มาเบิ่งมาแนม.... ในวิถีของผม ดำเนินไปโดยการรักษาระยะห่างของการทำงาน
เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสได้ทานข้าวกับบรรดาทีมงานในสังกัด เราทานข้าวและพูดคุยถึงเรื่องการงานของเราไปด้วย .... การพูดเรื่องงานเป็นเสมือนเครื่องปรุงรสให้อาหารเที่ยงของวันนั้น ดูมีรสชาติข้นเข้ม - อร่อยถูกปากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ผมถามเจ้าหน้าที่อย่างเป็นกันเองในทำนองว่า "การที่ผมลงมาคลุกคลีใกล้ชิดในเวลาทำงานภาคสนามของลูกน้องนั้น พวกเขาทั้งหลายรู้สึกอึดอัดกับการทำงานบ้างหรือไม่ ?"
ผมกล้าถามเช่นนั้น เพราะเชื่อว่า คนที่ตอบก็กล้าตอบอย่างไม่เกรงใจ ซึ่งหมายถึง กล้าให้ข้อคิดเห็นต่อกระบวนการของการทำงานอย่างไม่บิดเบือน ... ทั้งเขาและเราต่างให้เกียรติกันและกัน และการให้คำตอบที่แจ่มชัดตามความเป็นจริง คือ การให้เกียรติต่อบทบาทในการงานและสถานะทางมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของเราด้วยเช่นกัน
"ดีครับ, ทำอะไรสักอย่าง พอหันไปเห็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ด้วยก็รู้สึกอบอุ่นใจ ดีกว่าทำ ๆ กันไปแบบตัวใครตัวมัน คนที่เข้าร่วมกับเราก็จะรับรู้ว่า อย่างน้อยก็มีผู้หลักผู้ใหญ่มาใส่ใจ มาให้เกียรติกับการงานนั้น ๆ "
นั่นคือ คำตอบที่ผมได้รับจากเจ้าหน้าที่ ... ซึ่งผมก็เชื่อว่าเขาพูดด้วยความสัตย์จริงทุกประการ
ที่ผมต้องถามเช่นนั้น เพราะสไตล์การทำงานของผมมักจะเป็นในวิถีนั้น โดยผมมักจะลงไปเที่ยวเยี่ยมชม - ด่อม ๆ มอง ๆ สังเกตการณ์ หรือแม้แต่ไปนั่งดูการทำงานของลูกน้องอยู่อย่างสม่ำเสมอ ... ดึกดื่นเที่ยงคืนก็ปักหลักอยู่กับพวกเขา .. บางทีก็ก้ม ๆ เงย ๆ เก็บสัมภาระช่วยพวกเขาบ้างตามแต่สังขารจะอำนวย
บางครั้ง, ผมก็จะนำข้อสังเกตเหล่านั้นมาพูดคุยและหารือกับทีมงานในวันรุ่งขึ้น เพื่อให้มีเวลาในการปรับแก้แนวทางได้อย่างทันท่วงที ซึ่งนั่นก็คือ ผลพวงของการเข้าไปดูแลในสไตล์ของผม
และจึงไม่แปลกในกิจกรรมที่ผมดูแลก็มักจะมีการถกเรื่องงานอยู่บ่อยครั้ง เป็นการถกในเวทีที่ต้องการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า, มิใช่ปล่อยเลยตามเลยไปตามยะถากรรม
เจ้าหน้าที่อีกคนพูดในทำนองว่า การทำงานในแต่ละครั้งอยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่ "มาเบิ่ง มาแนม" ซึ่งหมายถึง การแวะเวียนมาเยี่ยมยามถามข่าว หรือแม้แต่การแวะวนมาสู่พื้นที่ของการงานอย่างเป็นกันเอง และ "ติดดิน"
มาเบิ่ง มาแนม... จึงเป็นข้อสรุปในวิถีการทำงานของทีมงานของผม ที่ต้องการให้หัวหน้ามาดูแลใส่ใจ มิใช่นั่งอยู่ในห้องหับอันฉ่ำเย็น, เซ็นแฟ้ม และสั่งการผ่านเวทีประชุมสถานเดียว
มาเบิ่งมาแนม.... ในวิถีของผม ดำเนินไปโดยการรักษาระยะห่างของการทำงาน เพื่อมิให้ลูกน้องรู้สึกว่ากำลังโดนจ้องจับผิด... แต่ในวิถีการทำงานแบบพี่และน้องก็ช่วยให้ทุกอย่างกลมกลืนเป็นทีมเวิร์ค
ผมไม่รู้ว่า หากต้องเทียบเคียงกับศัพท์แสงของคำว่า "มาเบิ่ง - มาแนม" กับภาษาต่างประเทศ จะหมายถึงคำใดกันแน่
รู้แต่ว่า เย็นย่ำของวันนี้ต้องหอบลูกหอบเต้า "ไปเบิ่ง ไปแนม" การจัดกิจกรรมถนนเด็กเดินในตัวเมือง... จากนั้นก็ต้องรีบกลับมาเตรียมตัวไปราชการอันยาวเหยียด
สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่การไป "ตรวจงาน" ไม่ใช่ไปจับผิด หรือเพราะไม่เชื่อในศักยภาพของลูกน้อง แต่ผมก็แค่อยาก "ไปเบิ่ง - ไปแนม" ตามที่พวกเขาอยากให้ผม "มาเบิ่ง - มาแนม" เท่านั้นเอง ,