- คนไข้มะเร็งหลายคนหลายคนเป็นคนขี้บ่น ส่วนหนึ่งของคำบ่น(ที่ดี)ได้แก่ หมอไม่แนะนำว่าควรกินอะไร และอาหารอะไรเป็นอาหารแสลง
อาจารย์ ผศ.ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เขียนเรื่อง “กินอย่างไรเมื่อเป็นมะเร็ง” ในวารสารหมอชาวบ้าน ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังดังต่อไปนี้...
-
ระยะแรก:
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องอาหาร ให้กินอาหารหลากหลาย กินให้ครบทุกหมวดหมู่(ข้าวกล้อง ปลา ถั่ว งา ผัก ผลไม้) ให้หลีกเลี่ยงสารปนเปื้อน เช่น สีผสมอาหาร ผงชูรส ฯลฯ หลีกเลี่ยงอาหารมันๆ และกินอาหารที่ไม่มีการปรุงแต่งมาก เช่น อาหารทำเองจะดีกว่าอาหารจำหน่าย ฯลฯ -
กรณีมีปัญหาในการกลืน:
คนไข้บางคนมีปัญหาในการกลืน เช่น มะเร็งช่องปาก ฉายแสงช่องปากหรือลำคอ ได้รับยาเคมีบำบัดแล้วมีแผลในปาก ฯลฯ ให้กินอาหารอ่อนๆ ถ้าเจ็บมากให้นำอาหารมาปั่นผสมกัน เพื่อให้ดื่มได้ หรือปรึกษาแพทย์ขออาหารทางสาย (tube feeding) -
กรณีเบื่ออาหาร:
คนไข้มะเร็งส่วนหนึ่งจะกินได้น้อย อิ่มเร็ว ทำให้ผอมซูบโทรม ให้กินครั้งละน้อยๆ แต่กินบ่อยขึ้น เช่น วันละ 3 มื้อ อาหารว่างอีก 3 มื้อ รวมเป็น 6 มื้อต่อวัน ฯลฯ เตรียมอาหารที่ชอบไว้ให้พร้อม (ready-to-eat) เช่น ผลไม้ เมล็ดพืชแห้ง อาหารที่อุ่นได้เร็ว ฯลฯ
ถ้าเป็นไปได้... ควรกินพร้อมกับญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ถ้าไม่มีใครกินเป็นเพื่อนจริงๆ ก็ควรกินกับเพื่อนคนไข้ด้วยกัน
ผู้เขียนขอแนะนำให้นั่งกินใกล้คนที่กินเก่งจะทำให้กินได้มากขึ้น แต่ควรระวังไม่กินจนอิ่มมากเกิน เพราะจะเสี่ยงต่ออาการคลื่นไส้ อาเจียน -
เนื้อสัตว์:
คนไข้บางคนมีการรับรู้รสชาดอาหารเปลี่ยนไปจากเดิม ไวต่อรสขม และรสเฝื่อน ที่พบบ่อยได้แก่ เนื้อสัตว์สีแดง เช่น วัว ควาย หมู แพะ ฯลฯ มีรสชาดขม เฝื่อนคล้ายโลหะ ให้กินเนื้อไก่ ไข่ ปลา นม เต้าหู้ และถั่วแทน
ผู้เขียนขอแนะนำว่า ถ้ากินนมหรือผลิตภัณฑ์นมแล้วท้องอืด ท้องเสีย ควรกินโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวแทน ให้เลือกชนิดที่หวานน้อยหน่อย คนไข้มะเร็งมีแนวโน้มจะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนเพิ่มขึ้นเมื่อกินอาหารที่มีรสหวาน -
การปรุงอาหาร:
ภาชนะปรุงอาหารโลหะอาจทำให้คนไข้บางคนรู้สึกว่า อาหารมีรสชาดขม เฝื่อนคล้ายโลหะ ควรใช้ภาชนะแก้ว เครื่องเคลือบ(เซรามิก) หรือพลาสติกแทน
การปรุงอาหารด้วยซอสถั่วเหลืองมีส่วนช่วยให้รสชาดขมในอาหารลดลง -
คลื่นไส้
อาเจียน:
คนไข้ที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนไม่ควรกินให้อิ่มมากเกิน หลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารมัน อาหารที่มีกลิ่นแรง อาหารจืด อาหารร้อนจัด และควรอยู่ห่างๆ โรงครัว เพราะกลิ่นอาหารอาจทำให้อาการแย่ลง -
ขอยาบรรเทาอาการ:
เมื่อมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อขอยาบรรเทาอาการ
เจ้าหน้าที่เวชระเบียนท่านหนึ่งบันทึกคำแนะนำของอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการรักษามะเร็งที่ไปตรวจสอบเวชระเบียน และการรักษามะเร็งที่ลำปางปีนี้ (2548) อาจารย์ท่านแนะนำว่า หมอไทยยังให้ยาบรรเทาอาการคลื่นไส้น้อยเกินไป เดี๋ยวนี้เรามียาดีๆ ที่จะช่วยให้อาการทุเลาลงไปได้มาก -
กินน้ำให้พอ:
ควรกินน้ำให้มากพอทั้งวัน เน้นการจิบน้ำบ่อยๆ ระหว่างมื้ออาหาร ไม่ควรดื่มน้ำในมื้ออาหารมากนัก(กินแบบ “ข้าวคำ-น้ำคำ”) เพราะจะทำให้ปริมาตรอาหารรวมกับน้ำในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้คลื่นไส้ อาเจียนได้ง่าย
- กรณีคอแห้งหรือมีแผลในปาก:
ให้ผสมน้ำยาบ้วนปาก โดยใช้โซดาทำขนมปังหรือโซเดียมไบคาร์บอเนต (baking soda) 1 ช้อนชาผสมน้ำสะอาด 2 ถ้วย เตรียมไว้ใช้บ้วนปากบ่อยๆ จะช่วยให้สดชื่น และป้องกันการติดเชื้อภายในช่องปาก
-
กรณีท้องเสียหรือท้องผูก:
ควรกินข้าวกล้อง(หรือขนมปังโฮลวีต) ถั่ว งา ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ท้องเสียได้ง่าย เช่น นม ผลิตภัณฑ์จากนม อาหารรสจัด อาหารมันๆ อาหารที่มีส่วนผสมของคาร์เฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลมโคลา ฯลฯ
ถ้ามีไข้ ปวดท้องมาก หรือท้องเสียเกิน 2 วันควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจมีโรคติดเชื้อร่วมด้วย -
กรณีเลือดจางหรือซีด:
ควรกินปลา ตับ ผักใบเขียวเพิ่มขึ้น อาหารเหล่านี้มีธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงได้เพิ่มขึ้น
-
กรณีเม็ดเลือดขาวลดลง:
โรคมะเร็ง และการรักษามะเร็ง(ฉายแสง หรือเคมีบำบัด)มีส่วนทำให้เม็ดเลือดขาวลดลง ควรล้างมือด้วยสบู่บ่อยๆ ก่อนกินอาหารและดื่มน้ำทุกครั้ง และหลังออกจากห้องน้ำ ฟอกสบู่ช้าๆ ทั้งด้านหน้ามือ หลังมือ รอบนิ้วหัวแม่มือ ปลายนิ้ว และฟอกสบู่ก๊อกน้ำ(เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคตกค้าง)
ระวังอย่าให้เกิดบาดแผล หรือรอยถลอกที่ผิวหนัง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น โดยเฉพาะห้องแอร์ อย่าอยู่ใกล้คนป่วย โดยเฉพาะคนที่ไอหรือจาม -
ของแสลง:
ควรงดดื่มแอลกอฮอล์(เหล้า เบียร์ ไวน์...) งดบุหรี่ รวมทั้งหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบ ให้งดของแสดง 5 อย่างได้แก่ เหล้า(รวมไวน์) เบียร์ บุหรี่ ปลาดิบ และเนื้อดิบ
สาเหตุที่กล่าวถึงปลาดิบด้วย เพราะมีพยาธิใบไม้ตับที่มีส่วนทำให้เกิดมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของภาคเหนือและอีสาน ส่วนเนื้อดิบมีส่วนทำให้ติดพยาธิตัวตืดที่อาจกระจายไปยังสมองทำให้ชักได้
เวลาพูดควรเชิญญาติมาฟังด้วย เพราะช่วงเวลาที่คนเป็นมะเร็งเป็นโอกาสทองที่จะส่งเสริมให้ญาติมีสุขภาพดีขึ้นต่อไป
แหล่งข้อมูล: