เรื่องของคนจรจัด ที่เหมือนไม่ปกติ เขาเป็นชายวัยปลายกลางคน แต่งตัวรุงรัง ใสเสื้อผ้าขาดๆ บางครั้งเปลือยนิดหน่อยที่ท่อนล่าง ขนของที่คุ้ยมาจากขยะพะรุงพะรัง เราจะพบเขาเดินไปมาแทบทุกวันแถวตลาด ถนนในเขตเทศบาลปาย
ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว มีคนต่างชาติ คนต่างถิ่นมากมาย ผมเห็นเขามาหลายเดือนแล้ว
เห็นเกือบทุกวัน แล้วผมก็รู้สึกไม่ดีทุกวันที่เห็นเช่นนั้น ผมถามตัวเองว่าจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง
หลายเดือนที่ผ่านมาผมก็ได้ข้อมูลเขามาบ้าง เขาไม่มีญาติ เขาเคยรักษา เคยได้ยา แต่ก็ไม่หาย และผมคงต้องหาข้อมูลเขาต่อไป
วานนี้ผมนั่งรถมากับแฟน แล้วเราก็เห็นคุณลุงท่านนี้ ผมเริ่มสนทนาเรื่องนี้กับเธออีก “ แม่ ..ลุงนี่น่าสงสารจังเนอะ เราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง เราจะทำอย่างไรดี เอามานอนรักษาที่รพ. ดีมั๊ย ....เธอก็ตอบว่า อืม... ทำได้แต่พ่อต้องคิดดีๆน่ะ อะไรจะเกิดขึ้น ความยุ่งยากมากมายก็จะตามมาหาเรา เขาก็อยู่แบบนี้มาหลายปี มานานตั้งแต่ก่อนที่เราจะมาอยู่ที่นี่เสียอีก มีคนในชุมชนมากมาย ไม่เห็นมีใครทำอะไรขึ้นมาเลย....ผมก็นิ่งไปสักพัก
แล้วก็เงียบและคิดในใจว่า..อืมบางอย่างที่เราอยากทำ แต่ก็ไม่สามารถทำได้(ตอนนี้) อาจจะต้องหาทาง ปรึกษากับคนที่เกี่ยวข้องอื่นๆอีกหลายคน ตอนนี้ที่ทำได้คือเพียงแค่รู้สึก หรือไม่ก็ลืมๆ ไม่สนใจสิ่งที่เรากังวล
- คนไข้ต่างด้าวที่ถูกทำร้าย แล้วต้องผ่าสมอง หลังผ่ากลับมาอยู่ที่รพ อีกหลายเดือน กลายเป็นคนพิการเดินลำบาก อ่อนแรงหนึ่งข้าง เขาเป็นชายวัยกลางคน นอนที่ รพ นาน2 เดือนกว่า มีการถกเถียงกันมากกว่าจะทำอย่างไรกับคนไข้คนนี้ สิ่งที่ผมทำได้คือไปถามที่วัด ก็ไม่สามารถรับดูแลได้ อีกอย่าง ก็ถามตัวเขาว่าเขาอยู่ที่พม่า อยู่ไหน บ้านอะไร เผื่อจะได้ส่งกลับ เขาก็บอกแต่ก็บอกว่าจำทางไม่ค่อยได้เพราะว่าเขามานาน 10 ปีแล้ว
