โค้ชส้ม Citrus
Miss. ปรีดิ์ฤทัย โค้ชส้ม ตั้งจิตญาณพัฒน์

เชื่อหรือไม่ ถ้าคุณเปลี่ยนความคิดและตัวคุณ คนรอบข้างจะเปลี่ยนตาม


มองโลกและคนรอบข้างในแง่ดีมีแต่กำไร

     วันนี้เป็นอีกวันที่มีเรื่องที่สอดคล้องต้องกันมาให้ประมวลความคิดอีกแล้ว เกี่ยวกับการมีทัศนคติที่ไม่ดีกับคนที่อยู่รอบข้าง เปล่านะไม่ใช่ตัวเราหรอก แต่เป็นเพื่อนสนิทที่มักจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ่อยๆ

     มีใครเคยพบปัญหาแบบนี้หรือไม่ คนในที่ทำงานไม่ถูกกัน ไม่ชอบหน้ากัน ไม่ร่วมมือกัน ศรศิลป์ไม่กินกันแต่ชาติปางไหน ทำให้การทำงานสะดุดหยุดชะงัก เพราะทีมไม่เวอร์ค ต่อให้จัดอบรมเรื่องการสร้างทีมงานกันหลายรุ่น กลับมาก็เหมือนเดิม

     เคยพบตัวอย่างหลายๆ กรณีที่เป็นเรื่องจริง

  • เป็นทุกข์เพราะไม่ชอบคนนั้น วิจารณ์คนนี้ นินทาคนโน้น ทุกครั้งที่จับกลุ่มกัน
  • มีเรื่องให้อิจฉาคนที่อยู่รายล้อมได้ทุกคน
  • ไม่ชอบใคร ก็จะหาพวกให้ไม่ชอบตามไปด้วย ถ้าใครไม่เห็นด้วย ก็จะถือว่าเป็นคนละพวกกัน
  • ติดท่าที ไม่ชอบคนมีบุคลิกแบบนี้ มันขวางหู ขวางตา
  • ห้ามเอ่ยชื่อคนนี้ให้ได้ยินเด็ดขาด หรือชื่นชมให้ได้ยิน เกลียดเข้ากระดูกดำ
  • ถ้าคนที่ฉันไม่ชอบเสนออะไรมา ฉันจะค้านหัวชนฝา ชาตินี้ไม่ขออยู่ฝั่งเดียวกัน

  นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ในที่ทำงาน หลายที่ ใครเคยเจอมากกว่านี้ หรือ ไม่เคยเจอเลย ก็มาแบ่งปัน แลกเปลี่ยนกันได้ ว่ามีวิธีแก้ปัญหาหรือไม่  อย่าคิดว่าแค่เรื่องส่วนตัวของคนกลุ่มน้อยจะไม่กระทบต่อเป้าหมายรวมของหน่วยงาน

   เวลามีคนมาพูดว่าพบคนแบบนี้ ก็ได้แต่บอกเขาว่า ทุกคนน่าสงสาร เวลาที่เรานั่งลงพูดถึงคนที่เราเหม็นหน้า เราก็จะเริ่มโกรธ อารมณ์บ่จอย ขึ้นมาทันที ถามว่าใครล่ะที่แย่ ก็ตัวเองนั่นแหละ ไอ้เจ้าคนที่เราโกรธเกลียด เขาไม่ได้รับทราบอะไรเลย ว่าเรากำลังนินทาเขาอยู่

   ส่วนคนที่มักโดนเกลียด ไม่ว่าด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม ก็น่าสงสาร เพราะเขาอาจไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เขาทำนั้น สร้างความโกรธเคือง หรือความไม่พอใจให้คนอื่น และก็จะโดนคนไม่ชอบมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เขาพูดจาไม่ดี ไม่เข้าหูคน วงแตกประจำ สายตาแสดงอาการดูหมิ่นผู้อื่นอยู่เสมอ เขาอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้

   เมื่อเช้าก็เลยบอกเพื่อนไปว่า ตอนที่เราได้ยินเขาพูดถึงคนที่เขาไม่ชอบเอามากๆ เขาทำท่า และเสียงดังใส่เรา ราวกับว่าเราเป็นคนคนนั้น เราจึงเตือนสติให้เขารู้ตัว และบอกว่าจงเมตตาและสงสารเขาเถอะ  เราลองเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเขาเสียใหม่ พยายามมองหาสิ่งที่ดีในตัวเขา ปฏิบัติต่อเขาเสมือนเพื่อน หากเราปรับเปลี่ยนความคิดได้ ท่าทีที่เราแสดงอย่างเป็นมิตรที่จริงใจ จะทำให้เขารู้สึกได้ แต่ต้องทำทุกครั้งที่เจอกัน ไม่นานเขาจะเปลี่ยนท่าที และการปฏิบัติต่อเราจนกลายเป็นบวกเช่นกัน

   ไม่น่าเชื่อว่า พอมานั่งล้าง mailbox ก็ไปพบบทความหนึ่งที่เขียนเรื่องนี้ บอกว่าหากเราอยากให้คนรอบข้างปฏิบัติต่อเราอย่างไร

       ให้เราเขียนชื่อคนเหล่านั้นออกมา จากนั้นให้เขียนต่อท้ายชื่อของคนคนนั้นว่าอยากให้เขาทำอะไรให้เรา หรือปฏิบัติต่อเราอย่างไร แล้วเขียนต่อไปอีกว่าแล้วเราจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไรบ้าง จึงจะทำให้เขาทำอย่างที่เราต้องการ จากนั้นให้เฝ้าติดตามผล โดยเราต้องปฏิบัติตามสิ่งที่เราเขียนไว้เป็นขั้น เป็นตอนด้วย

      วิธีนี้ ถ้าตั้งใจใช้รับรองได้ผล ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร ระดับไหน เพราะความยากอยู่ที่ตัวเราเองนั่นแหละที่จะปรับเปลี่ยนใจของเราก่อนได้หรือเปล่า แล้วเราตั้งใจมากน้อยเพียงไรที่จะสร้างมิตรมากกว่าศัตรู

หมายเลขบันทึก: 92032เขียนเมื่อ 23 เมษายน 2007 18:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

เชื่อครับ...

เพราะเราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนตัวเองได้ครับ...

ขอบคุณครับ...

ดังคำสอนของท่านพระพยอม

"โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า"

เราอาจจะลองดูก็ได้นะครับว่าตอนโกรธ หรือตอนโมโห เราเป็นอย่างไร วิธีนี้ได้จากตอนเรียน FLOW ซึ่งมีการถ่ายทำหนังการละครที่พวกเราได้แสดงกัน (ทำให้เราเห็นว่าบ้างครั้งเราทำอะไรที่ไม่น่าทำลงไปได้ดีที่เดียว)

วิธีก็คือบอกเพื่อนที่เรามักอยู่ด้วยกันตลอดเวลาว่าช่วงไหนที่เรามีอาการโกรธ หรือโมโห ให้ทำการแอบถ่าย Clip เราให้หน่อย จากนั้นหลังจากที่เราอารมณ์เย็นแล้วให้นำมาฉายให้เราดู เราจะพบตัวตนของเราอีกรูปแบบหนึ่งครับ น่ามองหรือเปล่านั้นต้องพิจารณากันเอาเองครับ

วันเสาร์มีโอกาสได้ดู VCD ของท่านอาจารย์ ดร.วรภัทร์ ท่านบอกว่าจงทำตนให้มีสติอยู่เสมอ และให้รู้ทันจิตของตน เมื่อจิตเริ่มโกรธ เมื่อเรามีสติ เราก็จะรู้ว่าจิตเราเริ่มโกรธ เราก็จะสามารถระงับจิตที่โกรธลง

เห็นด้วยครับกับประโยคที่ว่าเรามัวแต่โกรธเขา แล้วเขาทุกข์กับเราด้วยหรือเปล่า มันก็เปล่าเลย แต่เราเองซิกลับเป็นทุกข์

เห็นด้วยครับพี่ส้ม

เปลี่ยนที่ตัวเรา ง่ายที่สุดแล้วครับ

P

สวัสดีค่ะ คุณอุบล

ขอขอบคุณสำหรับบันทึกที่แนะนำให้อ่าน ดีมากๆ เลยค่ะ จะลองนำไปปฏิบัติ หรือแนะนำให้คนที่เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ปฏิบัติดูบ้างค่ะ

เห็นด้วยกับบทความคะ ดิฉันก็เคยพบกับปัญหาการนินทากัน แยกพรรคแยกพวก หวาดระแรง เกลียด ว่าร้ายให้กัน พยายามหาพวก ถ้าคนนั้นไม่เห็นด้วย จะโดนกล่าวหาว่าเป็นพวกอื่น ฯลฯ ทุกข้อที่คุณกล่าวมาเป็นเรื่องจริงคะ ทำให้ดิฉันระอา ผลสุดท้ายต้องลาออกมา(ไม่ใช่เป็นเพราะปัญหานี้ทั้งหมดที่เป็นสาเหตุลาออกแต่มันทำให้ท้อ รู้สึกไม่อยากไปทำงาน) ดิฉันเป็นคนไม่ค่อยพูดชอบเก็บกด ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรดี เหมือนคนไม่มีทางออก และเป็นคนที่แคร์คนอื่นมากเกินไป พอดิฉันได้มาอ่านบทความนี้ทำให้ดิฉันรู้วิธีแก้ปัญหา และทำให้มองโลกกว้างขึ้น ขอบคุณคะ

 

ไม่มีรูป
mokung
สวัสดีค่ะ คุณ mokung ความเห็นของคุณทำให้ citrus รู้สึกดีใจค่ะ ที่จะช่วยแก้ปัญหาให้ได้บ้าง ดูเหมือนเรื่องความไม่ถูก ไม่ชอบกัน เป็นเรื่องธรรมดา ที่ไม่สามารถแก้ได้ด้วยวิธีธรรมดา เรื่องการแคร์คนอื่นมากเกินไป ตัวเองก็เป็นเหมือนกันค่ะ แต่มาระยะหลังพอเริ่มพบ และรู้จักคนมากขึ้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าประสบการณ์ของความไม่สบายใจที่เกิดจากการแคร์คนมากเกินไป สอนให้เรารู้ว่าถ้าเราเป็นแบบนี้ย่อมมีแต่ทุกข์ค่ะ
P

สวัสดีค่ะ คุณ Direct

ขอขอบคุณที่มาเยี่ยม และให้ความเห็นนะคะ

สิ่งที่จั่วหัวไว้ เมื่อหลายวันก่อนได้รับการยืนยันจากพี่ผู้บริหารท่านหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า เขาเคยพบผู้บังคับบัญชาท่านหนึ่งที่มีบุคลิกภาพ น่ากลัวมาก ปกติลูกน้องจะกลัวกันหัวหด

พี่ที่เล่า บอกว่าเขาลองปรับทัศนคติการมองพี่ท่านนี้ใหม่ โดยมองในด้านบวก ขจัดความคิดที่กลัวออกไปให้ได้เวลาเข้าไปพูดคุย ปรากฏว่านานวันเข้า พี่ผู้ใหญ่ก็เปลี่ยนท่าที และการพูดคุยก็เป็นกันเอง เป็นมิตรมากขึ้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท