ทำอย่างไรถึงจะกล้า
ในการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเป็นหลัก
เนื่อง จาก Dr. Susu Nousala ได้เข้าร่วม KM Café
ในครั้งนี้ด้วย ทำให้เกิดประเด็นความคิดที่ผู้ร่วมเสวนาเชื่อว่า
จะนำไปปรับใช้กับการจัดการให้เกิดความกล้าของตนเอง
เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ส่วนรวม และองค์กร
ดังนี้
1. คนส่วนใหญ่ชอบที่จะเป็นผู้ฟังมากกว่าที่จะเป็นผู้พูด
สาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะไม่ชอบการเผชิญหน้าและการโต้แย้งกัน
ทำนอง “ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย”
ซึ่งในเรื่องนี้ไม่ใช่จะเป็นเฉพาะคนไทย
แม้แต่คนต่างชาติโดยเฉพาะในทวีปยุโรปก็มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
แต่อาจจะมีความกล้าที่จะพูดบ้างเล็กน้อย
2. ความกล้าของคนโดยเฉพาะคนไทย
จะเกิดขึ้นเมื่อมีความเดือนร้อนหรือเสียผลประโยชน์
และถ้ามีคนริเริ่มหรือเริ่มต้น
ก็จะเป็นตัวกระตุ้นในความกล้าขยายวงมากขึ้นไปอีก
3. ความรู้และประสบการณ์ของคน
จะช่วยส่งผลต่อความกล้า การรวมกลุ่มผู้สนใจ
(Community of Interest)
จะทำให้คนมีความกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น อภิปราย
เพราะอย่างน้อยก็มีความรู้ในเรื่องที่กำลังพูดถึงอยู่
4. ความกล้าในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ต้องวิเคราะห์ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เพราะ ”ความกล้า”
ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอาจถูกมองได้ว่าเป็น “ความก้าวร้าว”
ซึ่งจะเกิดผลเสียต่องานที่ทำอยู่ ทำนอง “อารมณ์ร้อน
แต่อ่อนหัด”
แต่ความกล้าที่เกิดจากความมั่นใจในความรู้ของตนเอง
และหากได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนอื่นๆด้วยแล้ว
ยิ่งทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น
5. การฝึกความกล้าในสิ่งที่ดีมีประโยชน์
เป็นสิ่งที่ทำได้และควรทำ
โดยต้องปลูกฝังตั้งแต่ในวัยเรียน
อาจารย์ต้องมีส่วนร่วมส่งเสริมและค้นหาจุดเด่น /
จุดด้อยของนักเรียนแต่ละคน
วิเคราะห์ร่วมกันเพื่อหาปัจจัยที่เป็นสาเหตุของความกล้าและความไม่กล้า
การฝึกให้ผู้เรียนมีความกล้าที่จะคิด กล้าที่จะถาม
กล้าที่จะทำ
จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สิ่งที่ดีๆมากยิ่งขึ้นไปอีก
และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม
วันนี้จะทยอยลงความรู้จาก cafe ที่เราจัดไว้ค่ะ