สวัสดีครับ
คุณรู้ไหมทำไมเวลาเข้าร้านหนังสือ อย่าง Asia books ส่วนมากเราจะเข้าไปเปิดเล่มหนึ่ง สองสามหน้า แล้วก็วาง บางทีดูรูปข้างในสักหน่อย แล้วก็วาง แล้วเดินออกไป ถ้าเป็นหนังสืออื่นที่ไม่ใช่หนังสือวิชาการสาขาของคุณ ทำไมมีคนสนใจน้อยมาก หรือว่าศัพท์ไม่คุ้นเคย เหตุผลหนึ่งที่ผม assume ว่าน่าจะใช่ ให้คุณอ่านนิทานเรื่องหนึ่งคุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์อย่างนี้
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกลุ่มเด็กๆที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งหนึ่ง เด็กๆร่าเริงแจ่มใส เหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ เด็กน้อยไปเรียนหนังสือ ทำตามครูสั่งสอน ครูหวังดีอยากให้เด็กเรียนรู้ ภาษาจึงให้ท่องศัพท์ เด็กน้อยปฏิบัติโดยดี แรกๆ ศัพท์ง่ายๆ เช่น bat rat cat และไม่มาก ต่อมาศัพท์เริ่มมากขึ้น ยากขึ้น เด็กน้อยผู้น่าสงสารต้องมาจำสิ่งต่างๆมากมาย และเริ่มเบื่อ ครูจึงบอกว่าจะสอบเขียนตามคำบอกเด็กน้อยลนลานรีบกลับมาท่องศัพท์ด้วยความหวาดกลัว แล้วชั่วโมงที่สุดตื่นเต้นและหวาดกลัวที่สุดก็มาถึงครูเรียกเด็กชายผู้โชคร้ายออกไปพูดภาษาอังกฤษหรือตอบคำถามหน้าชั้น เด็กน้อยเรียนภาษาอังกฤษด้วยความกลัวและเกร็ง ครูสั่งให้เด็กน้อยทำการบ้านเขียนภาษาอังกฤษแต่สิ่งที่เด็กน้อยได้รับคือรอยปากกาแดงที่เต็มไปหมด เด็กน้อยเริ่มเบื่อหน่ายไม่อยากทำการบ้านถึงเวลาก็ไปลอกเพื่อน พอตอนสอบ เด็กน้อยก็สอบตก หรือได้คะแนน น้อย วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยเริ่มโตขึ้น ซึมซับและมีแต่ความทรงจำเลวร้ายกับภาษาอังกฤษ จนกระทั่งเด็กน้อยเข้ามหาวิทยาลัย เด็กน้อยผู้ที่ไม่มีความรู้ทางภาษานัก ต้องโดนให้อ่านหนังสือพิมพ์อังกฤษ ต้องเจอกับข้อสอบที่ยากขึ้น คะแนนอย่างมากได้ C อย่างเก่งได้ B และ A เป็นสิ่งที่สุดเอื้อม เด็กน้อยยิ่งเบื่อภาษาอังกฤษมากขึ้น หลังจบป ตรี กับการพูด ฟัง อ่าน เขียนภาษาอังกฤษแทบไม่ได้ แล้ว ก็ต้องเตรียมตัวฝ่าด่านความกดดันที่มากขึ้นเรื่อยๆ กับข้อสอบที่ไว้ทดสอบต่างๆ นานา หรือข้อสอบที่สร้างขึ้นเพื่อพิสูจน์ว่าเด็กน้อยคือผู้สำเร็จ เด็กน้อยผู้น่าสงสารเฝ้าถามตัวเองว่าทำอย่างไร จึงจะเก่งภาษาอังกฤษ เพราะในวันนี้ แม้แต่จะเปิดอ่านเด็กน้อยก็ไม่เคยจะคิดเลย
ทัศนะคติเชิงลบที่สะสมมาตั้งแต่เยาว์วัยที่มีต่อภาษาอังกฤษคือกำแพงต่อการเรียนรู้
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะ
..โดนใจเช่นกัน..เหมือนกับแต่งมาเพื่อสถานการณ์ปัจจุบันของตูนเลยค่ะ.....
....กำลังใช้ความพยายามมากที่จะเรียนภาอังกฤษเพิ่มเติม.....แต่รู้สึกว่าฝืนใจตัวเองเหลือเกิน (^_^)
ตอบ คุณหมอสุพัฒน์
อยากให้เด็กๆรุ่นไหม่ที่กำลังโตมาไม่เจออย่างนี้ครับ
ถ้าเขารักซะอย่างแรงจูงใจภายในที่เกิดขึ้นจะพาเขาประสบความสำเร็จในการเรียนภาษา
ตอบคุณตูน
ไม่ทราบสถานการณ์ปัจจุบันต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่ออะไรครับ เช่นการสอบ การทำงาน หรือ เรียนต่อ ต้องเน้นไปจุดที่จะต้องใช้ เพราะเดี่ยวไม่ทัน แล้วพอผ่านสถานการณ์ที่กดดันก็มาเรียนรู้แบบที่เราสนใจก็จะยิ่งเพิ่มเติมและแก้ปัญหาได้
สวัสดีครับ
ตอบคุณหมอ
สวัสดีครับ
จริงๆแล้วเรื่องการอ่านนี้พอศึกษาคนเดียวได้ครับแต่ต้องมีคนแนะนำปัญหาที่อ่านยากเนื่องจากการอ่านโครงสร้าง คือภาษาอังกฤษมันต้องหาประธาน กริยา วิ่งไปมา (อันนี้ผมพอช่วยได้) แต่การสนทนามันต้องมีการโต้ตอบ ต้องหาคนเล่น msn (จะได้ สิ่งที่เป็น productive คือการพูดจะใช้เวลาคิดน้อยลงแต่ไม่ได้การฟัง )หรือว่า อยุ่สถานการณ์ที่ใช้จริงๆ (โดนบังคับให้ต้องพูด)(ไปเมืองนอก) อยากให้คุณหมอสื่อสารผ่านnet กับเพื่อนชาวต่างชาติจะช่วยได้มากครับ
ฝืนใจซื้อครับ เข้าไปซื้อ Asia book แต่ละเล่มแพงๆ ทั้งนั้น T_T
คือถ้าอ่านๆ เล่นๆ ไม่มีใครมาสอบ หรือมากดดันว่า ต้องอ่านให้เสร็จอย่างนั้น อย่างนี้ ผมก็อยากอ่านนะครับ (รวมถึงตอนเด็กๆด้วย) ยิ่งถ้าเรื่องน่าสนใจด้วย :-)
เดี๋ยวนี้เห็นมีคนอ่านการ์ตูนภาษาอังกฤษบนเว็บเยอะเหมือนกัน
ใช่....ในตอนเด็กๆ เลยค่ะ....
คงต้องนำเรื่องของ "เด็กน้อย" เข้าไปเตือนสติตัวเองบ่อยๆ ขึ้น
ขอบคุณที่ช่วยสะกิดออกมาล่ะค่ะ
สงสัยต้องใช้ "เจตคติที่ดี"เข้าช่วยแยะๆ แน่เลย
ตอบ
คุณวีร์ไปนั่งอ่านที่ Kino (Siam paragon)ก็ดีครับ มีที่อ่านอยู่ได้เป็นวันไม่มีใครกวน ผมเคยนั่งตั้งแต่บ่ายโมงถึงทุ่ม
ทุกคนเป็นเหมือนกันหมดล่ะครับ เมื่อมีสิ่งกดดันภายนอกจะมีแรงผลักจากภายใน
ก็รู้สึกว่าคุ้มมากๆ อ่านการ์ตูนนี้ดีมากครับช่วยให้ดูหนัง soundtrack ได้ดี แต่ต้องมี sub-eng นะครับ
ตอบ
ครับแต่การเปลี่ยน attitudeเด็ก ก็เป็นสิ่งที่ยากมากเหมือนกัน ต้องพยายามตรับ ขอบคุณครับ
เห็นใจเด็กน้อยจังครับ...
แต่เด็กน้อยคงต้องรีบปรับตัวเหมือน น้องมะปรางเปรี้ยว แล้วครับ...
ขอบคุณครับ...