บทนำเสนอ เทียบเคียง การมีอยู่จริง บนหนทางแห่งนักรบ


คำถามและข้อสงสัย บนหนทางแห่งศรัทธา เมื่อจิตวิญญาณ ถูกหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งแห่งชีวิต

หนทาง นักรบ 

พิมพ์ครั้งแรก

CORPORATE THAILAND

ปีที่ 8 ฉบับที่ 86 October 2003 

 

คติ  มุธุขันธ์

ผู้เขียน 

ฉากแรก

เปิดภาพมุมกว้าง ก่อนที่จะตัดมาที่ภาพมุมสูง แสงธรรมชาติลอดผ่านบานกระจกเป็นลำชัด 

กลิ่นอายสังคมชาวมุสลิมภายใต้ควันจากกำยาน กลิ่นอายที่ผู้ชมรับรู้ และส่งผ่านด้วยจินตนาการของเครื่องเทศ ตัวแสดงชายเดินเข้ามาด้านขาวของฉาก เดินไปยังสระน้ำใหญ่กลางห้อง

แสงจากกระจก เห็นเงาของเสา

เสียงบทสวดภาษาอาหรับแผ่วเบาเริ่มดังขึ้น ก่อนที่จะเงียบในอีกไม่กี่อึดใจ

ใบหน้าของตัวแสดงชายอันสงบ ริมฝีปากขยับถี่เร็ว

บิสมิ้ลลาฮิรเราะห์มานนิรร่อฮิม 

ภาพขยาย เห็นใบหน้าและแววตาอันมุ่งมั่น ก่อนที่ชายผู้นั้นจะล้างมือทั้งสองข้างถึงข้อมือ

เขาทำเช่นนั้น 3 ครั้ง จากนั้นก็วักน้ำดื่ม

ภาพเริ่มตัดข้ามจังหวะการล้างศีรษะ มือทั้งสองข้าง ลูบศีรษะ ก่อนที่จะล้างเท้า

 ในขณะที่เสียงบทสวดอาหรับเริ่มปรับเสียงให้ดังขึ้น ก่อนที่จะเขาจะขยับร่างกาย

เสียงบทสวดหยุดกะทันหัน เขาเริ่มกล่าวเป็นภาษาอาหรับ พร้อมกับบทแปลใต้ภาพ

ฉันขอปฏิญาณว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ องค์เดียว และไม่มีภาคีกับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่า มูฮำมัดเป็นบ่าว และร่อชู้ลของพระองค์ 

ผมปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะเปิดเอกสารบทสัมภาษณ์ของนักวิจัยไทยชาวมุสลิม ที่บอกถึง

การตีความของ นักรบ ที่ระเบิดร่างตนเองการตีความทางศาสนา ที่คำถามย้ำถึงเหตุผลของการอาบน้ำล้างตัว ก่อนที่จะเดินทางไปสู่การพลีชีพ ถามถึงพฤติกรรมของผู้ก่อการร้ายที่ระเบิดตัวเอง ผมไม่แน่ใจว่า ตอนนั้น คำถามที่บอกว่า การชำระล้างกายเป็นเสมือนกับการกระทำก่อนการละหมาดหรือเปล่า 

ขณะที่สายตาของผมเปิดเอกสารในแต่ละแผ่น ผมเริ่มทวนข้อความที่เกิดขึ้น เหมือนกับเสียงของเครื่องบันทึกเทปได้ย้อนกลับมาในห้วงคำนึง                

ไม่ยากหรอกที่จะทำความเข้าใจสิ่งที่เขากำลังทำ เขากำลังทำความสะอาดตัวเอง ชะล้างให้กายสะอาด และใจบริสุทธิ์ เพื่อบอกกับตัวเองว่า เขากำลังกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ เพื่อทำสิ่งที่เขาคิดว่า บริสุทธิ์ เพราะเขากำลังจะเดินทางไปหาพระเจ้า เขาได้กระทำในสิ่งที่เขาเชื่อว่า ประเสริฐที่สุด ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการตีความศาสนา และยึดโยงตัวเองเข้ากับหลักการทางศาสนา หลักการที่จะบอกถึงสงครามอันศักดิ์สิทธิ์                

ผมปิดเอกสารชิ้นนั้น ก่อนที่จะนึกถึงภาพของเพื่อนที่เคยเล่นฟุตบอลด้วยกัน ผมจำสิ่งที่เขาพูดกับผม  ตอนมัธยมต้นได้ดี เขาพูดกับผมว่า พอเขาเรียนจบมัธยมปลาย เขาจะไปเรียนต่อที่อียิปต์               

 ตอนนั้น ผมแย้งเขาว่า จะไปเรียนอะไร ทำไมไม่เรียนที่เมืองไทย                

ผมไม่แน่ใจว่า ตอนนี้ เสียงของเขายังดังก้องในการรับรู้ของผมหรือเปล่า               

เขาบอกผมว่า จะไปเรียน ศาสนวิทยา แล้วเขาจะกลับมาสอนหนังสือในเมืองไทย สอนสิ่งที่เป็นคำกล่าวของมูฮำมัด ตอนนั้นผมไม่เข้าใจเขา แต่สิ่งที่ผมได้ยินขณะนี้ ไม่ใช่เสียงของเพื่อนเก่าสมัยมัธยมต้น หากเป็นเสียงของนักข่าวที่รายงานข่าวเมื่อเช้า ข่าวการจับตายผู้นำขบวนการก่อการร้ายทางภาคใต้ ของมะฮามะ แมเราะห์ หลังจากรายงานความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับตำรวจทั้งสามนาย ขณะที่เข้าจับกุม                

หลังจากนั้น  ก็มีเสียงเสมือนบทสรุป ตัวตน ของเขาว่า เขาเคยเรียนที่ปอเนาะ ก่อนที่จะถูกเกณฑ์ทหาร ข่าวรีบสรุปเหตุผลทันทีว่า ทำไมเขาจึงสามารถใช้อาวุธสงครามได้ดี แต่กระนั้น ข่าวกลับไม่บอกเลยว่า ทำไมเขาถึงคิด ก่อการร้าย                

ผมไม่แน่ใจว่า หูของผมแว่วไป หรือว่าผมสับสนเสียเองระหว่าง ข่าว กับเรื่องที่เคยผ่านตามาก่อนหน้านี้ นั่นคือ ผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่ มักการศึกษาสูง และฝึกฝนใน การสงคราม มาดี รวมทั้งฝึกฝนการใช้อาวุธสงคราม                

นายเชื่อเราไหม ถ้าเราไม่ขึ้นมาจากบ้านเราที่ยะลา มาเรียน นิติฯ ธรรมศาสตร์ เราก็ไปเรียนที่อียิปต์แล้ว ป่านนี้เราเรียนการสอนศาสนา เรียนเรื่องบัญญัติทางศาสนา หรือไม่ก็กฎหมายมุสลิม แต่เราก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าเราเรียนจบที่บ้านเขายังจะส่งเราไปเรียนที่อียิปต์อีกหรือเปล่า               

ผมจำคำพูดของเพื่อนคนที่ 2 ในชีวิต ที่บอกผมว่า จะไปเรียนอียิปต์ เขาเป็นเพื่อนมุสลิมที่ต่างกัน สำหรับการลำดับถิ่นเกิดในใจผม                

คนหนึ่งโตมาแถวราษฎร์บูรณะ อีกคนโตที่ยะลา               

 ผมคิดอะไรไม่ออก ก่อนที่จะเปิดหนังสือไดอารี่ขึ้นมาทบทวนอีกครั้ง ก่อนจะเขียนวันที่ของวันนี้ 

ผมเริ่มต้นสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ หนึ่งคำตอบของชีวิตที่ผมต้องการเรียนรู้รากพิธีกรรม เพื่อนำพาชีวิตให้ข้ามพ้นกฎเกณฑ์บางอย่าง คือคำตอบในเรื่องราวเพื่อค้นหาความซับซ้อนที่ฝังอยู่ในใจมนุษย์ ขณะที่เรื่องราวมากมายสร้างความซับซ้อนเพื่อก่อกำแพงให้กับใจมนุษย์ ภายใต้ข่าวสารการทำความเข้าใจรายละเอียดที่แวดล้อมทั้งบทบาทการพยายามสร้างบันไดให้มนุษย์เข้าใจกัน ก้าวไปสู่เรื่องราวแห่งความสูงสุดทางจิตวิญญาณ หรือเกียรติยศที่ได้รับจากการใช้ความรุนแรงในสังคม 

กฎเกณฑ์บางอย่างทำให้พฤติกรรม และศรัทธาในศาสนาถูกแปรเปลี่ยน เป็นเพียงหนึ่งกระบวนการสร้างแรงจูงใจ เพื่อนำพาไปสู่ความเชื่อว่า กระบวนการและพิธีกรรมเหล่านี้ คือหนทางที่นำไปสู่ทางหลุดพ้นอันสูงสุดในแต่ละความเชื่อ 

ผมเขียนเพิ่มเติมในหน้าถัดไปว่า กระบวนการสร้างความศรัทธา เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นการกระทำ หรือพฤติกรรมชี้นำทางสังคม คือเรื่องราวที่สร้างปรากฏการณ์ในปฏิบัติการใช้ความรุนแรงประหัตประหารกัน หรือสร้างความเจ็บปวดให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก สิ่งที่ชักจูงให้ผมเห็นแง่มุมบางอย่าง ควรค่าแก่การทำความเข้าใจ เป็นเสน่ห์ทางวัฒนธรรมที่มนุษย์สร้างสรรค์ให้กับ อาวุธ

ด้วยพลานุภาพของเครื่องมือที่สามารถก่อความรุนแรง ความเชื่อถือที่แฝงเร้นอยู่ภายใต้เครื่องมือเหล่านี้จึงปรากฏ เป็นความสวยงาม เป็นคุณค่าของอาวุธ สิ่งประดิษฐ์ที่ส่งผลทางจิตวิญญาณมากกว่าเครื่องมือใดๆ

คุณค่าที่มนุษย์เราสลักจารลงบนอาวุธ คือวิญญาณที่ปลุกเสกเข้าไปในจิตใจผู้คน

ผมปิดไดอารี่เล่มนั้น ก่อนที่จะหันกลับไปนั่งเขียนงานต่อ ผมเริ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์อีกครั้ง 

ฉากสอง

เห็นตัวแสดง เริ่มใส่เสื้อผ้าฝ้ายแบบอาหรับ ก่อนที่เขาจะสวมเสื้อแจ๊กเก็ตทับอีกชั้น แสงยังคงเหมือนเดิม เป็นแสงธรรมชาติ แลเห็นไอควันที่ลอยเหนือผิวน้ำ 

ขณะที่ผมเริ่มต้นเขียนบรรยาย ฉากสอง ผมกลับนึกถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ที่บรรยายภาพของผู้ก่อการร้ายกำลังใส่ระเบิดพลาสติกที่ติดอยู่ในเสื้อกั๊ก โดยฉากก่อนที่จะลงมือ เขาเริ่มต้นอาบน้ำและล้างตัว ผมไม่แน่ใจว่า ประทับใจฉากที่งดงามของแสงหรือประทับใจกับท่วงท่าที่สงบ ซึ่งถ่ายทอดผ่านมุมกล้องได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากนั้น ผมกำลังลืมที่จะเขียนบทต่อ ผมหันกลับไปอ่านเอกสารสรุปประเด็นของตัวแสดง  

ข้อสรุปตัวแสดง ในฉากผู้ก่อการร้าย

ในด้านพฤติกรรมของผู้ก่อการร้าย ก่อนที่จะประกอบพิธีกรรม พิธีการรบก่อนวางระเบิด -พิธีกรรมก่อนที่จะระเบิดตัวเอง

·        เปลี่ยนสถานะของพลเรือน จากผู้ไม่ใช้ความรุนแรงเป็นนักรบที่กำลังจะใช้ความรุนแรง

·        เปลี่ยนสถานะของอาวุธ และความสัมพันธ์ของตัวแสดงที่มีต่ออาวุธ

·        ปรับเปลี่ยนอารมณ์เข้าภวังค์ในวิถีของนักรบ ผู้กำลังจะใช้ความรุนแรง เป็นวิถีทางแห่งนักรบ - วิธีแห่งความบริสุทธิ์

·        ผู้กล้าที่กำลังเดินทางไปสู่เส้นทางของพระเจ้า ตามขั้นตอนอันบริสุทธิ์

·        พิธีกรรมนักรบ ไม่ใช่การเตรียมพร้อม ระหว่างนักรบกับอาวุธ แต่คือการเตรียมตัวและเปลี่ยนสถานะของนักรบให้เป็นอาวุธ ประเด็นสำคัญ คนคืออาวุธ 

ฉากสาม

ตัวแสดงเปิดประตูห้อง เดินออกมาด้วยท่าทางและหน้าตาอันสงบนิ่ง เดินสวนกับผู้คนที่เดินไปมา อย่างเร่งร้อน ทำภาพให้ขัดแย้งระหว่างนักแสดงผู้ก่อการร้ายที่สวมระเบิดติดตัว ที่เดินก้าวอย่างช้าๆ และสงบนิ่ง กับผู้คนที่ร้อนรน เร่งรีบ 

ขณะที่เริ่มต้นเขียน ฉากสาม ผมนึกถึงตอนทำข้อมูลของเรื่อง ขณะนั้น ผมนึกถึงตอนที่ตัวเองกำลังเรียน ร.ด. นึกถึงการฝึกแถวทหาร การฝึกระเบียบวินัย นึกว่า ทำไมเราต้องทนฝึก และทนให้ใครบังคับเรา ผมนึกถึงหนังสือที่เขียนถึงฉากในชีวิตผู้คนกับงานวรรณกรรม และคิดถึงคำพูดของอาจารย์ที่สอนในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง ผมจดไว้ว่า 

·        นักรบผู้เดินทางไปสู่เส้นทางอันศักดิ์สิทธิ์

·        รายละเอียดอันงดงามจากมุมมองและการถูกตีความ

·        พิธีกรรมของนักรบมุสลิมที่ถูกเรียกขานว่า ผู้ก่อการร้าย คือการเดินทางไปสู่รายละเอียดของชีวิต จากความสงบ ความงดงาม และการตีความ

·        น้ำ คือขั้นตอนหนึ่งของการเตรียมตัว การชำระล้าง

·        ภาพลักษณ์ที่ปรากฏ คือหนึ่งในกระบวนการตีความ แปลความ ลดทอนพิธีกรรมให้เป็นเพียง Dramatization ( นาฏกรรม บทละคร )

·        สิ่งที่เห็น คือกระบวนการลดทอนข้อเท็จจริงให้กลายเป็นเพียง นาฏบท

·        เพราะลำพัง กระบวนการฝึกฝนความเป็นนักรบ ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร ก็ล้วนเป็นเพียงการลดทอน ความเป็นมนุษย์

·        การฝึกแถวและวินัยทหาร คือกระบวนการเดียวกันในการลดทอนรูปแบบของความปรารถนา จารีต พฤติกรรม ความรู้สึก ให้รวมอยู่ภายใต้กรอบของความเข้าใจเดียวกัน

·        ในความจริงของมนุษย์ กระบวนการดังกล่าว คือการกดและปิดกั้น ความหวาดกลัว ความเศร้าโศก หรือด้านลบจากความอ่อนแอ ภายในตัวมนุษย์ซึ่งสวมสถานะความเป็นนักรบ ให้มีความกล้าหาญ ความแข็งแกร่งของจิตใจ เพื่อให้มุ่งมาดต่อการใช้ความรุนแรง 

ฉากปิดท้าย 

ผมไม่แน่ใจว่าผมเขียนอะไรลงไป แต่ผมกำลังเขียน ขณะที่นึกถึงเพื่อนมุสลิมที่เรียนมาด้วยกัน ผมเคยเห็นว่าเขาอ่อนแอ เวลาที่เขาเคยร้องไห้ เพราะทะเลาะกับพ่อ แต่ผมก็เห็นอารมณ์โกรธที่ก้าวร้าวรุนแรง เวลาที่เขาต่อยกับเพื่อน ผมเห็นเวลาที่เขาหัวเราะในขณะที่เล่นกับเพื่อน  

ผมไม่แน่ใจกับฉากนี้ ผมนึกถึงนักรบที่นั่งร้องไห้อยู่ต่อหน้าผู้พิพากษา ในคดีวางระเบิดโรงแรมบนเกาะบาหลี หลังจากที่ผมนั่งดูรายงานข่าวที่บอกว่า เขารู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ต่อผู้คนที่ไม่รู้เรื่อง และผมก็เห็นน้องชายของเขา ที่ผมเคยได้ยินจากวิทยุบีบีซี ว่าเขาเป็นคนเรียนเก่ง เรียนจบด้านวิศวกรรมจากอียิปต์ ตอนเด็กเป็นเด็กที่อ่อนโยน และชอบอยู่คนเดียว ขณะที่รายงานโทรทัศน์เห็นภาพของเขาชูกำปั่นขึ้นเหนือหัว ต่อหน้าผู้พิพากษา พร้อมตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ขณะที่ตำรวจอินโดนีเซียต้องเข้ามาจับแขนของเขาทั้งสองข้าง 

ผมไม่แน่ใจว่าเวลาที่เขียนบทภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับผู้ก่อการร้าย ทำไมมันช่างงดงาม สงบ และยิ่งใหญ่ ในขณะที่เขากำลังเดินทางไปสู่ความตาย 

หรือที่จริง ผมกำลังสร้างความงดงามให้กับการเสียสละ และความกล้าหาญของนักรบ 

ในขณะที่หัวใจของผมเห็นนักรบผู้องอาจ ต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม ผมไม่เคยเห็นชีวิตที่อ่อนแอของนักรบ ไม่เคยเห็นความเจ็บปวดของเขา ยามสูญเสียครอบครัวและคนที่เขารัก ในขณะที่เขาอาจไม่เข้าใจว่า ใครทำร้ายเขา 

เพราะผมเอง ก็ไม่เคยเห็นตัวตนความโหดร้าย ที่ทำลายจิตใจของเขา    

หมายเลขบันทึก: 92106เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2007 06:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

การเทียบเคียงคือบทสะท้อนของสังคม

แต่สังคมยังคงต้องให้โอกาส....ทุกมวลมนุษย์ที่อยู่บนโลกใบนี้

เพราะเขาก็คือ " คน " มีร้อน หนาว และมีความต้องการ หิว อิ่ม เฉกเช่น เรา....

"จักถึงกี่เดือนกี่ปี  ทีล่วงผ่าน

เพราะความหวังพลังใจของไทยผอง

สิ่งที่ตรอง .....จึงจะสงบในเร็วพลัน "

...แล้วตรงนี้ที่เกิดขึ้น ใครเป็นผู้ก่อ......(เพราะทิฐิของคนนั่นแหละ)

 

ได้แต่คาดหวัง และวาดหวัง ถึงความสงบที่จะเกิดขึ้นนะครับ ในขณะที่เราเริ่มต้นทำความเข้าใจ เมื่อความรุนแรงปรากฎตัวขึ้นในบ้านของเรา

ผมไม่แน่ใจ ในแต่ละความสงบ ว่าจะรวดเร็วเพียงใด ได้แต่คาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเท่านั้นครับ

 

ขอบคุณสำหรับข้อเขียน การเยี่ยม และคำแนะนำ

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท