สายลม แผ่วเบา คลุกเคล้าความคิดถึง
ลมหายใจ ยังคง เฝ้ารำพึง
คิดคำนึง ถึงการคอย ให้น้อยใจ
เสียงหัวใจของข้าพเจ้ายังเรียกร้องถึงความรู้สึกต่าง ๆอย่างหิวกระหาย แต่มันกลับตรงกันข้ามกับก้อนไขมันที่อยู่ภายใต้กระโหลกของข้าพเจ้ายิ่งนัก ความเหนื่อยหน่าย เซื่องซึม เริ่มปรากฏขึ้นมาเข้าครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของร่างกายข้าพเจ้า
ทันใดนั้นก็มีซุ่มเสียงที่ฟังดูแล้วคุ้นเคยเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบงันให้แตกกระจายหายไปในอากาศ " นี่นายสายลม ทำไมไม่เขียนบันทึกหรือว่าบทกวีที่เจ้าชอบล่ะ อาจช่วยให้ดีขึ้นได้นะ " สมุดบันทึกของข้าพเจ้านั่นเองเป็นคนเอ่ยขึ้นมา อาจเพื่ออยากที่จะช่วยให้เพื่อนอย่างข้าพเจ้าได้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก็เป็นได้
ลมพัดเอื่อย ๆ ข้าพเจ้าหยิบสมุดบันทึกพร้อมกับดินสอเพื่อนคู่หูออกมานั่งที่ระเบียงหน้าบ้าน ทิ้งตัวลงในเก้าอี้ผ้าใบตัวเก่าซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าพรุ่งนี้ต้องหาไขควงมาขันน็อตให้มันแข็งแรงเพิ่มขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าพเจ้าคงต้องได้หาเก้าอี้ผ้าใบตัวใหม่แน่นอน
เวลาผ่านไป ผ่านไป ผ่านไป หลังจากที่ข้าพเจ้าเขียนแล้วลบ เขียนแล้วลบ เป็นอย่างนี้อยู่หลายเที่ยว สมุดบันทึกจึงได้เอ่ยขึ้นเตือนสติข้าพเจ้า " ใจเย็น ๆ สิจ๊ะ นายสายลม "
บทกวี
เขียนกี่ที กี่ที ก็ยังเฝื่อน
เค้นกี่ครั้ง กี่ครั้ง ยังบิดเบือน
ไม่ตรงใจ ที่คอยเตือนให้ตรงใจ
..ข้าพเจ้าเขียนตอบเสียงนั้นลงไปในเส้นบรรทัดแรกที่เปื้อนไปด้วยร่องรอยยางลบที่ข้าพเจ้าได้ทิ้งไว้เมื่อสักครู่นี้
ดึกนี้ ดาวเดือน เลือนลับ
แพรเงิน ทอจับ เรียวไผ่
แม้เธออยู่ ณ โค้งรุ้ง แห่งใด
มั่นใจนะ บัณฑิตแกร่ง แห่งสังคม
เอาล่ะนะ ข้าพเจ้าคิดว่าความรู้สึกของข้าพเจ้าเริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว
จะเขียนถึง เนื้อใจ ที่ไหม้หมอง
หวั่นโลกครอง โศกทุกข์ ไม่สุขสม
คนที่อ่าน จะพาลหมอง ต้องมาตรม
จำจะข่ม คิดคำนึง ซึ้งแค่ทรวง
เอาอีกแล้ว ความคิดของข้าพเจ้าเริ่มสับสนวุ่นวาย จนจับต้นชนปลายไม่ถูกอีกแล้ว ทำไมช่างยุ่งเหยิงเสียอย่างนี้นะ
เขียนออกมา ได้ก็ เฉพาะว่า
ทุกเวลา ทุกนาที มีความห่วง
เปล่างอนง้อ ทึกทัก ดักถามทวง
ใจทั้งดวง เจียนจะดับ กับการคอย
ใช่แล้ว..ความรู้สึกนี้ ข้าพเจ้ากำลังคิดถึงดวงดาวในใจของข้าพเจ้าซึ่งตอนนี้เธอช่างอยู่ไกลแสนไกลเหลือเกิน แต่ถึงจะไกลแสนไกลยังไง ข้าพเจ้าก็รู้ได้ว่าข้าพเจ้าสามารถส่งความรู้สึกของความคิดถึงให้ลอยไปห่มผ้าให้ดวงดาวอบอุ่นได้อย่างแน่นอน
เขียนใหม่
จากเสี้ยวใจ ที่เพียรบอก ออกบ่อยบ่อย
ว่า....ไม่รัก...แต่ไม่เคยไม่รอคอย
ไม่เคยน้อย ใจช้ำ เพราะน้ำใจ
ข้าพเจ้าปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมันไปครู่หนึ่ง ความเงียบงันเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างสนุกสนานครึกครื้น.......................
บทกวี
เค้นวาที มาเรียงร้อย เฟ้นถ้อยใหม่
จะกี่ครั้ง ก็ยังคง ไม่ตรงใจ
สักเมื่อใด...เล่าจะแจ้ง...แทงอารมณ์
หลังจากที่ข้าพเจ้าเขียนตัวอักษรตัวสุดท้ายเสร็จ ข้าพเจ้าก็ปิดสมุดบันทึก แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องของข้าพเจ้า ปล่อยให้ความเงียบงันทำความรู้จักทักทายกับความเหงาของข้าพเจ้าไว้ที่ระเบียงบ้าน
คิดถึง...เพราะ..คิดถึง
ใช่แล้ว..เพราะ..คิดถึง..
นายสายลม
ผ่านมาแลกบทกวียามฝนพรำ....
"ฝนพรำฉ่ำฟ้า ข้าตรม
ฝนลมพัดผ่าน ซ่านเศร้า
ฝน.....เหงา.....เฝ้าคอยน้อยใจ"
โปรดชี้แนะ ....
ข้าพน้อยมิบังอาจครับ เป็นเพียงแค่สายลมผู้อ่อนด้อยแต่บังเอิญดันไปหลงรักตัวอักษรแค่นั้นเองครับ
" แม้ฝนฟ้า ยังกระหน่ำ ย้ำความเศร้า
พิรุณเย้า คนเหงา จึงยิ่งหงอย
ยิ่งปลอบโยน ยิ่งทำให้ ใจสำออย
น้ำตาปรอย พลอยรินหลั่ง กับฝนพรม.."
...ขอบคุณมากครับที่เยี่ยมชม..นายสายลมครับ