา อย่างยากลำบาก เริ่มเรียนในโรงเรียนที่มีสภาพไม่ต่างจากโรงร้าง ครั้งหนึ่งเขายืมหนังสือ “ ชีวิตวอชิงตัน” มาอ่าน เมื่ออ่านจบเขา แสดงความปรารถนาอันแรงกล้าออกมาว่า “ ผมจะต้องเป็นประธานาธิบดีอย่างยอร์ช วอชิงตัน” ผู้ที่ได้ยินได้ฟังต่างพากันหัวเราะขบขัน บ้างเย้ยหยัน ว่าเด็กโง่ๆ ทึ่มๆ และไร้การศึกษาอย่างเขาเหมาะที่จะเป็นภารโรงหรือเด็กรับใช้มากกว่าตะเกียกตะกายเป็นประธานาธิบดี แต่เขาหาโกรธไม่ กลับมุมานะพยายามอย่างแรงกล้าที่จะศึกษาหาความรู้ เพื่อจะให้ได้เป็นประธานาธิบดี เขาศึกษากฎหมายด้วยตัว เองอย่างหามรุ่งหามค่ำ และสามารถสอบเป็นเนติบัณฑิตได้ หลังจากใช้ชีวิตทนายความช่วงหนึ่ง อับราฮัม ลินคอล์น ได้รับการเสนอชื่อ เข้าแข่งขันในตำแหน่งประธานาธิบดี ได้รับชัยชนะท่วมท้น เป็นประธานาธิบดีคนที่ ๑๖ ของสหรัฐอเมริกา ด้วยผลแห่งปณิธานที่เขา กล่าวนั่นเอง

โยงใยเป้าหมาย

เมื่อลงวิชากฎหมายและรู้จุดมุ่งหมายที่จะไป ก็ต้องอ่านหนังสืออย่างแข็งขันเพื่อไปให้ถึงจุดหมายตามที่เป้าหมายซึ่งเปรียบได้กับ ประภาคารนำทางไว้ให้แล้ว ในขั้นนี้คุณก็นำกลยุทธ์ กลวิธีเกี่ยวกับการตั้งเป้ามาใช้อีกครั้ง แต่เป็นเป้าเล็ก ๆ รองลงมาอันเป็นการเชื่อม ต่อโยงใยมาจากเป้าหมายใหญ่ ต้องตั้งเป้าหมายการเรียนของคุณไว้ให้เลิศหรู ต้องได้คะแนนสูงสุดทุกวิชา ต้องได้ G ทุกวิชา ต้องได้ A ทุกวิชา หรืออย่างน้อยก็ได้ ๘๐ คะแนนขึ้นไป

ถ้ามีเวลาว่างคุณช่วยค้นหาข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ของบุคคลที่ว่า ผมต้องการแค่ผ่าน เรียนไปเรื่อย ๆ ประเภท เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ นก บินเฉียงมาเป็นหมู่ เคยมีผู้ใดบ้างที่ไปสู่ถึงจุดหมายอย่างยิ่งใหญ่ (ตามมาตรฐานที่วิญญูชนยอมรับ) และในเวลาอันรวดเร็ว ยกมาไม่ ต้องมากแค่คนเดียว คุณว่าคนเหล่านี้จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการเรียนกฎหมายและในเวลาอันรวดเร็วหรือไม่ .“ผมต้องการ แค่ผ่าน ผ่านก็บุญตายแล้ว” ..“วิชากฎหมายอาญาผมน่าจะได้ P”.. “วิชานี้ผมมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะผ่าน ๖๐ ให้ได้”.. “ สอบเนฯ แค่ ผ่านก็พอ ”บุคคลผู้ที่ตั้งเป้าไว้ว่าเรียน ๆ พอผ่าน ๆ ยากที่จะได้อันดับหรือผลดีเลิศในเวลาอันรวดเร็วหากไม่เปลี่ยนวิธีคิด ก็อาจจะพอ ผ่านอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ หรือผ่านการสอบแต่สอบไม่ผ่าน
การทำบุญจวักเดียวแต่บนบานจะขึ้นสวรรค์ มันเป็นการค้ากำไรเกินควร ในโลกของความเป็นจริงย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก

