บนเส้นทางการท่องเที่ยวโดยชุมชนของคนอิสาน


CBT_?

บนความเป็นไปของสายฝนที่เรียงรายมากมายกว่าเม็ดน้ำตาของคนเศร้า ข้าพเจ้านั่งอยู่บนถนนลาดยางสีดำที่นำพาข้าพเจ้าจากที่ราบลุ่มภาคตะวันตกสู่ที่ราบสูงอิสาน......อิสาน ดินแดนที่ร้อนร้ายแห้งแล้ง แต่มากมายด้วยเรื่องเล่าที่เก่าเก็บ รอให้ผู้คนมาแกะกล่อง.......ท่ามกลางกระแสสังคมแห่งปัญญา ข้าพเจ้ามนุษย์ผู้ศรัทธาความโง่เขลาที่เป็นเสมือนเพื่อนคนแรกในวันที่ลืมตาดูโลก ได้ลึกซึ้งกับคำว่า "ไม่รู้" มันช่างงดงามนัก ความไม่รู้เป็นพาหนะนำพาไปสู่กระบวนการที่ต้องการหลุดพ้นและดั้นด้นไปสู่ความรู้ อิสานที่ข้าพเจ้ากำลังเดินทางเข้าหาเพื่อค้นหาความหมายของตัวตนผ่านการท่องเที่ยวก็เช่นกัน....บันทึกแรกข้าพเจ้าอยากจะตะโกนถามทุกท่านว่า "ข้าพเจ้าเริ่มจะรู้บ้างแล้วหรือยังหนอ" (อยากขอทียืนเล็กๆบนพื้นที่สังคมแห่งปัญญาอย่างเจียมตัวก็เท่านั้น 5555)

อิสาน.....รอยระแหงแห่งแผ่นดินผืนนี้ หยาดหยดน้ำตาและเหงื่อไคลของผู้พลิกฟื้นจากรุ่นสู่รุ่น ดนตรีที่เร่าร้อนเร่งเร้า เสมือนตัวตนแห่งอิสานที่ประกาศก้องให้สังคมรับรู้ถึงความยากแค้นลำเค็ญ และไม่ย่อท้อต่อชะตา..... มาวันนี้วัฒนธรรมที่ยาวนาน และความเก่าอันเป็นเสมือนรากเหง้าแห่งเราจะส่งผ่านสู่ผู้คนด้วยการท่องเที่ยว.....แม้ว่าอิสานจะไม่สดเขียวเช่นภาคเหนือ และชุ่มฉ่ำด้วยสายน้ำหลากเช่นภาคใต้ แต่ดินแดนฝุ่นแดงแล้งร้อนแห่งนี้ มีความยาวนาน เก่าแก่ แม้ใต้ผืนทรายไร้ค่า (ในสายตานักพัฒนาบางคน) เราเรียนรู้ที่จะขุดค้นก่นดินลงไปด้วยจอบแห่งการท่องเที่ยวเพื่อค้นหารากเหง้าและสินทรัพย์บนแผ่นดินแม่ แม้ว่ามันจะไม่สร้างเม็ดทองกองเงินเท่าใดนัก แต่เราก็อาศัยจอบเล่มนี้มาสร้างชุมชนของเราให้แข็งแรง และบอกเล่าความเป็นเราสู่ผู้คน เราเรียนรู้แล้วว่าเรามีนาและฝูงควายมากมายที่ต้องเลี้ยงดู การท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวทั้งหลายเป็นผู้เข้ามาและจะจากไปวันใดก็ได้ แต่ควายและนาจะเติมหนังท้องของเราให้อิ่มเอมตราบจนวันตาย นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ท่องเที่ยวอิสานเป็นประเด็นที่เย็น (มีบางคนที่สร้างคำนี้ขึ้นมา) และช้าเชื่อง เราเรียนรู้ที่จะจัดการผืนแผ่นดินแม่นี้ด้วยมือพวกเราที่เข้าใจตนเองมากกว่าจะให้ผู้คนภายนอกจัดทุกสิ่งให้แล้วทิ้งซากอนุสรณ์ของความล้มเหลวไว้บนหน้าผากที่ไร้สันจมูก........ มันอาจจะดูว่า อิสาน ช้ากว่าช้า นั่นก็กลับเป็นผลดีมากมายนัก การวิ่งอาจทำให้ถึงปลายทางได้รวดเร็วกว่าเดินทอดน่องก็ตาม แต่การเดินกลับเหนื่อยน้อยกว่า เสพซับความงามข้างทางได้มากกว่า บางทีมนุษย์ก็จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะรอคอยให้มากกว่าทะยานอยากแม้ยังไม่พร้อมอยู่เสมอๆ และ การรวมกันของชาวอิสานที่ผู้ชำนาญในพื้นที่ทั้งหลายบอกเราว่าให้เกาะมือกุมใจกันไว้ในที่ใกล้ให้เหนียวก่อน จุดเล็กๆที่แข็ง เมื่อรวมกันเป็นจุดใหญ่ก็จะแข็งตามไปด้วย  นั่นก็คงไม่แปลกนัก ถ้าข้าพเจ้าจะกล่าวว่า อิสานคลืบคลานผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ท่องเที่ยวเป็นเสมือนเครื่องมือมากกว่าให้ตนเองตกเป็นเครื่องมือของมัน ในวันนี้อาจไม่ลึกซึ้ง แต่อย่างน้อยก็ได้มาบันทึกตามสัญญาที่ให้ไว้กับหลายคน อีกทั้งช่วงนี้ฝนตกบ่อย คงไม่แปลกนักถ้าน้ำจะท่วมทุ่งให้ผักบุ้งได้ขยับกายกันตามอัตภาพ 55555

                                                            ด้วยความถวิลหา  

หมายเลขบันทึก: 96525เขียนเมื่อ 16 พฤษภาคม 2007 11:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

น้องใผ่ 

ไม่ใช่ผักบุ้งโหรงเหรงครับ เป็นผักบุ้งชั้นเลิศที่บำรุงสายตาและสมองดีนัก

ชอบคำพรรณณาและภาษาครับ เป็นเพียงแค่เเรกเริ่ม แต่เขียนได้ดีมากครับ อ่านเป็นธรรมชาติดีมาก

ผมให้กำลังใจนะครับ

 

สวัสดีค่ะอาจารย์ไผ่

  • ดีใจจังที่ได้เจอกันแบบ B2B  หลังจาก F2F ไปแล้ว  อิอิ   เราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง
  • ขออนุญาต นิดนึงนะคะ อาจารย์  พี่ว่าที่พวกเราชาว MSU-KM team หาอาจารย์ไม่เจอ  เพราะอาจารย์ไม่ได้ใส่ป้ายคำหลัก  ว่า msu หรือ  ไม่ได้แนะนำตัวไว้ในประวัติ ว่า อยู่ มมส เราเลยอ่ะค่ะ
  • โชคดีที่ได้ F2F ในคืนก่อน เลยจำได้  อิอิ

ช้าๆ ได้พล้าเล่มงามฉันใด อาจารย์ไผ่ ช้าแต่ตั้งใจ ได้งานวิจัยชิ้นงาม ฉันนั้น

ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ และเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะเป็นเครื่องมือไปสู่การพัฒนา....

และดีใจที่ทำตามสัญญา ^ ^

โห...พระเจ้าจอร์จ..

 เขียนตามสัญญา เหมือนจะโดนบังคับ แต่ภาษาไม่ได้บ่งบอกถึงอาการของคนโดนบังคับเลยนะคะ ภาษาสวยงาม (ต่างกับหน้าตา) 5555 ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าเด็กวนฯ ที่รื่นรมย์กับการท่องเที่ยวป่าเขา จะสามารถเขียนบทความบอกเล่าสิ่งที่อยู่ในใจด้วยภาษาที่สวยงามอย่างนี้ ถ้าไม่บอกว่าเป็นอาจารย์ไผ่คงนึกว่าลูกศิษย์กวีเอกที่ไหนมาพรรณาเรื่องราวของการท่องเที่ยวอีสานให้ฟัง

 อ้อ...ลูกอีสานบ้านเฮานี่เอง

เป็นกำลังใจให้คะ (ส่งกำลังใจให้อย่างเดียวนะคะ แต่ไม่ช่วยเขียน 555 )..เขียนต่อไปนะคะ

^_^

 

ขอบคุณทุกท่านที่...........เมตตา

อดทนอ่านอักษรา................ขีดขึ้น

นานนานผ่านแวะมา...............เวียนบอก

เพียงเท่านี้ใจก็ชื้น.....หายช้ำชอกใจ

  • แม้ว่าอิสานจะไม่สดเขียวเช่นภาคเหนือ และชุ่มฉ่ำด้วยสายน้ำหลากเช่นภาคใต้ แต่ดินแดนฝุ่นแดงแล้งร้อนแห่งนี้ มีความยาวนาน เก่าแก่ แม้ใต้ผืนทรายไร้ค่า (ในสายตานักพัฒนาบางคน) เราเรียนรู้ที่จะขุดค้นก่นดินลงไปด้วยจอบแห่งการท่องเที่ยวเพื่อค้นหารากเหง้าและสินทรัพย์บนแผ่นดินแม่
  • อ่านแล้วรู้สึกว่า ท่านแผ่นดิน เจ้าของรางวัล ฅ KM มมส. คนแรก คงจะมีคู่เปรียบที่น่าติดตามแล้วครับ

ความร้อนแล้งของอีสานทำให้คนเข้มแข็งและอดทน แต่อยากรู้จังหัวใจจะแข็งแรงเหมือนร่างกายหรือเปล่าหนอ 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณที่มีน้ำใจต่อแผ่นดินแห่งอาณาจักร "เจนละ"

จาก...คนสุรินทร์

เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าหนุ่มน้อย( ตัวใหญ่) ที่นั่งตรงข้ามเรามีลีลาการเขียนไม่แพ้คารมอันคมกริบที่เรามักจะได้ยินอยู่เสมอ  ๆ  จนหลายครั้งที่รู้สึกเลี่ยน  เอาเป็นว่าไม่ว่าฝนจะตก  น้ำจะท่วมทุ่งหรือเปล่า  ก็ขอให้ผักบุ่งแตกยอดงอกงามจะได้เก็บมาผัดผักบุ้งไฟแดงกินกัน  ช่วงนี้ปิดเทอมหาของกินยากอยู่ด้วย

ไม่น่าเชื่อเลย..ว่ากำลังใจจากเพื่อน พี่น้องจะช่วยทำให้ใครบางคนหายช้ำชอกใจ...เปาะ... 5555

^_^

บางครั้งการแสดงออกภายนอกอาจจจะตรงข้ามกับความคิดภายใน ผู้ซึ่งดูภายนอกร่าเริงแต่ภายในนั้นแฝงด้วยอารายหลาย ๆ อย่างแม้แต่คำว่า ....เป๊าะ... 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท