นอกจากการใช้เทคนิค Story Telling สำหรับ KMแล้วเราจะใช้อะไรดี ?
มีอีกเยอะครับ ไม่ว่าจะเป็น Bible ฉบับแรกของผม (ใครไม่ทราบว่าคืออะไร ติดตามได้ในบันทึกที่ผ่านมาของผมได้)
ก็สามารถใช้ในการจัดการด้าน KM ได้เหมือนกัน , ส่วนการสนทนาธรรมดา(Conversation)ไม่ต้องถึงขั้นเป็น Story Telling ก็จุดประกายความรู้ให้คนมานักต่อนักแล้ว มันอยู่ที่ว่าคนที่ฟังนั้นมีความสามารถจุดประกายความคิดจากคำพูดของอีกฝ่ายและเมื่อได้รับการกรั่นกรองจากความคิดของตัวเองก็เกิดความรู้และปัญญาขึ้นมา การสนทนาธรรมดานี่ก็เป็น การดึง Tacit Knowledge ได้เช่นกัน
ทั้งนี้เครื่องมือแต่ละอย่างถูกนำมาใช้ในการจัดการ KM ไม่เหมือนกัน
ยกตัวอย่างเช่น
- Procedure , SOPs (เฉลย.....นี่แหละ Bible ของผม) มันสามารถทำหน้าที่ในส่วนของ KM ได้ทั้ง Vertical & Horizontal ขององค์กรแน่นอนว่าเราจะไม่ต้องปากเปียกปากแฉะ พร่ำสอนกัน เพราะไม่ว่าใครก็จะต้องทำตามนี้ พนักงานใหม่ปฐมนิเทศน์ก็ใช้สิ่งนี้ช่วยอธิบายแทนเราได้ ตามสโลแกน "ใครๆ ก็บินได้" เอ้ย " ใครๆก็ใช้ได้"
- Story Telling อาจจะใช้ได้ในหลายๆรูปแบบทั้ง One or Two way communication , กล่าวคือเราใช้ Story Telling ในรูปแบบของการติดประกาศ ติดบอร์ด ติดป้าย ที่เป็น One way communication หรือรูปแบบของการเล่าเรื่อง Story Telling ในการสัมมนาหรือการพูดคุยหมู่เพื่อน ที่เป็น Two way communication
นอกจากนี้เครื่องมืออื่นๆที่ถูกนำมาใช้ในองค์กร ที่พอเกี่ยวกับด้าน KM นั้นก็มีอย่างเช่น Training , Learning , Coaching, OJT On-the-Job-Training ตามที่เพื่อนเคยเรียนมาในวิชา HRM นั่นเอง
พูดมาถึงตอนนี้ขอพูดถึง Story Telling ที่ผมมักจะได้มันมาจากการไปสังสรรค์ หรือที่เรียกว่า ร่ำสุรานั่นเอง เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นพฤติกรรมการดื่มก็เปลี่ยนไป จากสมัยยังหนุ่มแน่นก็เที่ยวในสถานบันเทิงทั่วๆไปเหมือนเช่นคุณๆทุกท่าน จวบจนปัจจุบันนี้ พรรคพวกของผมจะเลือกไปนั่งร้านอาหาร ที่บรรยากาศสบายๆ ไม่เสียงดัง แล้วก็คุยกันสัพเพเหระ เรื่องงาน ธุรกิจ เศรษฐกิจ ไปเรื่อย
แต่คุณรู้มั๊ยครับว่าที่นี่แหละเป็นแหล่งค้นหาและดึง Tacit Knowledge ของผม เพราะช่วงเวลาทำงานหรือช่วงเวลาเรียนนั้นจะไม่ค่อยได้มีเวลาปฎิสัมพันธ์กับใครเท่าไหร่ แถมบรรยากาศก็ไม่เป็นใจให้แต่ละคนบอกเล่าประสบการณ์ ชีวิตหรือประสบการณ์ทำงานซักเท่าไหร่...........................แต่ เมื่อสุราเข้าไปผสมกับเลือดในร่างกาย เพื่อนๆสังเกตุบ้าง
หรือไม่ เราจะได้รับ Tacit Knowkledge ที่ลึกกว่าปกติจากคู่สนทนาไปอีกขั้น ( ถ้าไม่ดื่มเยอะเกินไปจนเมาหรือหลับไปเสียก่อนนะ )
ไม่มีความเห็น