ครั้งหนึ่งระหว่างที่นอนอยู่รพ ผมได้ตรวจคนไข้ต่างด้าว ผมก็ถามไปเรื่อยๆว่าอยู่บ้านนี้ เมืองนี้หรือไม่ แล้วครั้งหนึ่งก็โชคดี พบคนที่อยู่บ้านเดียวกับคนไข้ ผมก็นัดแนะขอร้องให้เขามาพบผู้ป่วยที่รพ เขาก็ใจดีมาก มาพบกัน พูดคุยกันนานเกือบชั่วโมง สรุปแล้วพอจะพากลับได้ แต่ต้องเป็นช่วงสงกรานต์ หลังจากที่นอนรพได้ เขาเริ่มเดินได้ ช่วยเราดูแลคนไข้บ้างบางอย่าง ต่อมามีคนใจดีมาขอว่าอยากจะดูแลเขา เอาไปช่วยทำงานบ้าง เขาไปอยู่ด้วยได้2 สัปดาห์ ก็ถูกไล่กลับมา ครั้งแรกเขาถูกรถมาส่งที่รพ เขาเดินตรงมาที่ห้องตรวจผม(เหมือนเป็นคนที่รู้จักและไว้ใจที่สุด ที่เมืองไทยเขาไม่มีเพื่อน หรือญาติเลย)
ผมก็อึ้งมาก สงสารเขา จึงให้เข้าไปนอนที่รพ เขานอนอยู่สองสัปดาห์ ก็หายไป มีคนบอกว่าเขาหนีไป เดินไปไหนไม่รู้ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ผมเองก็ไม่รู้ แต่ที่ให้เขานอนอีกครั้งเพราะว่าจะให้ค่ารถเขาเดินทางกลับ โดยจ้างคนบ้านไกล้ๆกันที่เคยติดต่อไว้ ไปส่ง เพราะถ้าให้ ตม หรือจนท. ส่งเกรงจะไม่ปลอดภัย เรื่องนี้มันไม่ง่าย ไม่เป็นไปอย่างที่หวังเพราะเราหวังให้เขากลับไปอยู่บ้าน มีพ่อ แม่คอยดูแล แต่มันก็ยากเกินไปจริงๆ...
- เรื่องของคนไข้ผู้หญิง อายุ50 ปี คุณป้าท่านนี้มาด้วยเรื่องปวดหัวเรื้อรัง เจอกันก็บ่อย ครั้งสุดท้ายจึงพยามคุยกันว่ามีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ป้าก็ตาแดงก่ำแล้วเล่าให้ฟังว่า อยู่บ้านทำงานคนเดียว สามีดื่มสุรา เที่ยวเล่น อาละวาดทำร้ายร่างกาย ใช้เงินโดยไม่ช่วยกันทำมาหากิน เคยหย่าร้าง เลิกกันหลายครั้งแล้ว ไล่ไปแต่ก็ไม่ไป คุณป้ามีโรคลิ้นหัวใจรั่วนานหลายปี มีเหนื่อยง่าย สิ่งที่เราฟังแล้วอึ้งและไม่รู้จะตอบอย่างไรต่อไปคือ ป้าเหมือนถูกสามีขืนใจมาเป็น 10 ๆปี ป้าบอกว่าตนเองไม่ได้มีความรู้สึกใดๆแล้ว มานาน ไม่อยากจะมีความสัมพันธ์ แต่ก็เวลาสามีเมามีก็ถูกบังคับ ป้าไม่สามารถต่อสู้ได้มากเพราะว่าตนเองแรงน้อย อีกทั้งเป็นโรคหัวใจเหนื่อยง่าย... ผมกล่าวกับป้าโดยให้คำปรึกษาแบบลูกทุ่งๆ (ประสบการณ์น้อย) คือ ป้าครับตอนนี้ป้าต้องมีกำลังใจ อดทน มองโลกในแง่บวก ผมจะเป็นกำลังใจให้นะ มีอะไรก็คุยกับหมอ หรือหาคนที่เราไว้ใจ สบายใจเวลาคุยด้วย และหมอนัดมาอีก2 สัปดาห์ ไว้หมอจะไปคิดหาทางมาช่วยป้าอีกครั้งนะครับ....
แต่บางเรื่องที่ปัจจัยหรือบริบทไม่ซับซ้อนเราก็สามารถทำได้-
คนไข้เด็กผู้หญิงเป็นชาวมูเซอ ตอนที่ผมอยู่ปางมะผ้า เธอมีก้อนเนื้องอกกระดูกที่แก้มซ้าย จะต้องไปตรวจที่เชียงใหม่ แต่ก็ไม่สามารถไปได้ เพราะตางค์ไม่ค่อยมี และที่สำคัญคือไม่เคยไป สิ่งที่ผมคิดได้คือ ตอนนั้นต้องมาอบรมเชียงใหม่พอดี จึงนัดผู้ป่วยมาอีกวัน ตอนบ่ายเราก็พากันออกเดินทาง มาที่ ชม. พอถึงผมก็พาไปดูสถานที่ ที่รพ เดินขึ้นบันได ขึ้นลิฟ ไปดูสถานที่ตรวจและให้เขาจำเอาไว้(ผมรู้ดีเพราะว่าเรียนที่นี่ครับ) หรือบอกที่ๆจะสามารถสอบถามได้ หลังจากนั้นก็พาไปหาที่พัก คือเป็นวัดที่อยู่หน้ารพ และซื้อข้าวเย็นให้คนละกล่อง พร้อมน้ำ สุดท้ายถามเขาว่าเอา ตางค์ติดตัวมาเท่าใด พอดูแล้วก็ให้เพิ่มอีกเล็กน้อย พอให้แน่ใจว่าพอใช้และมีค่ารถโดยสารกลับถึงบ้าน อ้อลืมเล่าไปว่า ก่อนที่จะแนะนำรพที่ตรวจก็พาไปดูที่ขึ้นรถโดยสารกลับบ้านมาแล้วครับ
ครับผมว่าในชีวิตคนเราทั้งหลาย มีเรื่องราวมากมายที่เราควรทำ ที่คนเราทำได้ แต่จะทำหรือไม่เท่านั้นเอง หรือบางครั้งก็คิดจะทำ อยากจะทำแต่ก็ไม่สามารถทำได้(ในตอนนี้)
ถ้าหากท่านใดมีมุมมอง มีความเห็นที่จะร่วมแบ่งปันก็จะยินดีมากๆครับ....
ขอขอบคุณแทนความมีน้ำใจและไม่ดูดายของคุณหมอค่ะ....ดิฉันเคยคิดว่า..หากเราทุกคนต่างเพิกเฉยต่อความทุกข์ยากของเพื่อนร่วมโลก..แล้วคิดแต่เพียงว่า..กรรมของเค้า..โดยไม่คิดจะทำอะไรเลย..หรือไม่เพียงจะใส่ใจ..โลกนี้คงไม่น่าอยู่เอาเสียเลย..
ดีจังค่ะ..ที่โลกนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น...และเทวดาในร่างของมนุษย์ก็ยังมีอยู่มากมาย..
ขอให้บุญกุศลที่คุณหมอทำกลับมาคุ้มครองคุณหมอและครอบครัว..จะได้มีกำลังกายและใจที่เบิกบานเป็นที่พึ่งพาให้กับเพื่อนร่วมโลกต่อไปค่ะ...
สวัสดีครับคุณครู
มีกรณีของแม่ลูกคู่นึงนะครับ แม่อายุประมาณ 40 กว่า ลูกประมาณ5-6 ขวบ ผมก็เห็นเขาเดินไปมาทุกเย็น เขาพาลูกไปคุ้ยขยะข้างถนน ผมก็รู้สึก(อีกแล้วครับท่าน..) ก็อืม...เอ ??? ในใจบ่อยๆว่าทำไมถึงพาลูกตัวเล็กๆมาด้วยนะค
ผมเคยจะให้ความช่วยเหลือบางอย่าง แต่คนข้างๆก็บอกว่าจริงๆแล้วเขาก็พอมีตางค์นะ(แล้วทำไมต้องมาเดินเก็บ..) และคนที่บ้านก็เล่าต่อว่าเขาเคยพาลูกมาคุ้ยที่ถังขยะในโรงพยาบาล มีเจ้าหน้าที่บอกว่าควรแนะนำลูก ไม่ควรคุ้ยขยะ หรือไม่ถ้าทำก็ให้เก็บคืน กลับถูกมารดาท่านนี้ว่ากลับเอา แถมไม่สนใจที่จะช่วยทำตามคำแนะนำ ...แต่ว่ารายนี้ก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มว่าล฿กๆแล้วมีอะไรซ่อนอยู่บ้างนะครับ
แปลกเหมือนกันนะ ทำไมผมถึงมองเห็นแต่สิ่งที่เป็นปัญหานะเนี่ย......ขอโทษนะครับ
สวัสดีค่ะคุณหมอ kmsabai
ดิฉันอ่านแล้วเห็นว่าคุณหมอเป็นคนที่มี "เมตตา" "กรุณา" มากเลยค่ะ ปรารถนาให้คนอื่นเป็นสุข และพ้นทุกข์ ทำให้นึกถึง พรหมวิหาร ๔ ขึ้นมาทันที
ดิฉันไม่ค่อยเป็นคนขี้สงสารคนสักเท่าใดค่ะ ยกเว้นเจอ case หนักๆ จริงๆ แต่งานไม่พาให้เจอ case แบบนี้เหมือนคุณหมอค่ะ ไม่งั้นคงได้ดูอารมณ์กันตลอดแน่เลย
ดิฉันว่าพรหมวิหาร ๔ จะใช้ได้ดีสำหรับกรณีเหล่านี้นะคะ
ขอบคุณที่ share ประสบการณ์ดีๆ นะคะคุณหมอ
สวัสดีครับอาจารย์ดร. กมลวัลย์ ลือประเสริฐ
เห็นด้วยกับ ดร. กมลวัลย์ ครับ เราต้องมี พรหมวิหาร 4 และก็ต้องพยายามใช้ ตลอดเวลา
บางที ก็ถึงเวลาของ อุเบกขา ( ไม่ใช่วางเฉยนะครับ ) แต่ ทำในจังหวะและโอกาสอำนวย ไม่มีโอกาสก็แล้วไป ไม่เป็นไร ถ้ามีโอกาสก็ไม่พลาด ที่จะทำ
คงต้องรอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมครับ...
อย่างน้อยก็เป็นความตั้งใจดีของเราครับ...
หมอจิ้น และ อ. ดร. กมลวัลย์ ตอบได้ดีมากๆไปแล้ว มัทคงทำได้แค่เข้ามาส่ง กำลังใจ ให้ ซักหลายๆตันค่ะ
หมอไม่มีความโลภ โกรธ หลง มาบังตาอยู่แล้ว มัทว่าหมอจะคิดอะไรออก เมื่อเวลามาถึง เมื่อ condition ทั้งหลายมันพร้อม ไม่ต้องห่วง : )
ตอนนี้เหตุปัจจัยมันยังไม่ครบ : )
"A lot to think about but nothing to worry about!"
[จำมาจากรายการโทรทัศน์อีกที]
ป.ล. มัทจะเอาบันทึกของหมอไปคิดต่อนะ
สวัสดีครับพี่หมอจิ้น
สวัสดีครับพี่
ขอบคุณครับที่มาให้กำลังใจและเยี่ยมเสมอๆครับ หลายครั้งที่นึกถึงบันทึก ก็นึกถึงพี่ชายท่านนี้เสมอๆครับ
สวัสดีครับคุณมัท
ได้อ่านเรื่องราวต่าง ๆ ที่คุณหมอเล่ามา ก็ทำให้คิดถึงสัจธรรมของชีวิต ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร รำรวยแค่ไหนเค้าอาจจะไม่ได้มีความสุขเท่ากับคนที่เก็บขยะหรือชาวนาจน ๆ คนหนึ่ง ความสุขไม่จำเป็นต้องอยู่บนความรวยล้นฟ้า หรือความมีหน้ามีหน้ามีตาในสังคม ความสุขที่แท้จริงคือการตั้งอยู่บนความพอเพียง....สุขในสิ่งที่เรามี..แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว... **ได้ดูรายการทางช่อง TITV เมื่อคืนวันที่ 18 เมษายน เป็นเรื่องราวของเมืองปายที่บางคนอาจจะไม่รู้จัก แต่มันเป็นช่วงจังหวะพอดีที่ตัวเองคิดว่าอยากจะไปพักผ่อนที่ไหนซักที่หนึ่ง ที่เช้ามาเราไม่ต้องรีบไปไหน ตื่นมานั่งพักผ่อนสบาย ๆ ไม่ต้องคิดเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น ก็มาสะดุดกับคำว่า "ปาย" อยากมาเที่ยวปายมาก ๆ เคยเห็นในทีวีบ่อย ๆ คิดว่าต้องเป็นเมืองที่น่าเที่ยวและพักผ่อนแน่ๆ เลย รบกวนแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหรือวิธีการท่องเที่ยวที่ปายอย่างไรให้มีความสุขและได้รับความสุขอย่างเต็มอิ่มจากเมืองปาย...ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากครับที่มาลปรร
เขียนตอบที่คำถามนะครับ