ธรรมะทะลุกำแพง
"สิ่งที่เป็นกำแพงปิดกั้นเรา คือตัวเราเอง" (อีโก้ ภาษา ความเชื่อ เผ่าพันธุ์ เชื่อชาติ ศาสนา สีผิว ยศ ฐานะ ของรักของข้า ชื่อของข้า ตัวกูของกู )
ชาวพุทธส่วนใหญ่เชื่อว่าตายแล้วเกิดมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นแนวโน้มว่า ตายแล้วเกิด งานวิจัยจากทีมงานชาวฝรั่ง เราจึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยไม่มีการแบ่งชนชั้น เชื้อชาติ ศาสนาหรือแม้กระทั่งสีผิว! หากเราทุกคนต้อง Random เกิดมาโดยไม่มีส่วนรู้เห็นเลยว่าเคยกระทำอะไรมาบ้างในชาติที่แล้ว และต้องมาเจออะไรบ้างในชาตินี้ มีทุกข์มีสุขคล้ายๆกัน(มีแนวโน้มว่าทุกข์เสียเป็นส่วนใหญ่) พอจะอนุมานได้ไหมว่า.. เราทุกคนต่างเป็นเสมือนคนๆเดียวกัน หรือเป็นเพื่อนพี่น้องร่วมชะตากรรมเดียวกัน!!!!"เจ้าก้อนหินก้อนดินก้อนนี้" ไม่ช้าก็คงจะต้อง "กลับสู่ดิน" เป็นเช่นนี้ทุกผู้ทุกตัวตน เสมอเหมือนและเท่าเทียมกันหมด การได้เกิดเป็นมนุษย์ก็ยาก....
การได้เกิดแล้วมีอาการครบ ๓๒ ก็ยาก....
การได้เกิดยุคที่มีศาสนาพุทธ ก็ยาก....
การได้เกิดในประเทศไทยก็ยาก......
การได้เกิดในครอบครัวที่สนใจเรื่องธรรมะก็ยาก....
การได้เกิดแล้วได้ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าก็ยาก...
การได้เกิดมาแล้วได้ศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้งโดยไม่หลงในทางที่ผิดเสียก่อนยิ่งยากใหญ่
การได้เกิดมาแล้ว...........ฯลฯ
เราโชคดีขนาดไหนที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย มีหลายคนที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของเราแล้วพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เป็นคนไทย ทั้งปลอมเอกสารทั้งใต้โต๊ะเสียเงินเป็นแสนๆก็ยอม ขอเพียงแค่ได้เป็นคนไทย แต่คนไทยเองหลายคน กลับไม่เห็นค่าของความเป็นคน และเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพื่อหนีอะไรบางอย่าง หรือหนีแม้กระทั่งตัวเองด้วยความโง่เขลา ไม่เห็นค่าของพุทธศาสนา และเป็นพุทธเทียมเสียส่วนใหญ่
The Miniature Earth 6 คนสุดท้ายที่เหลืออยุ่ (ร่มโพธิ์เดียว )จะมีสักครึ่งคนไหมที่เป็นพุทธแท้
กอบโกยประโยชน์ส่วนตนแล้วอย่าลืมหันมาทดแทนคุณแผ่นดิน ทดแทนคุณศาสนาบ้างมิใช่กอบโกยประโยชน์ส่วนตนแล้วยังไม่พอ ประเภทโกงกินคอรัปชั่น จนทำให้คนอื่นๆ และประเทศชาติบ้านเมืองต้องเดือดร้อน และคงจะไม่ยุติธรรม ถ้าคนเหล่านี้ หลังจากตายแล้วมีโอกาศเกิดในประเทศที่แห้งแล้ง ด้อยพัฒนา และอดอยาก เพราะดูเหมือน จะไม่ได้รับรู้ว่าเคยกระทำอะไรมาก่อนบ้าง ความจริงของโลกอยุติธรรมก็ยุติธรรมเช่นนี้แหละมาถึงตรงนี้ หลายท่านอาจจะงงว่า ทำไมต้องทำเพื่อคนอื่น หากเราลองคิดดูดีๆ ก็จะพบว่า สิ่งที่คนต่างจากสัตว์อย่างหนึ่งก็คือ สัตว์เวลาเกิดออกมา จะเดินหากินหรือหลบภัยได้เองเลย ส่วนคนหากเกิดมาแล้ว ถูกทิ้งไว้กลางแดดก็อาจจะตายได้ ดังนั้นเราจึงเป็นตัวตนมาได้ทุกวันนี้ต้องอาศัยคนอื่นทั้งหมด ทั้งกัลยาณมิตรและเพื่อนร่วมโลก
พวก dogtor หรือพวกที่มีหน้าที่การงานสูงๆ แล้วหยิ่งผยองพองขนมองไม่เห็นคนที่ต่ำกว่าตนว่าเป็นคนเหมือนกัน หากไม่มีใครสอน ก.ไก่ ถึง อ.นกฮูก ก็ไม่มีทางที่จะจบ dog.ได้เลย แถมส่วนมากยังใช้สมองกอบโกยผลประโยชน์เข้าหาตัวอย่างไม่พอและทำให้คนในสังคมส่วนใหญ่ต้องพลอยเดือดร้อนกันไปทั่วทำไมเราไม่เปลี่ยนความเห็นแก่ตัว เป็นการเห็นแก่คนอื่นหรือเห็นแก่สังคมเสีย เพราะเมื่อเราสร้างประโยชน์ส่วนรวมให้สังคมของเรามีสภาพแวดล้อมที่ดี มีแต่ความสงบสุข หากเราตายไปแล้วกลับมาเกิดใหม่อีก เราก็จะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีด้วย คงไม่มีใครที่อยากจะเกิดมาแล้วอยู่ในประเทศที่อดอยาก มีสงครามกลางเมือง(ภาคใต้เราไกล้เคียงอีรักไปทุกทีแล้ว)ไม่รู้จักหรือเคยสัมผัสกับศาสนาพุทธมาก่อนเลย ตั้งแต่เกิดมา ดังนั้นการทำเพื่อผู้อื่น จึงเป็นการทำเพื่อตัวเองไปโดยปริยาย ดังคำที่ว่า "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก""คนดีไม่ทำเพื่อคนอื่น เพราะไม่มีใครเป็นคนอื่นสำหรับคนดี"
พระอานนท์กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า..
ความมีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี นับว่าเป็นกึ่งหนึ่งของพรหมจรรย์
พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้คิดอย่างนั้น เพราะความมีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี
นับเป็น "ทั้งหมดของพรหมจรรย์"ทีเดียว
มาเยี่ยม...เพื่อสนทนาธรรมกับผู้รู้...
ดังนั้นเราจึงเป็นตัวตนมาได้ทุกวันนี้ต้องอาศัยคนอื่นทั้งหมด ทั้งกัลยาณมิตรและเพื่อนร่วมโลก ...
ข้อความนี้...ตัวตนยังอยู่ในโลกสมมุติหรือไม่...?
ตัวตนที่ได้รับธรรม...ตรัสรู้เองโดยชอบ...ต้องอาศัยตนเองผู้เดียวเท่านั้น...เที่ยวไปค้นหาเอาหรือไม่...?
ขอคารวะธรรมที่มีอยู่ในจิตใจคุณ.
ดังนั้นเราจึงเป็นตัวตนมาได้ทุกวันนี้ต้องอาศัยคนอื่นทั้งหมด ทั้งกัลยาณมิตรและเพื่อนร่วมโลก
ที่เขียนไปทั้งหมด เขียนไปเพราะความไม่รู้ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยครับ
สวัสดีครับ
มาเยี่ยม...
หากไม่มีกัลยาณมิตร ไม่มีบิดามารดา ไม่มีอาจารย์ หรือแม้กระทั่งไม่มีมารผจญ ไม่มีฯลฯ....
ความข้อนี้...เหมือนยังก้าวไปสู่ประตูนิพพานคือยังไม่เข้านิพพานใช่หรือไม่...?
ตัวตนยังอยู่ในโลกสมมุติ เพราะยังไปสมมุติโลก ...
ตัวตนยังไม่อยู่ในโลกอสังขตะใช่หรือไม่...?
ยินดีมากมายที่ได้สนทนาด้วยครับ :)