เป้าที่สูงสุดจะเป็นแรงขับส่งเสริมให้คุณมุ่งมั่น ให้คุณทำเพื่อให้ได้ตามเป้าที่คุณตั้งไว้ หากคุณตั้งเป้าไว้ว่าจะสอบได้ที่ ๑ หรือเกียรตินิยม เชื่อว่าเมื่อคุณใส่ความพยายามเข้าไปเต็มที่ผลลัพธ์ออกมาแม้จะผกผันอย่างไรก็หมายถึงคุณสอบผ่านตามเจตนาแต่จะได้ “เกียรตินิยม หรือนิยมเกียรติ” เป็นอีกกรณีหนึ่งแต่มันก็ยังดีกว่า สอบตกๆ หรือจบอย่างกะชึ่กกะชั่ก ถึงก็ชั่งไม่ถึงก็ชั่ง

เรียนกฎหมายเริ่มต้นที่ศูนย์เหมือนกันหมด

พระท่านสอนว่า ร่างกายคนเราเกิดมาก็มีสามสิบสองประการเท่ากันอาจมีขาดบ้าง แต่ก็ไม่เกินกว่านี้ การเริ่มนั้น เหลาซือ นักปราชญ์ ชาวจีนกล่าวว่า การเดินทางพันไมล์ เริ่มจากการก้าวเท้าเพียงก้าวเดียว ขงจื้อผู้เดินไกลกว่านั้นกล่าวว่า หนทางไกลหมื่นลี้ เริ่มต้นที่ก้าว แรก

ดังนี้ เมื่อเริ่มเรียนทุกคนเริ่มใหม่เหมือนกันหมด ไม่มีใครเก่งกว่าใคร ในชีวิตการเรียนกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใคร เพราะไม่มี อิทธิพลหรืออำนาจมืดใด ๆ มาขวางกั้น เหนี่ยวรั้งไม่ให้คุณประสบความสำเร็จ ใครจะจบจากโรงเรียนฝรั่ง โรงเรียนวัด มัสยิดหรือ มหาวิทยาลัยใดก็ตามที จบมาจะได้เกรดอะไร ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไร ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใครนอกจากตัวเอง เป็นโอกาสที่จะเริ่มต้น ใหม่กับความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ ด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าต้องทำได้

อย่าเพียงคิดแต่ว่า จะทำไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำ ไม่ได้เรียนหรือไม่ได้เริ่ม เพราะหากเป็นเช่นนั้นแค่คิดก็ผิดแล้ว แค่เริ่มก็แพ้ไปแล้ว ครึ่งตัว เมื่อเริ่มเรียนจึงควรเชื่อมั่นและปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำให้สำเร็จ เพราะการเชื่อมั่นสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานผลก็ย่อมจะ เป็นเช่นนั้นจริง

วิธีเรียนที่ดีเพื่อเรียนให้ได้ดี และวิธีที่ดีก็ไปอ่านว่าคนที่เขาเรียนดีๆ เขามีวิธีการเช่นไร
คุณเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า ทำไมฝรั่งจึงชอบอ่านชีวประวัติของบุคคลสำคัญ ๆ หรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้าน ไหนก็ตาม ซึ่งบุคคลเหล่านี้เมื่อเขียนหนังสือออกมาก็จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทั้งนี้ก็เพราะเขาต้องการที่จะรู้ว่าบุคคลเหล่านั้นเขาคิด อย่างไร ทำอย่างไร จึงจัดการกับชีวิตจนประสบความสำเร็จ ซึ่งผู้อ่านก็จะนำวิธีการไปทำตามบ้าง หรือใช้เป็นเครื่องช่วยต่อยอดความ คิดให้ผู้อ่าน โดยไม่ต้องไปทำการวิจัยเกี่ยวกับวิธีเรียนให้เสียเวลา ที่กว่าจะค้นพบก็ไม่แน่ว่าอาจชราภาพเต็มทีแล้ว หรือมัวแต่เสียเวลา ลองผิดลองถูกอยู่หลายปี หลากวิธีที่แตกต่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จ แบบไหนที่ชอบใจก็เลือกมาใช้ให้เหมาะกับตน

