เวลาเช้าเป็นช่วงที่ดีที่สุดของวัน ปกติเป็นคนตื่นเช้าไม่เกินหกโมงครึ่งทุกวันหรืออาจเช้ากว่านี้ พอใกล้ฟ้าสางจะเหมือนมีสิ่งดึงดูดให้ลุกขึ้น มันรู้สึกมีชีวิตชีวา มีความตั้งตารอที่จะได้สัมผัสยามเช้าอย่างสงบ สบายๆกับกาแฟถ้วยโปรดโดยลำพังที่ศาลาบนบ้าน(คนอื่นๆยังไม่ตื่น)มองสายน้ำ ต้นไม้ ใบหญ้า เหล่านกนานาชนิดที่บินผ่าน และสูดลมหายใจลึกๆเอากลิ่นดอกรสสุคนธ์ที่บานฟูอยู่ที่ซุ้มประตูทางขึ้นให้เข้าไปสนทนากับจิตที่กำลังเปิดรับสิ่งดีๆ
ทิศที่ตั้งบ้านนั้นเราหันหน้าบ้านเข้าหาแม่น้ำ ทำมุมเอียงไปสู่ทิศเหนือ ไม่ได้หันแบบแบนๆขนานกับริมน้ำ ที่บ้านปลูกต้นไม้เยอะมากแม้ว่าจะตายไปตอนน้ำท่วมหลายต้น ต้นไม้แทบจะห่อบ้านและบริเวณเอาไว้ เราจึงไม่เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นโดยตรง แต่เมื่อมองดูหมู่ต้นไม้ฟากตรงข้ามแม่น้ำจะเห็นมันค่อยๆเปลี่ยนสีไปตามแสงของดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆขยับตัวขึ้นช้าๆ งดงามเกินบรรยาย
คนหาปลาออกหาปลาแต่เช้าทุกวันเช่นกัน ยังเป็นเรือแบบชาวบ้านอยู่เป็นส่วนใหญ่และใช้พาย มีบางคนเริ่มเอาเรือไปติดเครื่องประหยัดแรงพาย
ป้าอออยู่ฟากตรงข้ามถัดจากหมู่ไม้ตรงข้ามบ้านเราไปทางซ้ายยังทำเกษตรอยู่ แกตื่นแต่เช้าดูแลพืชผักที่ท่าน้ำ สายๆแกจะพายเรือไปส่งหลานไปโรงเรียนข้ามฟากไปที่โรงเรียนวัดแคอรัญญิก น่ารักดี ยังมีอีกรายบ้านอยู่เลยเหนือคุ้งน้ำไปทางขวามือ คุณตาจะพายเรือส่งหลานสองคนนั่งผัดหน้าขาวไปโรงเรียนเดียวกัน
ฝันอยากให้มีพระพายเรือบิณฑบาตร
จากบ้านเราก็มองเห็นวัด แต่น่าเสียดายที่วัดพัฒนาไปในทางโลกอย่างไม่เข้าใจทั้งตัวเองและไม่เข้าใจโลก มองไปเห็นแต่เขื่อนซีเมนต์ สิงห์คู่ตรงบันไดโบสถ์ เป็นสิงห์โตหน้าตาอย่างการ์ตูนวอลท์ ดิสนีย์เลย และยังเห็นหลังคาบ้านชาวบ้านที่สีน้าเงินเจ็บตา เราเลยปลูกไผ่กอใหญ่ที่ชายน้ำและวางแนวกอไผ่เหนือขึ้นมาบนตลิ่งแก้วิวที่ไม่ต้องการเห็น
ไม่ได้เป็นทุกข์กับสิ่งที่เราไปจัดการไม่ได้ แต่มีความสุขกับสิ่งที่เรามีได้ เป็นได้ ทำได้
คิดเหมือนพ่อครูบาสุทธินันนท์ว่าไม่ต้องคิดจะไปหาความสุขที่ไหนๆ ความสุขกับธรรมชาติและความรู้สึกว่าพออยู่ที่ใจของเรานั่นเอง
อ่านบันทึกของอาจารย์แล้วรู้สึกสุขใจกับธรรมชาติรอบบ้านของอาจารย์ครับ
ส่งความสุขปีใหม่แด่อาจารย์และครอบครับครับ
มาสัมผัส....ห้วงอารมณ์ค่ะอาจารย์...
กะปุ๋มก็ชอบตื่นเช้า...ช่างเบิกบานในจิตเรายิ่งนัก...มันเป็นเรื่องที่ยากที่เราจะไปมัววิ่งแก้ไขในสิ่งรอบนอก..หน้าที่เราพึงกระทำคือ การแก้ไขภายใน...เพื่อความเบิกบาน...ในดวงจิตนี้อยู่เสมอ...
เราเลือกที่จะเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นอย่างที่ควรจะเป็นได้ใน "ชีวิต"...แห่งลมหายใจนี้
ขอบคุณค่ะ
(^____^)
กะปุ๋ม
จันทรรัตน์ เจริญสันติ |
คุณนายดอกเตอร์ |
Phiangruthai |
อ.ลูกหว้า |
จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร |
DSS "work with disability" ( หนิง ) |
Dr. Phichet Banyati |
ยอดดอย |
บางทราย |
โอ ดีใจจังมีคนมาแชร์ความสุขยามเช้าหลายคน ขอบคุณและสวัสดีค่ะทุกท่าน
คุณsasinanda บรรยากาศบ้านสวนริมคลองนั้นคลาสสิคมาก อยู่กรุงเทพแต่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติเช่นนี้นับว่ามีบุญมากเลยค่ะ คงจะมีนกเยอะใช่มั้ยคะ คุณมีครอบครัวที่อบอุ่นได้เติมความรักกับลูกกับหลานเห็นแล้วมีความสุขไปด้วยค่ะ
คุณขจิต คนขยัน อยู่กับพ่อครูบาสุทธินันท์คงเพลินกับการทำงานท่มกลางธรรมชาติแถมได้อยู่ใกล้ปราชญ์อารมณ์ดีอีกด้วย ที่มหาชีวาลัยยังมีนกกระจอกเทศตาแป๋วอยู่หรือเปล่าคะ คุณขจิตกลับไปเยี่ยมบ้านบ่อยมั้ยคะ ตัวเองเกิดเมืองกาญจน์แต่จากมาตั้งแต่เรียนประถม ยิ่งคุณตาคุณยายก็จากไปแล้ว คุณแม่ กับพี่สาวไปอยู่เชียงใหม่หลายสิบปี และตัวเองก็อยู่เชียงใหม่หลายปีจนผูกพันมีเพื่อนๆเยอะ พอพูดว่ากลับบ้านตัวเองจะนึกถึงเชียงใหม่ วันหลังเชิญคุณขจิตเปลี่ยนบรรยากาศมาสัมผัสธรรมชาติอยุธยาบ้างนะคะ
Ajarn Pop สบายดีนะคะไม่ได้คุยกันนานแล้ว? ได้ข่าวการเป็นดร.อย่างเป็นทางการหรือยังคะ พี่ไม่ทราบระบบของออสเตรเลียว่ามีขั้นตอนอย่างไร ของฝรั่งเศสที่พี่มีประสบการณ์คือพอสอบviva หรือdefend เสร็จอาจารย์คุยกันแล้ว เขาจะประกาศเลยว่าสอบผ่านหรือไม่ ในระดับใด ขั้นตอนต่อไปคือบรรดาอาจารย์แต่ละท่านต้องเขียนสรุปความเห็นในการสอบกรอกเอกสารส่งให้มหาวิทยาลัยไปจัดการพิธีการทางเอกสารเพื่อออกใบปริญญาบัตรส่งให้เราอย่างเป็นทางการ ขั้นตอนนี้แม้ว่าเราจะยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการแต่เราไม่ต้องกังวลใดๆ ถือได้ว่าสำเร็จแล้ว ฉลองได้ ปกติเมื่อสอบเสร็จจะมีการเปิดแชมเปญหลังห้องสอบกันเลยโดย Director of Thesis(อาจารย์ที่ปรึกษา)ของเราเป็นคนจัดให้ค่ะ
ขอบคุณในคำอวยพร ขอให้อาจารย์ปีอปมีความสุขกับการทำงานและการใช้ชีวิตทุกๆวันค่ะ
น้องKa- poom เราชอบและสนใจในสิ่งเหมือนๆกันหลายอย่างนะคะ ที่จริงคนที่มาเยี่ยมบล็อกนี้ก็เป็นคนชอบธรรมชาติ มาในแนวทางพอเพียง เส้นทางธรรม สงสัยต้องหาโอกาสนัดชุมนุมกันบ้างแล้วละค่ะ น้องกะปุ๋มปฏิบัติธรรมกับอาจารย์ท่านใดคะ
กะปุ๋มรู้สึกมีความสุข...ที่ได้เข้ามาอ่านบันทึกค่ะ เพราะสัมผัสสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ตัวอักษรได้...คำหนึ่งคำมีภาพผืนใหญ่ซ่อนอยู่...บ่งบอกเรื่องราวและสะท้อนในจิต...ของผู้บอกเล่าได้เสมอ...
ในส่วนทางธรรมนั้น...กะปุ๋มเริ่มเรียนวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางของอาจารย์โกเอ็นก้าตั้งแต่ปี 2540 และปฏิบัติเรื่อยมา พร้อมทั้งศึกษาหลายๆ แนวทางเพื่อให้เหมาะกับจริตของตนเอง พอซึมซับได้เพิ่มเติมบ้างก็ตามแนวของท่านอาจารย์ติช นัท ฮัน ... และการปฏิบัติธรรมขณะครองความเป็นฆราวาสตามแนวทางของ "แม่ทีปะ"...
และมาเริ่มรู้จัก..."ธรรม"...อย่างเบิกปัญญาอันมืดบอดนี้ตามสายคำสอนของหลวงปู่มั่น และหลวงตาบัว...และมีครูสอนกายาคตาสติและโลกธัมวิทยาอยู่ ณ ปัจจุบันนี้
ตอนนี้กำลังใช้ความเพียรอย่างมากในการเรียนรู้ เพราะยังรู้สึกว่าตนเองนั้นมี "ความโง่"...อยู่ใดวงจิตเยอะเลยค่ะ
(^_____^)
ขอบคุณค่ะ
กะปุ๋ม
สวัสดีค่ะ
ตามมาซึมซับความง่าย สงบ งามของบันทึกยามเช้านี้ค่ะ..
ขอบคุณที่ทำให้จิตสดใส และเบิกบานอีกครั้งหนึ่งค่ะ