แล้วรักคืออะไร? หลายคนพยายามให้นิยามความหมายของคำว่ารักไปต่างๆนาๆ มีผู้รู้ท่านหนึ่งเขียนไว้ว่า นิยามคำว่ารัก เขียนได้มากเท่ากับกิเลสในใจคน
หากเราศรัทธาในความดีงาม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า หากสนใจมากๆ จะกลายเป็นความรักในคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า เมื่อนำความดีนั้นไปปฎิบัติ เราก็จะกลายเป็นคนที่กตัญญูได้ทดแทนคุณของศาสนา
หากเราศรัทธาในความดีงาม พระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว แบบอย่างที่ดีที่ทรงมอบให้กับลูกของพระองค์ หากสนใจมากๆ จะกลายเป็นความรัก “เรารักในหลวง” เมื่อรักในหลวงแล้ว จงอย่าหยุดอยู่เพียงสีเหลืองแบบบริโภคนิยม แต่จงรักด้วยการกระทำความดี เราก็จะกลายเป็นคนที่กตัญญูได้ทดแทนคุณของแผ่นดิน และเป็นกำลังช่วยพ่อของเรา เป็นกำลังของแผ่นดินในที่สุด
หากเราเชื่อฟัง ศรัทธาพ่อแม่ของเรา เราก็จะรัก ด้วยการสนใจและใส่ใจดูแลท่านมากๆ เราก็จะกลายเป็นลูกที่มีความกตัญญู
หากเราสนใจ ใส่ใจคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องหรือเพื่อน คนๆนั้นก็จะกลายเป็นคนรัก หรือที่เรียกกันว่าแฟน
หากเราสนใจ ใส่ใจคนอื่นที่ไม่ใช่ทั้งญาติไม่ใช่ทั้งเพื่อนหรือแฟน ในปริมาณที่น้อยกว่าแฟน ก็จะเรียกว่ากิ๊ก
เราจึงไม่ควรศรัทธา ด้วยการสนใจหรือใส่ใจ คนอื่นทั้งสองประเภทนี้ให้มากจนกลายเป็น“รัก”จนมากเกินไปนัก เพราะศรัทธาอาจแปรเปลี่ยนเป็นความงมงาย ที่เรียกกันว่า"ความรักทำให้คนตาบอด" และพร้อมจะทำร้ายตัวเรา คนที่เรารักและคนที่รักเราได้เสมอเพราะนิยามคำว่าแฟนหรือกิ๊กก็คือ
คำถามก็คือเรารักจริงหรือ? เราไม่รักกันจริงใช่ไหม เราได้แต่รักตัวเอง หาสิ่งมาเติมเต็มใจที่ขาดพร่องของเราอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายต่างขาด เมื่อไม่เต็มตามใจต้องการ รักจึงสามารถกลายเป็นเกลียด เป็นการทรยศหักหลัง หรือแม้กระทั่ง พ่อแม่ลูกครอบครัวต้องแตกแยก เรารักตามกิเลสตัณหาและสัญชาติญาณ กันหรือเปล่า
รักที่เรารักจึงไม่ใช่รักแท้ เราจึง “อกหักเพราะไม่รักเธอ” แล้วเราจะเก็บความเจ็บ ความช้ำใจ ไว้กับตัวเรา เพื่อคนที่เราไม่ได้รักจริงๆ ไปทำไม?หากรักจริงจะไม่มีคำว่าอกหัก ช้ำใจ หรือเสียใจอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะรักอย่างคนรัก หรือรักอย่างครอบครัวและเพื่อนมนุษย์ ก็จะเป็นรักที่ออกมาจากใจที่เต็ม พร้อมที่จะเติมรักให้กับผู้อื่นอย่างไม่มีขาด ไม่มีพร่อง ไม่มีหายไปไหน ยิ่งเติมก็ยิ่งเต็ม ยิ่งให้ก็ยิ่งได้รับ ยิ่งมีความสุข เป็นการแบ่งปันความสุขให้กันและกัน ลองคิดดูซิว่า รักระหว่างคนสองคน สามคน(สามเศร้า) และรักไปหมด(กิ๊ก) รักแบบคืนเดียวฉันก็ไปนอนด้วย กับรักของพ่อแม่ รักครูบาอาจารย์ รักสังคม รักชาติศาสนา รักแบบไหนมันจะเป็นรักแท้และยิ่งใหญ่กว่ากัน
"เมตตาธรรมค้ำจุนโลก” ประโยคนี้จึงมีความหมายที่ลึกซึ้ง ความรัก ความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ จะเป็นกุญแจแรก ของการเปิดกระบวนการเรียนรู้ไปสู่ปัญญา ที่จะนำมาซึ่งการอยู่รอดของมนุษยชาติ ที่สำคัญหากเรา สนใจและใส่ใจผืนแผ่นดินที่ให้กำเนิดเรามา ด้วยการรักโลกรักสิ่งแวดล้อม โลกของเราก็จะสงบสุข โลกวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้เพราะ เมื่อเทียบกับโลกแล้วเราจะรู้สึกว่าเราตัวเล็กชนิดที่เทียบไม่ได้กับฝุ่นธุลี จนใจเราคับแคบและเล็กลงตามจนแทบไร้ใจ เราจึงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ครอบครัวของเรา พรรคพวกของเรา เห็นแก่ชาติหรือศาสนาของเรา หาได้น้อยคนนักที่จะกล้ามีใจที่ใหญ่พอ ที่จะคิดว่านี่คือโลกของเราบ้าง
การไม่กตัญญูต่อโลกและผืนแผ่นดินที่ให้กำเนิดเรามา ด้วยการทำร้ายโลกทำลายสิ่งแวดล้อม ก็ไม่ต่างกับคนที่อกตัญญูต่อบิดามารดา โดยคิดเพียงแค่ว่า อ่อแค่คนสองคนสนุกกัน แล้วก็เกิดเรามา การไม่ช่วยโลกของเราโดยปล่อยพ่อแม่อยู่อย่างโดดเดี่ยวให้เป็นไปตามยถากรรม หรือถึงขั้นทำร้ายทำลายพ่อแม่ที่แท้จริงของเรา แล้วคุณค่าความเป็นคนของเราจะอยู่ที่ไหน คงไม่ต่างอะไรหรือต่ำชั้นกว่าสัตว์เดียรฉานด้วยซ้ำ!!! เรากำลังไร้ซึ่งความรักและคุณค่าของความเป็นมนุษย์ และกระทำเช่นนั้นกับแม่พระธรณี โลกแผ่นดินเกิดที่แท้จริงอยู่หรือเปล่า?
รักมิอาจนิยามความหมายได้เช่นเดียวกันกับเราจะให้นิยามของความว่างเปล่าได้อย่างไร ในเมื่อมันว่าง และไร้ตัวตน เป็นการ ”สร้างนามจากความไร้นาม” ผู้ถึงแล้วซึ่งความว่าง จึงมิอาจอธิบาย สิ่งนี้ออกมาเป็นคำพูดของภาษาคนได้ เพราะต้องรู้ด้วยตัวเอง เห็นด้วยตัวเอง สัมผัสด้วยจิต คิดเอาหรือพูดเอามิได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าเองยังเป็นได้เพียงผู้ชี้ทาง
“คนจะเดินผ่านมันไปคือคุณ”
รักใดๆ ก็คงไม่ยิ่งใหญ่เท่ารักของพระพุทธเจ้า เป็นรักแท้ที่มีให้กับมวลมนุษยชาติ ด้วยการถ่ายทอดความจริงของธรรมชาติ ไว้ให้เป็นเครื่องมือแห่งการดับทุกข์ ผู้ได้ฟังธรรมและปฏิบัติเพื่อทางแห่งการพ้นทุกข์ของพระพุทธองค์ จึงเปรียบได้ดังผู้พบขุมทรัพย์ที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใดในโลกนี้และสามโลก
"Real Love are not for Love somebody, It for Everybody & Nobody”
ความรักแท้ ไม่ทำให้ใครเจ็บปวด ไม่ทำให้ใครอกหัก
เพราะ หนึ่งในคุณสมบัติของรักแท้คือ เห็นคนที่ตนเองรักเป็นสุข เราก็ยินดีไปด้วยค่ะ
รักที่สร้างความเจ็บปวด ยังไม่ใช่รักแท้ เพราะ เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวเองอยู่มากค่ะ