สวัสดีค่ะ เหล่ากัลยาณมิตรทั้งหลาย ที่ช่วยกันเป็นหน้าม้า Comment ให้กับ Blog ของ 3 ซ่า PO_kmi (กล้าดียังไงเปิด Blog?) ของเรา ทีมเราจึงมีความพยายามอย่างสูงที่จะเล่าสิ่งที่มีสารประโยชน์ให้กับท่านๆ ทั้งหลาย (แม้จะดูมีอยู่น้อยในพวกเรา) <p> </p> เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 48 ที่ผ่านมานี้ ด้วยได้ทำกรรมดีมาบ้าง หนึ่งในพวกเราได้รับการส่งตัวให้เป็นตัวแทนเข้าฟัง Ms. Kim Sbarcea นักวิชาการ ที่ปรึกษาอิสระด้าน KM มีประสบการณ์กว่า 10 ปี จากประเทศ Australia มาพูดเรื่อง “KM Models” อำนวยการจัดโดย สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และพอจะสรุปออกมาได้ว่า<p> </p>
KM Models ที่เสนอ 8 โมเดล
1. SECI model : Knowledge creation ของ Nonaka & Takeuchi ที่เราคุ้นเคยกันดี เป็นวงจรอธิบายการเปลี่ยนจาก Tacit Knowledge เป็น Explicit Knowledge โดยอาศัยการ Socialisation, Externalisation, Combination และ Internalisation
2. CICM model: Value creation ของ Niemen Al-Ali พิจารณา Human Capital, Customer Capital และ Sturctural Capital ใน 3 stage คือ KM stage, IM stage และ IC stage
3. Ecology model : decision support ของ David Snowden เป็นโมเดลที่สร้างจาก Complexity & Cognitive science
4. Network model เน้น connection, acquisition, sharing, และการส่งผ่านในแนวราบ ของหน่วยงาน/ องค์กร เน้นการใช้ทุนทางสังคม (multi directional information flows & feedback, adaptable)
5. Cognitive model ของ Dr. Gary Klein – CTA มอง Knowledge เป็นกระบวนการเรียนรู้ ทำอย่างไรจะทำให้เกิดการ Think, learn, decide and behave
6. Community model ของ Wenger ซึ่งเชื่อมันในการใช้ “CoPs” หรือ ชุมชนนักปฏิบัติ เป็นสำคัญ โดยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันจาก story telling (อันนี้ในไทยคงเป็น คุณพูนลาภ ที่ใช้ model นี้ค่ะ)
7. Knowledge ecosystem model ซึ่งใช้กับ Australian KM Standard AS 5037
8. Newer System model (Australian Standard) โดยแบ่งเป็น 3 phase คือ
- Map phase เป็นการหา Knowledge gap, หาสถานะความรู้ของหน่วยงาน เช่นการทำ Existing strategy, SWOT, gap analysis, scenario knowledge audit, knowledge mapping, SNA, etc. (ฟังแล้วคล้ายแนวคิด Self Assessment ของ สคส. อยู่เหมือนกัน)
- Build phase เป็นการหา Goal, การสร้าง Pilot project, Coaching,……………….
- Operationalising phase เป็นขั้นเดินเครื่องทำ, การ Implements, Training, monitoring, lessons learn, CoPs, etc.
จากโมเดลทั้งหลายที่ได้ฟัง คนนำไปใช้คงต้องเอามา mix & match กันอีกที (ภาษาหรูๆ เรียกว่า “บูรณาการ”) ให้ได้ออกมาเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับแต่ละที่ (เลือกแทนกันไม่ได้) และสุดท้ายยังสงสัยอยู่ว่าตัวแทนจากหลายหน่วยงานที่มาฟังวันนั้นเป็นร้อยคน จะเลือกใช้ถูกไหมเนี้ยะ ????????
ปล. 1. บางคำเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ถ้าแปลเป็นไทย อาจผิดเพี้ยนได้ (เป็นเรามีศักยภาพทางภาษาน้อย)
2. อยากให้ พี่ธวัช ผู้ร่วมฟังด้วย หรือท่านอื่นๆ ที่ไปฟัง ต่อเติมให้ค่ะ (อันนี้เป็นยุทธวิธีหา comment!)
</span>