วัดหน้าพระเมรุ มีชื่อเต็มว่า วัดหน้าพระเมรุชิการาม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ริมคลองสระบัวด้านเหนือของพระราชวังหลวง ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตามประวัติกล่าวว่า สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
รัชกาลที่ 10 แห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อจุลศักราช 846 (พ.ศ.2045)
นับถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2548) เป็นเวลา 503 ปีเศษ
โบราณวัตถุที่สำคัญได้แก่พระประธานในพระอุโบสถ
เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบพระมหากษัตริย์ปางมารวิชัยหล่อด้วยทองสำริดภายนอก
ส่วนแกนในก่อด้วยอิฐ พระพุทธรูปองค์นี้มีหน้าตักกว้าง 4.60 เมตร
สูง 6 เมตร มีนามว่า "พระพุทธนิมิตรพิชิตมาร โมฬีศรีสรรเพชญ์
บรมไตรโลกนาถ"
วัดนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
ตามเอกสารพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ได้ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า
สมเด็จพระมหาจักพรรดิ์โปรดให้สร้างพลับพลาไว้ในวัดหน้าพระเมรุ
เพื่อเป็นที่ทำสัญญาสงบศึกกับพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ แห่งกรุงหงสาวดี
ที่ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ได้มีการอัญเชิญพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
มาประดิษฐานเป็นประธานในพลับพลา
ในปี พ.ศ. 2112 รัชสมัยสมเด็จพระมหินทราธิราช
กรุงศรีอยุธยาต้องพ่ายแพ้แก่พม่าเป็นครั้งแรกให้แก่พระเจ้าบุเรงนอง
(ผู้ชนะสิบทิศ) แห่งกรุงหงสาวดี
ครั้งนั้นกรุงศรีอยุธยาต้องเสียช้างเผือก 4 เชือก ขุนศึก 3 ท่าน
ได้แก่ พระราเมศวร พระยาจักรี
และพระยาสุนทรสงครามซึ่งเป็นหัวหน้าในการต่อสู้ข้าศึกให้แก่พม่าไปเมืองหงสาวดี
และยังต้องส่งส่วยเป็นประจำอีกด้วย
ต่อมาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ปีมะดรง พ.ศ. 2303 สมเด็จพระเจ้าอลองพญา
แห่งกรุงหงสาวดี
ได้ตั้งค่ายระหว่างวัดหน้าพระเมรุกับวัดหัสดาวาสแล้วระดมยิงปืนใหญ่เข้าไปในพระราชวังหลวง
ถูกยอดพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์หักพังลงมา
ในวันนนั้นพระเจ้าอลองพญาทรงบัญชาการรบด้วยพระองค์เองและทรงจุดชนวนปืนใหญ่
แต่ด้วยพระบารมีของพระพุทธนิมิตร (พระประธานในพระอุโบสถ)
ปืนใหญ่ได้แตกและระเบิดต้องพระองค์
ทำให้พระเจ้าอลองพญาได้รับบาดเจ็บสาหัส พอวันรุ่ง ขึ้น 2 ค่ำ
เดือน 6 พ.ศ. 2303 ได้เลิกทัพกลับหงสาวดี
พระองค์ทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็สิ้นพระชนม์ระหว่างทาง
ความสำคัญของวัดหน้าพระเมรุ เป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ถูกพม่าเผาทำลายเหมือนกับวัดอื่น เป็นวัดที่มีพระอุโบสถแบบอยุธยา คือ ไม่มีหน้าต่าง เพียงแต่ทำเป็นช่องลมให้แสงสว่างและระบายอากาศเข้าออก ส่วนหน้าบันเป็นงานฝีมือแกะสลักเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑเหยียบนาคล้อมด้วยเทพพนม 26 องค์ นับว่าวิจิตรงดงามมาก.
ในระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้จัดงาน "ยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลก" ระหว่างวันที่ 9-18 ธันวาคม 2548 นี้ ใคร่ขอเชิญชวนท่านที่สนใจไปเที่ยวงานและแวะสักการะพระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ที่วัดหน้าพระเมรุแห่งนี้ครับ รับรองไม่ผิดหวัง