นักเรียน นักศึกษา ในปัจจุบันมีการทุจริตในการสอบสูงมาก ต้องการแค่กระดาษแผ่นเดียวสำหรับยืนยันความรู้ แม้แต่ในระดับบัณฑิตศึกษา ก็มีข่าวว่าจ้างทำวิทยานิพนธ์กันแล้ว
นักแต่งเพลง ในปัจจุบันแต่งเนื้อร้องออกมาแล้ว แทบจะหา"สัมผัสนอก สัมผัสใน"ไม่ได้
นักร้อง ในปัจจุบันออกเสียงควบกล้ำ ร ล ยังไม่ถูกต้องเลย
นักการเมือง เท่าที่นึกได้เกี่ยวกับคุณสมบัติที่ดีนะครับ นักการเมืองต้องดำเนินกิจกรรมอย่างโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก
สวัสดีค่ะอ.ศิริศักดิ์
ตอนนี้สำหรับตัวเองก็เลิก "เร่ง" แล้วล่ะค่ะ
เห็นด้วยกับอาจารย์เลยค่ะว่า ตอนนี้คนที่เป็นนัก..ต่างๆ แม้กระทั่งวิชาชีพแบบเรา ก็มีคุณสมบัติในด้านนั้นๆ น้อยมาก ไม่ได้ใส่ใจใน "คุณภาพ"ของสิ่งที่ทำมากนัก
เรื่องนักเรียน นักศึกษา ที่ไม่ได้มา"เรียน" มา"ศึกษา" แต่มาเอาใบปริญญาบัตรนั้น เห็นชัดมากค่ะ ครูบาอาจารย์ ที่ไม่ได้มา"สอน" ก็มีเยอะค่ะ ราวกับว่าทุกคนมาตักตวงเพียงอย่างเดียว แล้วมันก็จะไม่เหลืออะไรให้ใครตักตวงค่ะ...
ยังดีที่ยังมีคนที่เลิก "เร่ง" บ้างแล้ว ยังอาจมีไม่มาก แต่ก็เป็น sign ที่ดีค่ะอาจารย์..
ขอบคุณอาจารย์สำหรับคำเตือนสติดีๆ ค่ะ...
สวัสดีครับ...
ดีครับที่เลิก"เร่ง" ปกติทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวเราก็เป็นไปตามกฏไตรลักษณ์อยู่แล้ว ถ้าเราหรือสังคมยิ่งเร่งเท่าไร การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็ถูกเร่งตามไปด้วย
สวัสดีครับอ.ศิริศักดิ์
ส่วนตัวนั้นคิดว่า พอรู้ตัวเองว่ารเงแค่ไหน ไม่เร่งแค่ไหน ในเรื่องอะไร มองว้าย มองขวาก็พอประเมินตัวเองได้บ้าง หากเพียงแค่นี้ก็จบลงที่เรา โดยพยายามตัวเองต่อไป
แต่ก็คนทำงานพัฒนาชุมชนอย่างผม จะต้องมีส่วนในการไปทำให้ลดความเร่งลงด้วยในชุมชน นี่ซิเรื่องใหญ่ เมื่อกระแสหลักเป็นอย่างนั้น และชุมชนก็ลงไปในกระแสนั้นแล้ว แม้ว่า เก้ๆ กังๆ แต่ก็ถูกกระแสพัดไปแล้วด้วย ขาดสติ อันนี้สิยากยิ่งจริงๆ จะทำอย่างไรกัน
จะไปเปิดท้ายขาย ธรรมะ อบรม พร่ำสอนกัน ก็อาจจะได้บ้าง แต่ฐานของสำนึก และต่อมสำนึกมันอยู่ตรงไหนหนอที่เราจะเข้าไป บีบมันให้หลั่งฮอโมนชนิดพิเศษออกมาแล้วเกิดสำนึกโดยพลัน
ก็ได้แต่ทำกิจกรรมโน่นบ้างนี่บ้าน แล้วอาศัยโอกาสนั้นๆแวะเข้าไปหาเรื่องความเร็วนี้กันตามสมควร แต่มันก็ไม่ใช่ค่ายปลูกจิตสำนึก เพราะเราทำกิจกรรมเพื่อปากท้องเขา แล้วก็อาศัยลากยาวไปถึงเรื่องการพัฒนาจิตใจ ผ่านกระบวนการกิจกรรมต่างๆนั้นเอง
ดีครับ บันทึกนี้เตือนใจดีครับ
เห็นคำในวงเล็บหลังชื่อกับงานที่รับผิดชอบแล้วหนักใจแทนจริงๆครับ ความเร่งของกระแสสังคมบริโภคมันยื่งใหญ่เกินกว่าที่คนเพียงไม่กี่คนจะไป"ลด"มันได้
บางครั้งอาจต้องรอ"ธรรมชาติ"(ผู้ที่ถูกรังแก)ทวงคืนจึงจะชลอความเร่งเหล่านี้ลงได้บ้าง แต่เป็นเพียงชั่วคราวนะครับ พอวันเวลาผ่านไป ความเร่งมันก็เกิดขึ้นอีก(กิเลสก่อตัวขึ้นใหม่)
"วัฏจักรการเกิดดับของความเร่ง"ก็เป็น"ธรรมชาติ"อย่างหนื่ง ถ้าเข้าใจ(รู้แจ้ง)มัน จะทำให้ความเร่งในจิตของเราลดลง
แล้วแวะเวียนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอีกนะครับ
อาจารย์หนูเรียนอยู่ ม๔ ครูโรงเรียนหนูสอยฟิสิกส์ไม่รู้เรื่อง
หนุอยากถามว่าความเร็วลดลง ความเร่งจะลดลงในทิศทางขึ้นใช่ไหมค่ะ