ในสาขาวิชากฎหมายคุณก็อาจจะอ่านผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ทางด้านนี้ซึ่งมีมากมายเช่น ท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ อาจารย์ หยุด แสงอุทัย อาจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ อาจารย์เสนีย์ ปราโมช อาจารย์ประพนธ์ ศาตะมาน อาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร ฯลฯ ว่าแต่ละ ท่านมีชีวประวัติทางด้านการศึกษาเป็นอย่างไร ท่านอ่านหนังสืออย่างไร ท่านคิดอย่างไร เกี่ยวกับการเรียน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งของท่านอาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร ยังหาอ่านได้แพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน มีทั้งคำแนะนำนักศึกษากฎหมาย และ อื่นๆอีกมากที่ท่านจะได้ประโยชน์อย่างดี และเพื่อให้เป็นกำลังใจว่าคนที่เคยแวดล้อมท่านก็เคยทำได้ ต้องอ่านคนที่เขาได้ เกียรตินิยม, ได้ที่ ๑ เนฯ , ที่ ๑ ว่าเขามีวิถีทางจัดการกับการอ่านหนังสืออย่างไรเพื่อเป็นแนวทาง ซึ่งส่วนใหญ่หาอ่านได้ตามห้องสมุดของคณะ นิติศาสตร์หรือเนติบัณฑิตยสภา ตามหนังสือรพีปีต่างๆ ยิ่งคุณหยิบมาอ่านมากก็จะได้ความคิดดีขึ้นเท่านั้น จะทำให้ได้แง่มุมที่หลาก หลายแล้วนำมาเปรียบเทียบประยุกต์ใช้กับการอ่านหนังสือให้เข้ากับแนวทางชีวิตของคุณ เพราะต้องคำนึงว่า วิธีที่จัดว่าดีที่สุดอาจไม่ เหมาะกับเราที่สุด วิธีที่เหมาะกับเราที่สุดคือสิ่งที่ดีที่สุด
สิ่งที่ต้องคำนึงในเรื่องการเรียนประการหนึ่งคือจุดเด่นจุดด้อยแต่ละคนไม่เท่ากัน วิธีการเรียนไม่ใช่สูตรสำเร็จ วิธีเรียนซึ่งเรียนได้ดีสำหรับ บุคคลหนึ่ง อาจไม่เหมาะกับอีกคนหนึ่งแต่เราอาจนำวิธีของผู้ที่เคยเรียนแล้วประสบผลสำเร็จมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตน

ในสาขาวิชากฎหมายคุณก็อาจจะอ่านผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ทางด้านนี้ซึ่งมีมากมายเช่น ท่านอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ อาจารย์ หยุด แสงอุทัย อาจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ อาจารย์เสนีย์ ปราโมช อาจารย์ประพนธ์ ศาตะมาน อาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร ฯลฯ ว่าแต่ละ ท่านมีชีวประวัติทางด้านการศึกษาเป็นอย่างไร ท่านอ่านหนังสืออย่างไร ท่านคิดอย่างไร เกี่ยวกับการเรียน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งของท่านอาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร ยังหาอ่านได้แพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน มีทั้งคำแนะนำนักศึกษากฎหมาย และ อื่นๆอีกมากที่ท่านจะได้ประโยชน์อย่างดี และเพื่อให้เป็นกำลังใจว่าคนที่เคยแวดล้อมท่านก็เคยทำได้ ต้องอ่านคนที่เขาได้ เกียรตินิยม, ได้ที่ ๑ เนฯ , ที่ ๑ ว่าเขามีวิถีทางจัดการกับการอ่านหนังสืออย่างไรเพื่อเป็นแนวทาง ซึ่งส่วนใหญ่หาอ่านได้ตามห้องสมุดของคณะ นิติศาสตร์หรือเนติบัณฑิตยสภา ตามหนังสือรพีปีต่างๆ ยิ่งคุณหยิบมาอ่านมากก็จะได้ความคิดดีขึ้นเท่านั้น จะทำให้ได้แง่มุมที่หลาก หลายแล้วนำมาเปรียบเทียบประยุกต์ใช้กับการอ่านหนังสือให้เข้ากับแนวทางชีวิตของคุณ เพราะต้องคำนึงว่า วิธีที่จัดว่าดีที่สุดอาจไม่ เหมาะกับเราที่สุด วิธีที่เหมาะกับเราที่สุดคือสิ่งที่ดีที่สุด

สิ่งที่ต้องคำนึงในเรื่องการเรียนประการหนึ่งคือจุดเด่นจุดด้อยแต่ละคนไม่เท่ากัน วิธีการเรียนไม่ใช่สูตรสำเร็จ วิธีเรียนซึ่งเรียนได้ดีสำหรับ บุคคลหนึ่ง อาจไม่เหมาะกับอีกคนหนึ่งแต่เราอาจนำวิธีของผู้ที่เคยเรียนแล้วประสบผลสำเร็จมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตน วิธีใดที่เคย ใช้หรือนำมาประยุกต์ใช้แล้วทำได้ดี เราก็นำเอาเป็นแบบฉบับ ต้องรู้ว่าสู้อยู่กับอะไร

เมื่อการสอบถูกนำมาเป็นเงื่อนไข ใช้วัดว่าคุณจะไปสู่จุดหมายได้หรือไม่ ข้อสอบเก่าจึงเป็นกุญแจสำคัญ ในอันที่จะทำให้คุณสามารถ ประเมินศักยภาพของตนเองและสิ่งที่คุณกำลังต่อสู้ได้ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คุณประสบผลในการสอบ ดั่ง ซุนวู กล่าวว่า ” ถ้ารู้จักทั้งศัตรู และรู้จักตัวเอง แม้จะรบร้อยครั้ง ก็ไม่ทำให้ท่านตกอยู่ในห้วงอันตราย แต่ถ้าไม่รู้จักศัตรู รู้จักแต่ตัวเอง โอกาสที่จะชนะหรือแพ้มีเท่ากัน ยิ่งไม่รู้จักทั้งตนเองและศัตรู ท่านจะประสบความปราชัยในการรบทุก ครั้งแน่นอน” หรือกล่าวง่ายๆว่า รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง หากเปรียบการสอบเป็นการรบฉันใด ศัตรูก็คือข้อสอบฉันนั้น

ประตูสู่ความสำเร็จ

วิชากฎหมายเป็นวิชาที่มีเงื่อนแง่ต่าง ๆ มากมายก็จริงอยู่ แต่ในการทดสอบวัดความรู้สิ่งที่ถูกนำมาทดสอบส่วนใหญ่ก็จะวกวนอยู่ใน ปัญหาเก่า ข้อสอบเก่าของระดับชั้นต่าง ๆ ไม่ว่าปริญญาตรี เนติบัณฑิต ผู้ช่วยผู้พิพากษาหรืออัยการผู้ช่วย ก็เหมือนปริศนาเก่า ๆ ที่จะ นำพาคุณผ่านไปสู่ประตูแห่งความสำเร็จ นอกจากนี้ข้อสอบเก่าเป็นกรอบที่จะทำให้รู้ขอบเขตของการอ่าน และจะเข้าถึงหัวใจ หรือแก่น ของเรื่องได้ง่าย ซึ่งจะช่วยเป็นเครื่องกำกับทิศทาง

ก่อนเรียนควรจะอ่านเนื้อหาในวิชาทั้งหมดอย่างคร่าว ๆหรือลวกๆ ด้วยความรวดเร็ว จะจบด้วยความเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ตามที จากนั้น คุณควรเอาข้อสอบเก่ามาลองทำดู โดยอาจจะอ่านทั้งคำถามและคำตอบไปเลยก็ได้ ในชั้นนี้เป็นการอ่านเพียงเพื่อเป็นโครงร่าง

คล้ายกับเมื่อคุณต้องการที่จะสร้างบ้านสักหนึ่งหลัง คุณก็ต้องมีแบบพิมพ์เขียวก่อน ซึ่งจะทำให้ เห็นโครงความสำเร็จได้ง่าย เช่นเดียวกัน วิธีการนี้หากคุณนำมาใช้ในการเรียนจะช่วยให้คุณเห็นโครงสร้าง รู้ว่าคุณควรจะแบ่งน้ำหนักการอ่านอย่างไร เช่น วิชาตั๋วเงิน คุณมัวแต่ อ่านการสอดแก้หน้า หรือตั๋วแลกเงินเป็นสำรับ ๕ วัน ๑๐ วันแล้วยังไม่จบหรือจบก็ยังไม่เข้าใจ ก็จะทำให้กังวล ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปีไม่ เคยมีผู้สอบคนใดตรวจพบว่าจะมีการนำเรื่องนี้มาออกสอบ ซึ่งเรื่องแปลก ๆ เหล่านี้ถ้าจะออกสอบเชื่อแน่ว่าอาจารย์ที่สอนจะบอกใบ้ให้ ดังนั้นคุณควรจะมีหนังสือรวมข้อสอบเก่าที่รวมเป็นปีๆหรือที่รวมเป็นเรื่อง ๆ มาอ่านก็จะได้ผลดี และผมเชื่อมั่นอย่างเหลือเกินว่า ผู้ที่ ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการสอบวิชากฎหมายชั้นต่าง ๆ ไม่มีใครที่ไม่นำข้อสอบเก่าเหล่านั้นมาอ่านหรือหัดทำเลย

ดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์ กล่าวถึงเรื่องการอ่านอย่างคร่าวๆหรืออ่านอย่างลวกๆนี้ ไว้ในหนังสือการสร้างประสิทธิภาพ ในการเรียนว่า”..การเรียนที่ดีนั้น ต้องทำให้ตรงกับจิตวิทยาแห่งการเรียนรู้ของคน ตามปกติคนเรามักจะมองเห็นหรือเข้าใจภาพรวมของ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งเสียก่อนแล้วจึงจะมองเห็นรายละเอียดของสิ่งนั้น หรือเรื่องนั้นในภายหลัง..การเข้าใจส่วนรวมของ เรื่องที่จะศึกษาเป็นหัวใจของการเรียน ถ้าท่านไม่เข้าใจในเรื่องส่วนรวมดีแล้ว ท่านจะมองไม่เห็นความสัมพันธ์ของรายละเอียดของเรื่อง นั้นได้ดี และทำให้ท่านศึกษาเรื่องนั้นด้วยความลำบากทีหลัง นักเรียนบางคนชอบลงมือศึกษาข้อปลีกย่อยไปทีละข้อ การทำเช่นนี้ อาจจะช่วยทำให้เขาเข้าใจเรื่องของส่วนรวมได้ภายหลังก็จริง แต่ กว่าจะเข้าใจได้ก็ต้องเสียเวลาไปนาน เป็นการไม่ประหยัดแรงงานและเวลาตามวิธีการศึกษาที่ดี..”

ใช้ประมวลฯ ให้เป็นประโยชน์

ไม่ได้หมายความว่าต้องท่องอย่างเอาเป็นเอาตายต้องจำกันให้ได้ทุก ตัวอักษร ประมวลมีไซร้ ก็ไซร้ ท่านว่าก็ท่านว่า แต่หมายถึงต้อง จำองค์ประกอบต่าง ๆ ได้อย่าง แม่นยำ ตัวบทจะเป็นเครื่องช่วยยึดโยงสิ่งที่อ่านมาแล้วทั้งหมดและเป็นบทสรุปย่อที่ดีที่สุด

นอกจากนี้หากคุณจดจำถ้อยคำที่เป็นองค์ประกอบในตัวบทได้มาก ก็จะช่วยทำให้การเขียนตอบของคุณได้ภาษาที่สละสลวยเป็นเครื่อง ยืนยันว่าคุณไม่ใช่มวยวัด อย่าเพิ่งตระหนกว่าตัวบทมาก หลักเกณฑ์ตามตัวบทมิใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง เพราะเมื่อคุณอ่านหนังสือคำ อธิบายหรือคำบรรยายในวิชาต่าง ๆ มาตราต่างๆก็จะฝังอยู่ในนั้นโดยปริยายแล้ว และเมื่อคุณจำองค์ประกอบตัวบทได้ ก็น่าจะเป็นตรรกะ ว่าคุณจะจดจำเลขมาตราได้เช่นกัน

อ่านกี่เที่ยวก่อนสอบ/อ่านวันละกี่ชั่วโมง

เมื่อคุณมีเป้าหมายและวิธีการที่ดีแล้ว จะมุมานะกันขนาดไหน อ่านกี่เที่ยว กี่ชั่วโมงต่อวันอันนี้เป็นเรื่องที่ตอบยากแสนยาก แต่ละคน ย่อมมีความอดทนไม่เท่ากัน แล้วแต่พลัง ความฮึด หรือความอึด แต่ผู้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะยึดถือคติว่า เวลานอนยังมีอีกเยอะ ในหลุมฝังศพ และคุณต้องตระหนักข้อหนึ่งว่า ขณะที่คนอื่นเขาอ่านคุณนอนแล้วจะล้ำหน้าเขาได้อย่างไร นิมิตหรือความฝันในคืนที่ยาว นานไม่เคยนำมาออกข้อสอบ

เรื่องการอ่านนี้ อาจารย์ประพนธ์ ศาตะมาน ได้กล่าวไว้ในบทความของท่านเรื่อง เรียนกฎหมายอย่างไรถึงจะดี ตอนหนึ่งว่า “เมื่อผม เรียนกฎหมายใหม่ๆ เปิดอ่านไปได้ ๑๐ หน้า อ่านจบแล้วก็ยิ้ม เพราะไม่เข้าใจอะไรเลย และจำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้างวิธีอ่านกฎหมายโดย เฉพาะคำสอนหรือคำอธิบาย ลองอ่านดูสัก ๑๐หน้าแล้วปิดหนังสือ ถ้าคุณไปเล่าให้เพื่อนฟังตามที่อ่านมา และได้ใจความพอสมควร นับ ว่าคุณเป็นคนเก่งมากทีเดียว ถ้าคุณอ่านทีแรกแล้วไป เล่าให้เพื่อนฟังไม่รู้เรื่องลองอ่านใหม่อีกสัก ๒-๓ ครั้ง คุณคงจะพอจำได้บ้างเป็นแน่

ดังนั้น พึงถือหลักว่า กฎหมายนั้นยิ่งอ่านก็ยิ่งจำได้ และจะยิ่งเข้าใจขึ้น

การอ่านตำรา ก.ม. ให้อ่านหนังสือคำสอนให้จบเล่มไปเลยสักครั้งหนึ่งก่อน จบแล้วแม้ไม่รู้เรื่องเลยก็ไม่เป็นไร เพราะผมเองก็ไม่รู้เรื่อง เมื่ออ่านจบแรกเหมือนกัน พอคุณอ่านจบที่ ๒ที่ ๓หรือ ๔-๕ แล้วคุณจะเริ่มเข้าใจเริ่มจำได้ ยิ่งอ่านมากจบก็กำไรมากขึ้น

นักศึกษาปัจจุบันผมเคยถามว่าอ่านหนังสือกี่จบ โดยมากบอกว่าจบเดียวไปสอบเลย ถ้าจบเดียวไปสอบละก็เป็น “จบเห่” แน่ สมัยผม เรียน ก.ม.นั้นเขาอ่านกันคนละ ๕-๖จบ ไปบอกใครว่าอ่าน ๓ จบ ยังงี้อายเขาแย่ไปเลย อ่าน ก.ม.ซ้ำไป ซ้ำมา จะทำให้จำได้ แต่แค่นี้ ไม่พอ คนขยันส่วนมากมักจะย่อเรื่อง ย่อหลักเกณฑ์ที่สำคัญๆ ลงไปในสมุด

เมื่อผมเรียน ก.ม.ที่อังกฤษนั้น นักเรียนอังกฤษขยันยิ่งกว่าผมไปอีก แกทำ “ย่อใหญ่” แล้วแกมี “ย่อเล็ก”อีกเวลาไปเที่ยวไหนๆแกมีย่อ เล็กในกระเป๋าก็งัดออกมาดูสงสัยเปิดดูย่อใหญ่ ถ้าสงสัยย่อใหญ่ก็เปิดดูหนังสือเลย ครั้นสงสัยหนังสือเล่มนั้น ก็เปิดดูหนังสือเล่มอื่นๆ…”

ถ้าจำไม่หมดควรจดดีกว่าจำ การจดนี้อาจารย์ประพนธ์ ศาตะมาน ซึ่งท่านสอบผู้พิพากษาได้ที่ ๑ เมื่อปี ๒๔๘๗ สอบทุน ก.พ.ไปเรียน ต่อต่างประเทศได้ที่ ๑ ท่านกล่าวย้ำเกือบทุกบทความที่เขียนถึงเรื่องการเรียน ในหนังสือรพี ปี ๒๕๓๑ หน้า ๖๗ เรื่องวิธีเรียนกฎหมาย ท่านกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า”…ข้าพเจ้า พบว่าการย่อคำบรรยายเป็นประโยชน์ เพราะท่านต้องอ่านเข้าใจจึงจะย่อเรื่องได้ การอ่านได้ทางตา การย่อได้ทางมือ ทั้งตาและมือเมื่อช่วยกัน จะทำให้ท่านแม่นยำขึ้นไม่มากก็น้อย ในสมัยนี้ข้าพเจ้า ไม่ค่อยจะเห็นนักศึกษาย่อคำ บรรยายของอาจารย์กันเลย อาจเป็นเพราะไม่มีเวลาก็เป็นได้ ข้าพเจ้าขอแนะนำว่าถ้าสามารถทำได้ ควรย่อคำบรรยายที่ท่านประสงค์จะ ถือเป็นหลักไว้เถิดจะเป็นผลดีอย่างยิ่ง” ดังนี้ผู้เรียนที่ต้องการเรียนให้ได้ดีและประสบผลสำเร็จ การจดเป็นสิ่งที่จำเป็นทีเดียว

ข้อมูลจาก Thaijustice.com

 

หมายเลขบันทึก: 99562เขียนเมื่อ 30 พฤษภาคม 2007 11:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 21:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • ยินดีต้อนรับสู่ G2K ค่ะ
  • นี่ขนาดเปิดใหม่นะคะ อ่านกันตาลายเลย

ยินดีต้อนรับค่ะ

โอ้ววว เขียนได้ยาวมั่กมาก

^___^

P
สวัสดีครับ ขอบคุณครับที่เข้ามาทักทายต้อนรับ     คุณวันเพ็ญ อยู่ ม.น. ใช่ไหมครับ ผมเดิมเป็นนิติกรที่ ม.น.ครับ

ยินดีต้อนรับครับ

บันทึกยาวมากครับ

อาจจะอยู่หลังห้องอบรม แต่ยืนยันได้ถึงคุณภาพนะครับ :)

ให้กำลังใจในการเขียนต่อเนื่องครับผม

เรียนรู้เพิ่มเติมที่ http://gotoknow.org/blog/tutorial4u/90628

ว้าว ๆมาแล้ว อาจารย์ที่มรภ.ราชภัฏ จำกันได้หรือเปล่า เนี่ย ยินดีต้อนรับนะค่ะ เขียนเรื่อยๆนะค่ะ ขออนุญาตนำเข้าแพลนเนตค่ะ
แวะมาดูครับ...(ดูอย่างเดียวเลย...) ตาลาย ขอโทษที่ไม่ได้อ่านครับ -_-"
  • ตามมาดูอีก
  • นั่งหลังห้องแต่เอาจริงนะครับ
  • เขียนมาอีกนะครับ
  • ตามอาจารย์ขจิตเข้ามาทักทายครับ 
  • ยินดีต้อนรับสู่ gotoknow.org นะครับ
  • ขยันเขียนบันทึกประสบการณ์  มาแลกเปลี่ยนผ่านบล็อกต่อไปนะครับ
  • พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท