WAY OF LIFES


WAY OF LIFES

แผนที่เมืองตรังครับ

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามา Update blog ซักเท่าไหร่ เพราะงานค่อนข้างยุ่งงานเยอะมากครับ เพราะมีภาระที่จะต้องจัดงานครั้งหนึ่งในชีวิต ช่วงนี้เลยขยันทำงานจนตัวมันเลยครับ แต่ขยันเท่าไหร่ ทำงานหนักเท่าไหร่ ไม่เห็นผอมเลยครับ ยิ่งทำงานหนัก โดยเฉพาะงานของผมที่จะต้องใช้การวางแผน ใช้หัวคิดนะ ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ทำงานมากเท่าใด ยิ่งกินมาก กินมากไม่ได้ออกกำลังกาย เลยอ้วนไปกันใหญ่เลยครับ คิดว่าพรุ่งนี้ออกกำลังกายหน่อยดีกว่า นอนให้มันเต็มพุงไปเลย วันนี้ผมเลยตัดสินใจไปเช่าหนังมา 3 เรื่องกะว่าพรุ่งนี้จะดูให้ตาแฉะไปเลยครับ แต่คิดไปคิดมาไม่สามารถที่จะดูได้แบบสบายใจเท่าไหร่ครับ เพราะว่าต้องเตรียม Outline วิชา Environment and Social Development ที่จะต้องไปสอนที่ วิทยาเขตภูเก็ต มันก็ต้องแบบนี้แหละครับ ชีวิตคนทำงาน แต่ถ้าให้ผมอยู่เฉยๆ โดยไม่มีอะไรทำ ผมคงไม่เอาครับเพราะกลัวเป็นโรคจ๋อง (แปลว่าเฉื่อยชาครับ)

คราวที่แล้วผมเขียน blog เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเมืองทรัง (ตรัง) ยังไม่จบเลยครับเพราะโยงเข้าเรื่องระเบิดหินที่ปากแจ่มเสียก่อน เริ่มเรื่องเลยก็แล้วกันครับ

 การท่องเที่ยวและท่องงานของผมในครั้งนั้น หรือครั้งนี้ดีหว่า เอาเป็นว่าทั้งสองแล้วกัน ตัดสินใจง่ายมากครับ ผมตัดสินใจเพียง 5 นาที ว่าจะไปทรัง เลยแพ็กกระเป๋าไม่ถึง 5 นาที สิ่งที่ผมสอดใส่กระเป๋าประกอบด้วย กางเกงขาสั้นและเสื้อยึด 3 ชุดพร้อมชั้นในครับ (ไม่ต้องสงสัยว่าสีอะไรน่ะครับ) กระเป๋าใส่อุปกรณ์เดินทาง (ประกอบด้วย แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่เหลว และยาสระผม) พร้อมหมวกอีกหนึ่งใบ แค่นี้ก็เป็นอันว่าพร้อมเดินทางครับ อ้อผมลืมไปอีกอย่างครับซึ่งขาดไม่ได้เลยสำหรับผม นั้นก็ คือ หนังสือที่อยากอ่านครับ ในครั้งนี้ผมเลือกหนังสือเรื่อง The Good Earth เป็นหนังสือของ Pearl S. Buck เป็นวรรณกรรมอมตะเรื่องหนึ่งที่ถ่ายทอดถึงวิถีชีวิตของชาวจีนในชนบท คนแต่งใช้ศิลปะภาษาในการเขียน ที่ทำให้คนอ่านมีความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นส่วนประกอบหนึ่งของเรื่องราวที่ร่ายด้วยสำเนียงทางภาษาที่รื่นไหล และร่าเริง (ลองหาอ่านดูน่ะครับ)

  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ผมแบกเป้เดินทางออกจากปัตตานีไป ถึง ตรัง ใช้เวลา 4 ชั่วโมง เข้าพักที่ โรงแรม my friends ตรงสถานีรถไฟทรังครับ เป็นโรงแรมใหม่ (เพิ่งสร้างได้แค่ 2 ปี เองครับ) สำหรับนักเดินทาง คืนละ 400 บาท เป็นโรงแรมที่ใช้ได้ทีเดียวครับ ห้องราคาไม่แพงเท่าไหร่ สะอาดมากครับ ห้องหนึ่งเจ้าของโรงแรมบอกเลยว่าให้พักได้ถึง 3-4 คน ถ้ามาเป็นหมู่คณะพักได้สบายเลยครับ ลงทุนไม่มาก ได้ห้องพักที่ดีและสะอาด เข้าห้องพักนอนพักผ่อนแป๊บหนึ่ง ผมเดินออกมาแถวหน้าสถานีรถไฟพร้อมหนังสือหนึ่งเล่ม เห็นร้านกาแฟหน้านั่ง เลยแวะนั่งสั่งกาแฟมากิน พร้อมเค้กมะพร้าว (อร่อยมากครับขอบอก) นั่งดูดกาแฟเย็น ทานเค้ก อ่านหนังสือ สุดยอดเลยครับ นั่งได้ซักพักหนึ่งนานทีเดียวครับ  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ลูกศิษย์ที่มาฝึกงานที่นี้ขับ motor-cycle มารับและบอกว่าจะพาผมไปเดิน centre-point (งงเลยครับ มีด้วยเหรอ ไม่เล่าดีกว่าว่า centre-point ทรังเป็นอย่างไร แต่ผมขอยืนยันเลยครับขนมจีนที่ centre-point อร่อยมากครับ เดิน centre-point พอสมควรจึงแวะไปกินติ่มซัมที่ร้านกาแฟทนาย (ผมยืนยันได้เลยครับว่าอร่อย ถ้ามีโอกาสไปลองไปชิมน่ะครับ) จากนั้น ไปฟังเพลงที่ร้านตะวันแดงตรัง แล้วจึงกลับโรงแรมนอนครับ </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal" align="right"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ตื่นเช้ามา แวะไปซื้อ ขนมเปี๊ยใส้เผือกที่ โรงแรมธรรมริณ ธนา ซึ่งเขามีขายเฉพาะช่วงเช้าเท่านั้นครับใครไปช้าหมดครับ ผมซื้อกล่องหนึ่ง เอามาทานกับกาแฟ และหมูย่างตรัง (แต่ผมทานแบบ pure ไม่ได้ครับ ก็เลยทานกับข้าวราดด้วย sauce ข้นอร่อยอย่าบอกใครเลยครับ) จากนั้น Check-out จากโรงแรม เดินทางไปยังหมู่บ้านที่นักศึกษาฝึกงานอยู่ ซึ่งหมู่บ้านเป้าหมายที่จะไปชื่อว่า บ้านควนล้อน ตำบลหาดสำราญ กิ่งอำเภอหาดสำราญ จังหวัดทรัง </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">  </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal" align="left">แต่ก่อนที่จะถึงหมู่บ้านนี้ผมแอบไปเที่ยวที่หาดตาเซ๊ะก่อน แต่หาดแห่งนี้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่แต่มีดีที่ร่มรื่นครับ ต้นไม้เยอะอากาศสดชื่น และชายหาดส่วนใหญ่จะเป็นดินเล (โคลนทะเลครับ) หาดเลยเป็นสีดำ ผมนั่งกินลม ชมวิวและกินส้มตำ ซักพักหนึ่ง จึงค่อยเดินทางต่อ (บางครั้งผมสงสัยเหมือนกันนะครับว่า เวลาเที่ยวทะเลทำไมต้องกินส้มตำ)</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">     </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ไปถึงหมู่บ้านเอาของเข้าไปเก็บที่บ้านลูกประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่ากงกางควนล้อน ซึ่งมีนามว่า ลุงเทา จากนั้นลุงเทาได้พาผมไปดูชาวบ้านเก็บสาย (สาหร่าย) ซึ่งถือว่าเป็นพืชทางทะเลที่มีมากที่ทรัง และที่บ้านควนล้อนแห่งนี้ สายมีชื่อเสียงมาก สายที่นี้เป็นสายที่อร่อยที่สุดในจังหวัดทรัง การทานสายก็ง่ายนิดเดียวครับ ล้างด้วยน้ำจืด และกินกับน้ำพริกเม็ดมะม่วงหิมพานสด (อร่อยมากเช่นเคยขอบอกครับ) </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">แต่ถ้าล้างด้วยน้ำจืดแล้วจะอยู่ได้ไม่เกินชั่วโมง ต้องรีบกินครับ แต่ถ้ายังไม่กิน ก็ต้องเก็บไว้โดยใช้ใบของต้นโกงกางห่อไว้ อยู่ได้นานเป็นวันเลยครับ (ใช้ใบอื่นห่อไม้อื่นห่อไม่ได้นะครับ ต้องใบโกงกางเท่านั้น) ผมนั่งดูชาวบ้านหาสาย และคอยถามนู้นถามนี้ ตามประสาเด็กเจ้าจำไมนะครับ คุยกัยแป๊บหนึ่งจึงขอตัวไปนิเทศงานนักศึกษาอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งมีนามว่า บ้านหนองสมาน อยู่ในตำบลเดียวกันกับบ้านควนล้อน</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p><p> บ้านหนองสมานติดกับป่าชายเลนเหมือนบ้านควนล้อนเช่นกัน แต่หมู่บ้านนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีอาชีพแกะสลักต้นยาง (กรีดยางครับ) มากกว่าประมง และจุดเด่นอย่างหนึ่งของที่นี้คือการหาหอยกัน ซึ่งอยู่ในป่าชายเลน หอยจะฝังตัวในโคลน แต่ชาวบ้านจะเก่งมากในการสังเกตว่าลักษณะดินเลนแบบไหนมีหอยฝังอยู่ เป็นภูมิปัญญาที่ต้องเรียนรู้จากมหาวิทยาลัยชีวิติครับ ผมอยู่ในมหาลัยสู้ชาวบ้านไม่ได้เลยครับ ระดับ Professional กันทั้งนั้นครับ นับถือจริงๆครับ <div style="text-align: center"></div></p><p></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal">ผมนั่งคุยกับลุงยูร เจ้าของบ้านที่ให้นักศึกษาพักด้วย ถามถึงสิ่งต่างๆในหมู่บ้าน คุยกันไปคุยกันมา พบว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่นี้ มีฐานะเป็นผู้เช่า เนื่องจากที่ส่วนใหญ่ป่าไม้มาบอกว่าเป็นพื้นที่ของเขตป่าอุทยานป่าชายเลน ชาวบ้านจึงต้องตกอยู่ในฐานะผู้เช่า ซึ่งความจริงชาวบ้านอยู่มาก่อน 40 ปี แต่มาไม่ถึง 20 ปี อุทยานประกาศเป็นพื้นที่ของป่า ชาวบ้านต้องอพยพ และต้องตกเป็นคนทำกินบนที่ดินไม่ใช่ของตนเองแต่เป็นของคนอื่น การทำกินก็เป็นแบบเช่าทำ มีคนเคยถามเจ้าหน้าที่ว่า การทำแบบนี้ไม่ละอายประชาชนบ้างหรือ เจ้าหน้าที่ตอบออกมาว่า เบื้องบนสั่งช่วยไม่ได้ ผมเลยกล่าวบอกลุงยูรว่าไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเรามาทำงานช่วยกัน และดึงเบื้องบนมาดูความทุกข์ยากของมวลหมู่ราษฎรเต็มขั้นซ่ะบ้าง ให้มันรู้กันไปเลย ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขในประเทศนี้ อำนาจประชาชน พลังประชาชน จะแพ้อำนาจมืด</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-indent: 36pt; text-align: justify" class="MsoNormal"></p>

หมายเลขบันทึก: 98735เขียนเมื่อ 26 พฤษภาคม 2007 08:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • เยี่ยมเลยครับอาจารย์
  • ชอบกินหมูย่างตรังครับ
  • ขนมเค็กก็อร่อย
  • อันนี้เป็นสำนียงใต้ใช่ไหมครับ
  • ไปทรัง
  • เอ อาจารย์บ้านอยู่แม่ฮ่องสอนนี้ครับ
  • ตอนนี้อยากพบอาจารย์ตัวเป็นๆๆซะแล้ว
  • ขอบคุณครับผม

P
ขอบคุณอาจารย์ขจิตครับ เดือนกรกฎาคม ว่าจะไปส่งอาจารย์ ที่บุรีรัมย์ด้วยครับ จะไปกับอาจารย์ขุนย่ามแดงครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

เคยไปที่ตรังเมื่อสิบปีที่แล้วค่ะ อิอิอิ ไปเที่ยวทะเล สวยดีค่ะ

  • ปกติถ้าเปิดเข้าไปบันทึกไหนที่ยาว จะไม่ค่อยอ่านให้จบค่ะ  แต่สำหรับบันทึกของอาจารย์ถือเป็นบันทึกที่ยาวค่ะ แต่อยากบอกว่า อ่านไม่เบื่อ อ่านไปนึกถึงบรรยากาศไป เพลิดเพลินดีมีสาระและยังมีมุขให้ขำ ๆ ได้อีกค่ะ  แถมยังปิดบันทึกได้ประทับใจค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

 

ลองเข้าดูน่ะครับน่าสนใจà http://www.kawankita.net  อยากให้ลอง Comment ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท