ความอลังการ ในงานมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ ครั้งที่ 2 เป็นด้วยความผสมผสานอย่างกลมกลืนของทั้งผู้นำผลงานมาเสนอ และผู้เข้าร่วมประชุม ทั้งๆ ที่เป็นหน่วยงานต่างระบบกันอย่างสิ้นเชิง คือ ภาคประชาสังคม ภาคราชการ และภาคเอกชน แต่เหมือน KM จะช่วยเชื่อมโยงความแปลกแยกแตกต่างนั้นได้อย่างแนบเนียน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานของหน่วยงานต่างระบบ ช่วยให้เกิดความรู้อย่างมหาศาล ดิฉันนั้นสังกัดภาคราชการ แต่ชอบเข้าไปอยู่ในห้องภาคเอกชน และแจมกลุ่มประชาสังคมด้วย ได้ idea ดีๆ ด้านบริหารงานบุคคลของภาคเอกชนมามากมาย ได้ประจักษ์ในภูมิปัญญาชาวบ้านที่ทรงคุณค่าภายใต้บริบทที่เรียบง่ายของไทยๆ
อ้อ! High light ของงาน คือวันเปิดวันแรก ที่ท่านอาจารย์ ศ.นพ.ประเวศ วะสี มาบรรยาย เกี่ยวกับการจัดการความรู้ นับเป็นสุดยอดของปาฐกถา ที่บางท่านถึงกับออกปากว่า ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง อะไรที่ดีดีอย่างนี้มาก่อนเลย หากท่านพลาดโอกาสการฟัง ท่านยังมีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มเล็กน่าอ่าน ที่เป็นรายละเอียดเรื่องที่ อ.ประเวศ บรรยาย ทั้งหมดนี้ได้ ชื่อหนังสือว่า "การจัดการความรู้ กระบวนการปลดปล่อยมนุษย์ สู่ศักยภาพ เสรีภาพ และความสุข" จำหน่ายโดย สคส. (ขออนุญาตโฆษณานะค่ะ เพราะดีจริงๆ)
นานๆ ครั้งจะได้มีโอกาสเช่นนี้ คุ้มจริงๆ ค่ะท่าน ดิฉันขอเตือนว่า ปีหน้าอย่าพลาด! ๆๆๆ
เห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ ว่าอาจารย์หมอประเวศ วะสี ได้บรรยายสุดยอดปาฐกถาจริงๆ ข้อคิดที่เกี่ยวกับการฟังอะไรแล้วแขวนไว้ก่อนทำให้สะกิดใจมากๆ และหนังสือก็น่าสนใจมากได้ทั้งฟังและอ่านได้ความรู้มากมายเลยค่ะ
อ้าว ! ไหงไม่พบกันในงานค่ะ ดีใจจังที่ทราบว่าชาว มน. ไปร่วมงานกันไม่น้อย คุณน้ำฝนได้ดูดซับอะไรดีๆ จากงานมาบ้างเอ่ย เล่าให้ฟังบ้างซิค่ะ
ภาพแรกใน Blog นี้ ก็เป็นภาพเบื้องหลังของ นพ.องอาจ เลิศขจรศิล์ป ผอ.รพ.มน.ของเรานี่เอง ท่านก็สนใจเรื่อง KM อยู่ไม่น้อย
ส่วนภาพที่มีผู้สัมมนา 3 ท่าน กำลังแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเรื่อง "การสร้างตัวชี้วัดและการประเมินเพื่อการพัฒนาองค์กร" มี ผศ.ดร.วิบูลย์ วัฒนาธร ท่านรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและประกันคุณภาพ ของชาวเรา มน. เป็นหนึ่งในผู้ทรงคุณวุฒิ ด้วย ก็เป็นปลื้มแทนพวกเราชาว มน. จึงเก็บภาพมาเผยแพร่ให้ทราบกันด้วย