@Moui
ภูมิจิต ศิระวงศ์ประเสริฐ

กว่าจะถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว


วิธีการเลี้ยงดูแลเด็ก

เมื่อวานคุยกับเพื่อนสนิทคู่หนึ่ง เพื่อนถามว่า ถ้าเกิดลูกชายโตมา แต่กายเป็นชาย ใจเป็นหญิง หรือกลายเป็นเกย์ แล้วดิฉันจะคิด หรือจะทำอย่างไร ยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน

ดิฉันก็นั่งคิดไปพลาง ตอบพลาง

แต่ด้วยความเป็นคนดื้อน่ะค่ะ ก็ตอบเพื่อนไปว่า ยังไงก็ต้องพาลูกไปตรวจก่อน เพื่อนบอกว่า (คนนี้เขาเป็นเธอค่ะ) บางเรื่องมันเป็นเรื่องของเคมีในสมองนะ ไม่ใช่เรื่องของกลายเพศ ดิฉันก็บอกว่า นั่นล่ะ ก็ต้องให้หมอยืนยันว่า เขาโตขึ้นมาเพื่อเป็นเธอ ไม่ใช่เกิดจากการเลี้ยงดูผิดๆ ของเรา

ดิฉันยังออกจะสับสนในแนวทางการเลี้ยงของตนเองค่ะ ด้วยความเป็นหนอนฯ ดิฉันอ่านหนังสือเป็นร้อยเล่ม พันบทความได้มั้ง เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงดูแลเด็ก อ่านตั้งแต่ลูกยังเป็นวุ้นในท้อง จนออกมาถึงตอนนี้ ก็ยังหาอ่านเรื่อยๆ (เพื่อปรับตัว และทำใจล่วงหน้าว่า มันเป็นวัยของเขานะ)

ด้วยความไม่ชอบวิธีที่ครอบครัวคนจีน ปฏิบัติต่อลูกชายและลูกสาวแตกต่างกัน ดิฉันมีธงในใจอยู่แล้วว่า ลูกชายเราจะไม่ใช่ฮ่องเต้ ไม่ใช่มีเมียไว้เป็นทาสในเรือนเบี้ย ลูกชายเราต้องเป็นชาย แต่ต้องดูแลช่วยเหลือตนเองตามสมควรได้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีใครมาปรนนิบัติก็ตาม

และมีโจทย์อีกข้อหนึ่งที่พ่อของลูกสั่งไว้คือ Please don't spoil him.  Don't take care of him like what Thais do.  เขาบอกว่าพวกเราเอาใจลูกมาก จนเด็กไม่เข้มแข็งพอที่จะอยู่ในโลกโหดร้ายได้ 

ในเรื่องการเรียนรู้ ดิฉันชอบคำที่มักบอกเล่าว่า "เด็กเรียนรู้จากการเล่น" ดิฉันก็พยายามหาสิ่งต่างๆ ให้เล่น แม้กระทั่งเอากิจกรรมทำงานในบ้าน (งานบ้าน) ก็เอามาให้เขาเล่น

เป็นต้นว่า ลูกเลียนแบบเรากวาดบ้านถูบ้าน ก็หาไม้กวาดด้ามเล็ก หาเศษผ้าให้เขาหัดกวาด หัดถู, เขาเห็นพี่เลี้ยงรีดผ้า เขาก็มีเตารีดเก่าพังๆ ไว้หัดรีดเสื้อผ้า (จริงๆ) ข้างๆ พี่เลี้ยง, เขาเห็นอาม่าทำกับข้าว เขาก็มีชุดหม้อไหอะลูมิเนียมจริงๆ ไว้หัดทำกับข้าว

เพื่อนดิฉันบอกว่า ทำไมดิฉันไปสนับสนุนให้ลูกทำงานของผู้หญิง แต่ดิฉันก็แย้งกลับไปว่า กิจกรรมเหล่านั้น มันไม่ใ่ช่เพียงแค่เป็นงานของผู้หญิงนะ ผู้ชายก็ต้องทำแบบนี้เหมือนกัน ถ้าไม่มีใครทำให้ แล้วทำไมเราต้องรอให้เขาไม่มีใครทำให้ ถึงจะให้เขาหัดทำ ความลำบากมันต้องฝึกให้รับรู้ ความง่ายความสะดวกสบายนั้น ใช้เวลาแป๊บเดียวมันก็คุ้นชิน แต่คนที่เคยสบายจะมาลำบากนั้น มันจะรู้สึกทรมานกว่ากันหลายเท่า 

ก็ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกไหม ยังต้องใช้เวลาอีกนับสิบปีถึงจะบอกได้ว่า ดิฉันเลี้ยงลูกผิดวิธีหรือเปล่านะคะ

ปล. หัวข้อ "กว่าจะถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว" เป็นหนังสือแต่งโดยชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่ง มีการแปลหลายภาษา ขายเป็นล้านเล่ม ดิฉันอ่านแล้วประทับใจหลายตอน ถึงกับดัดแปลงวิธีคิดในนั้น มาใช้กับการเลี้ยงดูลูกจริงๆ ลองอ่านดูได้ค่ะ เชื่อไม่เชื่อขึ้นอยู่กับวิจารณญาณแต่ละบุคคล 

หมายเลขบันทึก: 93650เขียนเมื่อ 1 พฤษภาคม 2007 13:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 23:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อืม...หนังสือเล่มนี้ผมเคยเห็นผ่านๆ ตาครับ แต่ยังไม่ได้ซื้อมาอ่าน

ผมว่าโลกนี้ ไม่มีอะไรถูกต้อง 100% หรอกครับ

หนังสือก็เป็นได้แค่คู่มือเท่านั้น พ่อแม่รู้ดีที่สุด จริงมั้ยล่ะครับ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท