หลายคนสงสัยว่าสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคือใคร ทำหน้าที่อะไร เราเองก็เพิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อได้มีโอกาสนำสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯลงเยี่ยมพื้นที่ภาคใต้ และได้มีโอกาสพูดคุยกับท่านสมาชิก
สภาที่ปรึกษาฯเป็นองค์กรอิสระที่เกิดจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาล สิ่งสำคัญที่สุดที่แตกต่าง คือ ความคาดหวังว่า สภาที่ปรึกษาฯจะให้คำปรึกษาแก่รัฐโดยได้ข้อมูลจากภาคประชาชนมากกว่าหน่วยงานอื่นๆ เช่น สภาพัฒน์ฯ
สภาที่ปรึกษาฯจึงมีทีมวิชาการ คำถามอยู่ที่ว่า ทีมวิชาการทำงานอย่างไรจึงจะประมวลข้อมูลจากภาคประชาชนได้ตามเจตนารมย์ เท่าที่เห็น ทีมวิชาการยังทำงานผ่านนักวิชาการทั้งจากสถาบันวิจัยและสถาบันการศึกษาอยู่มาก
การนำทีมสภาที่ปรึกษาฯลงพบชาวบ้านโดยตรงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาจึงน่าจะทำให้เกิดความแตกต่างจากวิธีการเดิมๆ
เราให้ข้อมูลแก่ท่านว่า อยากให้ท่านได้รับทราบวิธีคิดของชาวบ้านมากกว่าเห็นแค่รูปแบบเหมือนการศึกษาดูงานทั่วไป ที่มักจะแค่ดูว่าชาวบ้านทำอะไร แต่ไม่ค่อยรู้ว่าชาวบ้านคิดอะไร
สมาชิกสภาที่ปรึกษาสองท่านที่ร่วมทีมกับเรา มีความตั้งใจที่ดียิ่งต่อการแก้ปัญหาชาวบ้าน
ท่านอาจารย์สมพร เทพสิทธา มีประสบการณ์จากภาครัฐเพราะท่านเป็นอธิบดีหลายกรมและดำรงตำแหน่งสูงสุดเป็นรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ก่อนท่านเกษียณอายุ ปัจจุบัน ด้วยวัย 81 ปี สุขภาพท่านไม่ดีนัก แต่ท่านมีจิตใจและตั้งใจทำงานเพื่อชาวบ้านอย่างแน่วแน่ ท่านรับฟัง จดบันทึกสิ่งที่คุยกับชาวบ้านด้วยความสนใจยิ่ง ในหลายๆประเด็นท่านบอกว่า จะนำไปผลักดันต่อ เช่นเรื่องคนพิการ (ประสบการณ์จากคีรีวง) เรื่องป่าสาคู (ประสบการณ์จากลุ่มน้ำปะเหลียน) ท่านสนใจเป็นพิเศษ ต่อกรณีที่จะให้เป็นกำนันผู้ใหญ่บ้านตลอดชีพ หรือ กรณีสภาชุมชน การลงพื้นที่ครั้งนี้ ท่านได้พบทั้งชาวบ้าน ตัวแทนองค์กรชุมชน และท่านผู้ว่าราชการจังหวัด จึงทำให้ท่านเห็นแนวทางบางอย่างและดูท่านจะพอใจกับสิ่งที่ท่านได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น
คุณวรพงษ์ สมาชิกสภาที่ปรึกษาอีกท่านหนึ่ง ท่านจบรัฐศาสตร์ มีประสบการณ์การทำงานภาคเอกชน ท่านสามารถเห็นประเด็นต่างๆและคิดต่อยอดได้อย่างรวดเร็ว ด้วยประสบการณ์จริงจากการทำงานในภาคธุรกิจ ท่านจึงให้ข้อเสนอแนะแก่ตัวแทนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้อย่างน่าสนใจ และด้วยประสบการณ์ภาคการเมืองที่เต็มไปด้วย "เกม" ทำให้ท่านให้ข้อเสนอแนะเรื่องการประสานการทำงานของ อบต. ผู้นำชาวบ้าน ผู้นำกลุ่ม อย่างน่าสนใจอีกเช่นกัน ซึ่งข้อเสนอแนะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาได้จากนักวิชาการผู้อ่อนด้อยประสบการณ์จริง
เราได้คิดว่า ขอเพียงแต่ให้ทุกฝ่ายมีความตั้งใจจริงและมองเป้าหมายร่วมกันได้อย่างจริงใจ เราก็น่าจะสามารถนำประสบการณ์ที่แตกต่างมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้สร้างเป็นพลังสำหรับการเปลี่ยนแปลงได้
ได้แต่หวังว่า สิ่งที่ท่านสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯได้พบเห็นในหลายๆพื้นที่ทั่วประเทศจะถูกนำไปประมวล และแปลงไปสู่ข้อเสนอที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง
เห็นด้วยครับว่า ต้องมีการลงพื้นที่ และต้องเป็นการลงพื้นที่ไปสัมผัสกับวิถีความเป็นอยู่และแนวความคิดของชาวบ้านในถ้องถิ่นนั้นจริงๆ เพื่อให้เข้าถึงปัญหาได้อย่างตรงประเด็น
เพราะบางที่สิ่งที่ถูกถ่ายทอดมาสู่ในการประชุมนั้นอาจจะเป็นปัญหา แต่อาจไม่ใช่ปัญหาจริงๆ ก็เป็นได้ครับ
คุณ join to know และอาจารย์เอก
ขอบคุณสำหรับความเห็นสนับสนุนนะคะ แต่ปัญหาคงเป็นอย่างอาจารย์เอกว่า คือ ข้อเสนอก็อย่างหนึ่ง แต่ผู้ทำจะทำหรือไม่
ทำให้ได้คิดว่า ข้อเสนอย่อมต้องการการติดตามและการหนุนเสริมจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
สภาคณาจารย์แนะนำไป แต่พวกอาจารย์เรื่อยๆเฉื่อยๆแล้วแต่ผู้บริหาร ..ก็เสร็จ
สภาที่ปรึกษาแนะนำไป แต่ภาคประชาชนไม่กระตือรือล้นที่จะติดตามการทำงานของรัฐ ก็เสร็จอีกเหมือนกัน
สรุปว่าต้องครบกระบวนค่ะ