มหัศจรรย์สังสรรค์สนทนา (14): ยุทธการสร้างเซียน ภาคอวสาน


ยุทธการสร้างเซียน ภาคอวสาน

บางทีอาจจะต้องเริ่มตั้งแต่ "ความคิด" (มีอะไรที่ไม่เริ่มที่ความคิดบ้าง?) เพราะ "พฤติกรรมของคน ก็จะสอดคล้องกับกระบวนทัศน์ของคนๆนั้น"

เช่น ถ้าเรามองว่า "เซียน" นั้นถูกสร้างขึ้น ก็แปลตรงไปตรงมาว่ามันน่าจะมี "วิธีสร้าง" น่ะสินะ คิดๆไปก็น่าจะประกอบด้วย

  1. เซียนนั้นสร้างกันได้
  2. เราต้องรู้วิธี
  3. วิธีนั้น feasible กับสิ่งที่เรามี หรือพอหามาได้
  4. มีคนจะเป็นเซียนมาให้เราฝึก
  5. มีความตั้งใจ มีความแน่วแน่ และมีเวลาที่จะฝึกเซียน
  6. รู้ว่าเป็นหรือไม่เป็นเซียนแล้วรึยัง
  7. ฯลฯ

เราก็จะเห็นภาพยนต์ประเภท Rambo บ้าง กำลังภายในบ้าง ที่เมือ่ไรพระเอกหายตัวไปด้วย mode อะไรก็ตาม (e.g. ตกเหว ตกถ้ำ หลงป่า ครอบครัวถูกฆ่าล้างตระกูล เราก็จะเย็นใจว่าเธอจะต้องกลับมาในมาดใหม่ ที่ซาบซ่าถึงใจกว่าเดิมแน่นอน) ที่ขาดไม่ได้ก็คือ คัมภีร์ฝืมือ หรือ สุดยอดฝีมือผู้เร้นกาย ประสบการณ์ปาฏิหาริย์ (พระเอกกำลังภายในจะกินอะไรต่อมิอะไรไม่เลือก เพราะเหตุนั้นจึงมีกำลังภายในรุดหน้าเร็วมาก ดูอย่างเตียบ้อกี้เป็นต้น กบเป็นๆก็กินเข้าไปได้)

แต่ไม่ค่อยเห็นคนที่เรียนเอง ฝึกเอง และเก่งเอง เท่าไรนะ

จะมียกเว้นก็สงสัยคือ ท่านเตียละทะ (เจ้าเด็กโสโครกแซ่เตีย) ที่ต่อมากลายเป็น ท่านเตียสามยอด หรือ เตียซำฮง (จางซานฟง) นั้นเอง ที่เรียนเอง รู้เอง และเป็นเจ้าสำนักเอง (ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะเถียงว่า แกก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้ยินเนื้อหาคัมภีร์เก้าเอี๋ยงจินเก็งด้วยก็ตาม)

แน่นอนที่ว่าการมีครูฝึก มีตำรา มีคัมภีร์วิเศษ ดูจะเป็นช่องทางที่ ideal มากๆ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้โชคดีปานนั้น เอ... จะกลายเป็นคนที่จะเป็นพระเอก (หรือเป็นเซียน) นี่ มันเป็นได้เฉพาะ elite group เป็นเฉพาะ member club only เท่านั้นหรอกหรือ?

และที่ว่าคนสอนไม่จำเป็นต้องเป็นเซียนเองก็ได้ แต่จะหา ผู้ฝึกสอนเซียน อย่างนี้ จะยากไหมนี่? คงจะหาโรงเรียนฝึกครูเซียนยากหน่อย เขาเป็นมาอย่างไรล่ะ จึงได้กลายเป็นครูฝึกเซียน โดยที่ตัวเองไม่ได้เป็นเซียน (มัวไปทำอะไรอยู่) ไม่ได้พูดถึง skill ทั่วๆไป แบบนักบอลกับโคช หรือนักบาสกับโคช (คงจะมีโคชคนไหนที่จะบอกว่าตนเองเก่งกว่า Mike Jordan ยากอยู่) แต่ก็คงจะหาโคชยากเหมือนกันที่บอกว่า genius ทางกีฬาต่างๆนั้น เขาเป็นคนสร้างเอง โดยไม่ได้ใช้ตัวเด็ก

ถ้าสมมติว่า "เซียน" นั้นไม่ได้ถูกสร้าง แต่เป็น "เติบโตเอง" จะเป็นอย่างไร? 

โจทย์ใหม่ที่อยากจะทอยลงมาเล่นๆ ก็คือ

เป็นไปได้ไหม ที่เซียนมีไม่มากทุกวันนี้ ไม่ได้เป็นเพราะว่า "ขาดครูเซียน" แต่เป็น "สิ่งแวดล้อมเป็นอุปสรรค

"เป็นไปได้ไหมที่ว่า คนเราทุกคนเป็นเซียนได้ ถ้าทุกคนมี "พื้นที่" ของตนเองอย่างเพียงพอ และมีโอกาส มีคนสนับสนุน"

บางทีอาจจะเป็นเพราะกฏระเบียบของโรงเรียนเซียนรึเปล่า ที่ทำให้ไม่เกิดเซียน? ตั้งแต่การตั้งเจตคติว่า "เซียน" เป็นเรื่องของ elite เป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องของแค่ "คนบางคน" (บางสำนวนก็ว่าเป็น "คนที่ถูกคัดเลือกแล้ว" หรือ ฮิตเลอร์อาจจะเรียก "คนอารยัน" เป็นคนที่ถูกเลือกแล้วว่าเลิศมันตัน

การตั้งภาพลักษณ์ว่า เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องยากสุดๆ ในขณะที่บางทีก็เพิ่มเสน่ห์ เพิ่มแรงดึงดูด แต่บางครั้งก้กลายเป็นสิ่งที่ push off คนธรรมดาๆ (จำนวนมาก หรือ majority) ออกไปจากมรรคาเซียนไปได้ง่ายๆเช่นกัน เรื่องแบบนี้มีเยอะ ในหนังสือ Buddhism without Belief ของ Stephen Batchelor ก็มีตอนหนึ่งที่กล่าวว่า "การตรัสรู้" หรือ "การตื่นรู้" นั้น ถูกทำให้เกิดเป็น ภาพของอรหันต์ คุณสมบัติของผู้ที่เจริญแล้ว บำเพ็ญธรรม บำเพ็ญเพียรมาหลายโกฏิชาติ เท่านั้น

จริงหรือ?

ถ้าเป็นจริงเช่นนั้น อยากขอดูมือว่า "ใครบ้างที่ถูก idea แบบนี้ ผลักดันให้เลิกสนใจในการปฏิบัติธรรม?"

แต่ถ้าเกิด concept นี้อาจจะจริง เราลองสมมติว่า "จริง" ดูสักชั่วขณะ ทีนี้คำถามดั้งเดิมก็คือ เราจะ "สร้างเซียน" จะทำอย่างไร?

คำตอบกลายเป็น ไม่ใช่หาวิธีสร้าง แต่เป็นการหาว่า "อะไรเป็นอุปสรรคต่อความเป็นเซียนของคนๆนี้?" แทนไป กลายเป็นอะไรเป็นปัจจัย "เกื้อหนุน" ให้คนๆนี้ คนๆโน้น เป็นเซียน และเซียนก็จะมีหลายร้อยพันแบบ ซึ่งมีอุปสรรคแตกต่างกัน 

ผมคิดว่าบางทีเป็น ความรับผิดชอบของหัวหน้าโดยตรง ที่จะค้นหาอุปสรรค ขวากหนาม ของการเป็นเซียนของลูกน้อง ลูกศิษย์ ของตนเอง skill ในการ identify หาอุปสรรคเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องของการมีญานวิเศษอะไร (แต่มีก็ช่วยนะครับ) ส่วนใหญ่น่าจะเป็น การร่วมมือกันค้นหากับลูกน้อง ลูกศิษย์ของตน ว่าเขาอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร และอะไรเป็นอุปสรรค ที่ทำให้เขาต๊อกต๋อยอยู่แค่นี้มาหลายปีดีดักแล้ว

นอกเหนือจากการหาอุปสรรค หาขวากหนามให้ลูกน้องแล้ว หัวหน้ามีหน้าที่โดยตรงที่จะ ให้พื้นที่เติบโตแก่ลูกน้อง ลูกศิษย์ เพราะการไม่มีพื้นที่นี่แหละ เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งของการ "ไม่เป็นเซียน"

มีคนยกมือถามว่า "แล้วถ้าให้พื้นที่น้องๆไปหมด เกิดมันทำบริษัทเจ๊งมาจะทำยังไงล่ะจ๊ะ?"

หัวหน้าที่รอบคอบก็อาจจะต้องให้พื้นที่ "เพื่อฝึกงาน" ไปชิมลางก่อน อย่าพึ่งให้พื้นที่ที่เป็น strategic area of organization เอาโครงการเล็กๆ โปรเจ็คเล็กไปทำกันสามสี่คน แล้วไม่ต้องไปยุ่งเลย ปล่อยเลย ออกมาดูห่างๆ แต่ไม่ได้ตัดหางปล่อยวัดอะไรแบบนั้นนะครับ ถ้าเขามีปัญหา เราก็ให้เขาพยายามแก้เองก่อน แต่พร้อมที่จะลงไปช่วย และเมื่อไรที่มีการขอความเห็นว่าดีรึยังๆ แล้วด้วยความที่เรามีประสบการณ์มากๆ ไอ้ที่เขาคิดมา เป็นแค่ second best, third best, forth best โน่น ก็ไม่ต้องคันปากไปบอก the very first best ของตนเองไป เพราะจะเป็นการตัดไม้ข่มนาม ลูกน้องก็จะฝ่อหมด ไหนๆมันก็เป็น trial project เราก็ลองยอมรับเท่าที่เขาคิดกันมา ยังไงๆก็ไม่ได้สำคัญ สำเกา อะไรมากมาย แต่เสร็จแล้วลองเอามาอภิปราย พูดคุยกัน ว่าสามารถจะทำดีกว่าที่ออกมาได้หรือไม่ และทำอย่างไร บางทีอาจจะคิดออกมาตอนนี้

ทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร?

เพื่อที่เขาจะได้มีผลงาน มีความภาคภูมิใจในผลงาน และมีกำลังใจที่จะ จินตนาการต่อไป สร้างสรรค์ต่อไป และ เติบโตต่อไป

และถึงล้มเหลวสิ้นเชิง ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่สำคัญมากมาย แต่คนทำที่ประเมินผลงานที่ล้มเหลวนั้น ถ้าสามารถกลับลำ และตั้งหลักใหม่ได้ จะเป็น คนที่เข้มแข็งกว่าเดิม ล้มแล้วลุก เรียนรู้จากข้อผิดพลาด และทราบว่าเมื่อผิดพลาด ก็ยังแก้ไขได้ และข้อสำคัญก็คือ นายยังไว้ใจ ยังมอบหมายงานให้ ไม่จับแช่แข็ง แช่เย็น

คนจะรักองค์กรแบบนี้ไหม?

พื้นที่สำคัญไฉน?

พูดคำๆนี้บ่อยแล้ว "พื้นที่ๆ" คืออะไร? คนเราแต่ละคนนั้น นอกเหนือจากเกิดมาแล้วเพื่อจะตาย ยังน่าจะมีวัตถุประสงค์อะไรบางอย่าง ความหมายอะไรบางประการ ที่ต้องเป็น "เรา" ที่เกิดมา ไม่ใช่คนอื่น ถ้าเป็นเช่นนี้ "คนทุกคน" มีความหมายที่ unique ของตนเอง มีพื้นที่ของตนเองที่ต้องเสาะแสวงหาว่าคืออะไร ทำอะไร

มีพื้นที่ มี subpersonalities ทุกชนิด มีไพ่ทุกใบ ทุกสำรับ พร้อมจะเล่น ก็จะเล่นได้หลายแบบ หลายเกม ไม่ขาดมือ

เหมือนกับเซียน ที่มีได้ร้อยแปดพันบารมีแห่งเซียน เซียนทางโลกย์ก็ได้ เซียนทางธรรม์ก็ได้ ทุกหน่วยงาน คนทุกคนก็เป็นเซียนได้ โดยไม่ต้องผ่านโรงเรียนเซียน ขอเพียงมี พื้นที่เติบโต เท่านั้น เราก็จะเห็นอะไรๆดีๆมากมายตามมาอย่างแน่นอน

หมายเลขบันทึก: 93530เขียนเมื่อ 30 เมษายน 2007 23:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

Phoenix.......

อ่านบันทึกนี้ ก็คิดถึงแนวคิดเรื่อง หน้าที่ ของคานต์(Kant, Immanuel) ซึ่งจำแนกหน้าที่ ๔ นัยคือ

  • หน้าที่สมบูรณ์เพื่อตัวเอง คือ จะต้องไม่ฆ่าตัวตาย
  • หน้าที่สมบูรณ์เพื่อผู้อื่น คือ จะต้องไม่โกหกผู้อื่น
  • หน้าที่ไม่สมบูรณ์เพื่อตัวเอง คือ ทุกคนมีหน้าที่จะต้องพัฒนาตัวเองสู่ความเป็นเลิศอย่างหนึ่ง แต่ข้อจำกัดหรือสิ่งแวดล้อมบางอย่างทำให้สิ่งนั้น...
  • หน้าที่ไม่สมบูรณ์เพื่อผู้อื่น คือ การบริจาคช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งเรามิได้ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มที่หรือทุกอย่าง...

การพัฒนาสู่ ความเป็นเซียน ตามที่อาจารย์หมอว่า น่าจะจัดอยู่ใน หน้าที่ไม่สมบูรณ์เพื่อตัวเอง ตามแนวคิดของคานต์....

เจริญพร

นมัสการหลวงพี่มหาชัยวุธ P  ครับ

Immanual Kant มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เป็นนักคิดชาวเยอรมันที่ทิ้งมรดกปรัชญาไว้เป็นคุณูปการจริงๆ โดยเฉพาะเรื่อง "หน้าที่" นี่ บางทีผมยังนึกเปรียบเทียบ "หน้าที่ฉบับเมตตา" ของพระอาจารย์พุทธทาส ทำไปทำมา การปฏิบัติธรรมกับ goodness ของ duty ของ Kant นั้น ก็คือสิ่งเดียวกันนั้นเอง

วันนี้ไปดู Spiderman part III มา เขาจบด้วยอย่างนี้ครับ

"คนทุกคนมีอิสระในการเลือกทำอะไรอยู่ตลอดเวลา ปัญหาก็คือเลือกให้เหมาะสมเท่านั้นเอง บางครั้งเมื่อคนเราหลุดพ้น จะเลือกแสดงสิ่งที่ดีที่สุดของเขาออกมาได้ ณ เวลาที่ดีที่สุดเช่นกัน

Peter Parker, aka Spiderman"

ขอบพระคุณครับ

พื้นที่สำหรับการเรียนรู้ที่แท้จริง (ได้ทำจริง)+คำชี้แนะที่มีคุณค่าจากกัลยามิตร(เพื่อน/อาจารย์/พ่อแม่ etc) +ความมีอิทธิบาท 4 ของผู้ที่ต้องการเป็นเซียนเอง คงจะทำให้ถึงความเป็นเซียนได้ (เซียน= คนที่ในวงการนั้น approve แล้วว่าเป็นของจริง)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท