มองชุมชน CBT - CBT มองชุมชน


CBT network developing
หลังจากเราเติบโตจากการเลี้ยงดูปูเสื่อมาอย่างดีจากพ่อแม่ สิ่งที่เราเห็นประจำคือความเป็นมาของชุมชนที่เกิดการขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา เมื่อครั้งหนึ่งในอดีตทำให้เราเกิดความคับอกคับใจที่ถูกว่า ว่า เราคือคนดอยที่อยู่กับป่าและเป็นกลุ่มคนทำลายป่า
       
จากวันนั้นที่ได้รับคำติชมจากคนๆหนึ่ง แถมถูกบังคับให้เราเรียนให้เกลียดตัวเองและดูถูกตัวเอง จึงเก็บคำๆนั้นมาจนถึงมานานถึง 25 ปี แล้วมาวันหนึ่งจึงเราจึงเอาคำๆนั้นที่คนๆนั้นมาว่าเรา เอามาเรียนรู้ ศึกษาค้นคว้าข้อมูล จนมารู้ว่ามันเป็นเพียงการกลบเกลื่อนความผิดพลาดของตนเองสำหรับคนๆนั้นแค่นั้นเอง
       
จึงทำให้หูตาสว่างว่า มันเป็นแนวทางจิตวิทยาทำลายความเป็นตัวตนของชุมชนเรา และวัฒนธรรมเราโดยทางอ้อม หรืออีกแนวหนึ่งเป็นแนวยุทศาสตร์การรบแบบงูกลืนเขียด แต่บัดนี้นโยบายดังกล่าวบรรลุไปได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์แล้ว แถมกำลังกลับสร้างปัญหาให้กับประเทศเราเองซะอีกตอนนี้
       
คนเรานั้นมีดีและเลวภายในตัวของแต่ละคนเหมือนๆกัน แต่ความดีกับความเลวนั้นคนเรามีไม่เหมือนกันก็เท่านั้นเอง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะยึดอันไหนมาเป็นตัวของตนเอง
      
ไปซะไกลเลย กลับมาที่เดิมดีกว่าว่าด้วยเรื่องการท่องเที่ยวโดยชุมชนว่าเราเองมองเห็นอะไรจากคำว่าการท่องเที่ยว
       
ชุมชนนั้น อย่างที่ได้กล่าวมาว่าชุมชนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงและถูกขับเคลื่อนมาโดยตลอด ถึงแม้นโยบายจะดีต่อการวางระบบการทำงานจากคนที่นั่งทำงานที่ห้องสีเหลี่ยม แต่แนวทางการปัฏิบัติลงสู่ระดับล่างแสนจะมีปัญหา
        
เอ.. แล้วมันจะไปคาบเกี่ยวกับการมองชุมชน CBT ได้ยังไงกัน แต่อย่างไรเสียมันก็เกี่ยวที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เราจำเป็นต้องมองและมองอย่างเข้าใจให้ได้ซะด้วย
         
ทีนี่จะขอแยกชุมชนออกมาเป็นสองตัวอย่าง ว่าทั้งสองอย่างมันมีความแตกต่างกันอย่างไร เพราะอย่างไรเสียความปลีกย่อยของชุมชนนั้นมีอีกเยอะมาก มากพอกับการทำงานของเราตอนนี้ที่หลายชุมชนหลายภาคส่วนต่างมีแนวทางของตนเอง
          1.
ชุมชนที่ยังไม่เคยเรียนรู้หรือรู้จักกับคำว่าการท่องเที่ยว แต่ชุมชนมีแนวทางการท่องเที่ยวแบบฉบับวัฒนธรรมการไปมาหาสู่กันอยู่ประจำ ถ้าแบบนี้เราคณะทำงานไม่ว่าส่วนใด ราชการ นักวิชาการ สถาบันการศึกษา สมควรที่จะไปใส่อะไรลงไปไหม มันจำเป็นไหม ถ้าทำเราควรจะทำอะไร ใส่อะไรลงไป ?? หรือไปสนับสนุนอย่างอื่นดี?          ซึ่งบางทีก็คงไม่จำเป็นที่เราต้องไปสร้างสิ่งใหม่ๆเข้าไปเลย หลายต่อหลายชุมชนถูกกระทำแบบนี้ผลสุดท้ายก็เกิดความเสียหายต่อชุมชน เพราะคนที่เข้ามาหมดงบหมดงานหนีกลับบ้านกันหมด มันคงธรรมดาที่คนเราต้องเลี้ยงอาหารใส่ท้องตนเองเวลาหิว แต่ความหิวมันไปทำลายสิ่งที่เราคิดว่าดีเสียหายไปหมด          2. ชุมชนที่เกิดการเรียนรู้โดยไร้รูปแบบการถูกท่องเที่ยวมานานแล้วเกิดปัญหา (มีเยอะหลายพื้นที่ในเชียงใหม่) ถ้าเป็นกรณี (Case) แบบนี้เราท่านผู้รู้ทั้งหลายสมควรที่จะไปเยียวยาหรือเปล่า? กล้าพอไหม (ระวังนะ ในกลุ่มนี้เป็นโรคมะเร็งขนาดแรงนะ) เพียงแต่กลุ่มคนเหล่านี้ขาดการจัดการแบบมีส่วนร่วมเท่านั้นเอง ผู้ผูกขาดจากผู้ประกอบการข้างนอกต่างหล่ะที่น่ากลัวมากกว่าอะไร (น่าสนใจนะ)          3. ชุมชนที่สาม (กำลังมาแรง ถูกจีบอยู่หรือเปิดให้เขาจีบ) ที่กำลังขับเคลื่อนตัวเองให้เกิดกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม และบางส่วนก็เกิดเป็นธุรกิจชุมชนแล้ว และอีกหลายชุมชนเกิดปัญหา           แบบนี้นะเราน่าจะมีบทบาทอะไรบ้างที่น่าจะเป็นตัวประสานในเชิงสร้างสรรค์และสามารถที่เข้าไปคลี่คลายปัญหาได้ เราสมควรที่จะเสนอหน้าตัวเองเข้ามีส่วนร่วมกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร เราในฐานะที่จะสร้างภาคการท่องเที่ยวภาคใหม่ที่เป็นเชิดหน้าชูตาสู่สังคมไทยและสู่สังคมโลกได้นั้น เราเองต้องบทบาทในทางนี้ให้ชัดเจน                ตัว CBT เองสำคัญเองต้องมองชุมชนให้เกิดมุมมองที่ต้องมีความชัดเจน ต้องมองทั้งความสำเร็จและการเกิดอุปสรรคที่ก่อให้เกิดความล้มเหลว แล้วเอามาวิเคราะห์เพื่อที่จะเกิดการพัฒนาการทำงานที่ดีขึ้นและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ควบคู่กันไป             การมองคือเป็นสิ่งที่เห็น การวิเคราะห์คือการหาจุดยืนยันในการกระทำ ทั้งในทางที่ดีและเลว ซึ่งทั้งสองแนวทางก็เป็นตัวชี้วัดการทำงานขององค์กรเราได้อีกทางหนึ่ง มองชุมชน CBT - CBT มองชุมชน ต้องมองด้วยมิติทางใจในเชิงสร้างสรรค์ แล้วการทำสองเราก็น่าจะสนุกในทางที่ดี
คำสำคัญ (Tags): #cbt inthanon network
หมายเลขบันทึก: 99016เขียนเมื่อ 27 พฤษภาคม 2007 23:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท