self-justifyอีกครั้งหนึ่งของโมรินโญ่


"การเป็นทีมที่ได้คะแนนสูงสุดไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทีมที่ดีที่สุด"

เมื่อคืนเป็นวันที่น่าใจหายอีกครั้งหนึ่งของแฟนทีมสิงโตคราม(เชลซี)

ที่ทำได้แค่เสมอกับปืนใหญ่อาร์เซนอล..จากผลนั้นทำให้ตำแหน่งแชมป์ถ้วยเพียร์เมียร์ลีกส์ตกเป็นของปิศาจแดงแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปโดยปริยาย

....สิ่งที่น่าสนใจหลังจบเกมส์การแข่งขันนี้นอกเหนือจากการแสดงปฏิกิริยาเรียกกำลังใจและคำชื่นชมให้แก่นักฟุตบอลลูกทีมของโฆเช่ โมรินโญ่แล้วบทสัมภาษณ์ที่ให้แก่นักข่าวถึงความคิดเห็นและความรู้สึกต่างๆก็น่าสนใจไม่น้อย

ในขณะที่เซอร์อเล็กซ์เฟอร์กูสันแสดงความเห็นถึงชัยชนะที่มีในถ้วยเพียร์เมียร์ลีกส์ของทีมแมนยูว่า"เป็นเพราะการวางแผนและการออกสตาร์ทที่ดีตั้งแต่เริ่มต้นจึงทำให้ทีมประสบผลสำเร็จในที่สุด"

โฆเช โมรินโญ่ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมที่ไม่ค่อยให้ความชื่นชมใครที่ไม่ใช่พวกของตน..เพราะเมื่อเขาถูกนักข่าวถามถึงทีมแมนยูที่ได้ครองแชมป์ว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดหรือไม่..โมรินโญ่ก็สวนกลับมาทันทีว่า"การเป็นทีมที่ได้คะแนนสูงสุดไม่ได้หมายความว่าจะเป็นทีมที่ดีที่สุด"และหันกลับมากล่าวชื่นชมแก่นักเตะลูกทีมของตนเองโดยกล่าวว่าเขาชื่นชมในนักเตะเมื่อคืนนี้มากกว่าเมื่อวันที่ได้แชมป์เมื่อ2ปีก่อนนี้ซะอีก

โมรินโญ่เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมาก.โมรินโญ่หรือฉายา The One.เขาเป็นผู้จัดการทีมที่มีทั้งคนรักและเกลียดได้มากพอๆกัน...ฉันเองก็ชอบและเชียร์ทีมฟุตบอลเชลซีคนหนึ่งแต่บางทีก็ยังอดขวางๆและเป็นห่วงโมรินโญ่เช่นกัน..เขาจะมีท่าทีชวนทะเลาะกับผู้จัดการทีมคู่แข่งอื่นๆอยู่เสมอ เช่นกับ บานิเตซ แห่งลิเวอร์พูลนี่เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ซึ่งเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะก่อนที่โมรินโญ่จะย้ายออกจาการคุมทีมปอร์โตมาสู่ลีกส์ในอังกฤษนั้นมีทีมสโมสร2ทีมที่มาทาบทามเขาไว้นั้นคือ ทีมลิเวอร์พูล และ ทีมเชลซี แต่สุดท้ายโมรินโญ่ก็เลือกมาอยู่ที่เชลซีด้วยค่าแรงที่แพงเป็นประวัติศาสตร์เช่นกัน.....

ปรัชญาของโมรินโญ่คือชัยชนะหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง เขามีวิธีการที่ดีมากในการคุมทีมและปลุกใจนักเตะในทีมพอๆกันกับทักษะในการใช้ฝีปากเบ่งทับถมสร้างความไม่พอใจหรือโกรธเกลียดแก่ผู้จัดการทีมคู่แข่งอยู่เสมอๆ...ไม่แปลกใจเลยเมื่อเชลซีพลั้งพลาดแชมป์อะไรก็ตาม

สื่อหรือทีมอื่นๆที่รอเวลาเช่นว่านี้ก็จะตอกลิ่มความเจ็บปวดย้อนกลับคืนมาให้แก่เชลซีเช่นเดียวกัน

ดูบอลแล้วย้อนมาดูตัวเอง ก่อนอื่นต้องขอบใจโมรินโญ่ที่แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของการนำทีม( องค์กร)ที่มีแรงขับเคลื่อนมุ่งหวังสู่ชัยชนะและต้องการการกล่าวขานยกย่องว่าเป็นผู้นำ..และเขาก็ทำได้สำเร็จแต่เมื่อสำเร็จแล้วการรักษา/ดำรงสภาพความเป็นผู้นำโมรินโญ่ยังทำได้ไม่ดีนัก.เพราะเขายังคงใช้วิธีแบบทีมผู้ตามอยู่มิใช่แบบทีมผู้นำเลย.

.ถ้าหากโมรินโญ่ยังใช้วิธีแบ่งเขาแบ่งเราและไม่รู้จักให้เกียรติคู่แข่งขัน..สุดท้ายแล้วเมื่อทีมอื่นๆร่วมกันแยก/โดดเดี่ยวเชลซีถึงจะได้แชมป์ครองถ้วยแต่ก็ไม่มีคนชื่นชมยินดี..ถึงเป็นแชมป์ในสนามแต่กลับพ่ายยับเยินนอกสนาม..คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือทีมทั้งทีมของเชลซีเอง(ซึ่งรวมถึงแฟนคลับของเชลซีด้วย)

ซึ่งต้องขอยอมรับว่าหากเปรียบเทียบลีลาการนำพาทีม(องค์กร)ระหว่างเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ โมรินโญ่แล้ว...ฝีมือและน้ำใจของโมรินโญ่ยังห่างชั้นท่านเซอร์หลายเท่านัก..

หมายเลขบันทึก: 94805เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2007 12:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอแสดงความยินดีด้วยที่การดูฟุตบอลแล้วรู้จักนำมาวิเคราะห์ผู้จัดการทีมสมกับการเป็นนักจิตวิเคราะห์ซึ่งการวิเคราะห์นั้นอาจจะมองด้านเดียวหรือมีอคติหรือไม่ก็แล้วแต่บุคคล  แต่ก็ทำให้คนเราได้รู้จักตนเองมากขึ้นถ้าจะมีการวิเคราะห์ในหลายๆด้าน เช่น ตัวผู้เล่นแต่ละคน ความสามารถของแต่ละคน ความสามัคคีในทีม การร่วมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแม้จะมีผู้เล่นน้อยกว่า  การที่ผู้เล่นของตนเองโดนใบแดง การยอมรับในความพ่ายแพ้ การมีน้ำใจนักกีฬา ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรนำมาพิจารณาในการทำงานเป็นทีม เพื่อการหาจุดเด่น จุดด้อยของทีมงาน ก็จะเป็นการดูฟุตบอลที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่ง และปัจจัยที่สำคัญคือการให้ผู้อื่นวิจารย์การทำงานของตนเองได้และยอมรับได้ รู้จักนำไปวิเคราะห์บทบาทของตนเองได้เพื่อเป็นการปรับปรุงคุณภาพการทำงานก็จะเป็นการดียิ่งขึ้นในการทำงาน เพราะถ้าคนใดคนหนึ่งในทีมงานไม่รู้จักการปรับปรุงการทำงานที่มีข้อบกพร่องก็จะทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงานเป็นทีมได้เช่น

คุณใจเขาใจเรา

ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ..ในความรู้สึกที่มีกับผู้เล่นนั้นขอบอกว่าให้คะแนนเต็มร้อยเพราะสำหรับการแข่งกับอาร์เซนอลเพียง10คนตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรกและพยายามทำเกมบุกอยู่ตลอดเป็นอะไรที่...แต่ก็จริงอย่างที่คุณพูดน่ะแหละตัวฉันเองยอมรับไม่ค่อยได้กับนิสัยผู้จัดการทีมแบบมูรินโญ่ซึ่งถ้าก่อนแข่งเขาไม่ต้องเปิดสงครามประสาทกับทีมคู่แข่งขันไปเสียทุกครั้งแล้ววางแผนเซฟตัวผู้เล่นหลักสำหรับใช้ในแม็ทช์สำคัญๆบ้าง..คนเชียร์จะเครียดน้อยกว่านี้เยอะเลย..และสองปีหลังเวลาดูเชลซีลงแข่งทีไรชัยชนะมันเหมือนไม่ใช่ของนักเตะ/ทีมเชลซีแต่เป็นของโค้ชมากกว่า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท