คืนนี้ยังไม่ได้เขียนบันทึก นั่งตอบคำถาม มองหน้าจอ... อ่านอะไรไปเรื่อยๆ... แล้วก็มาทบทวนบางเรื่องที่เคยแลกเปลี่ยนกับบางท่านในโกทูโน...
เมื่อตะกี้ ลุกขึ้นไปเอาน้ำร้อน ก็มีบางอย่างแว้บเข้ามาในคลองความคิด...
หลายปีก่อนเคยฟังท่านอาจารย์รูปหนึ่ง (ฟังตอนประชุม จำไม่ได้แล้ว ว่าท่านใด) ท่านแนะนำว่า พระยุคใหม่จะต้องมีความรู้ทั่วๆ ไป พอที่จะคุยกับชาวบ้านได้ และต้องรู้เรื่องในวัดสูงกว่าญาติโยม... แต่ปัญหาของพวกเราก็คือ เราไม่ค่อยรู้เรื่องชาวบ้าน ส่วนเรื่องของเรา เราก็ไม่ค่อยรู้.....ประมาณนี้
ผู้เขียนก็ย้อนนึกถึงตัวเอง....อืม์... รู้สึกว่าเรามีคุณสมบัติใช้ได้นิ .... ทำนองเข้าข้างตัวเอง...
ถือแก้วน้ำร้อนกลับมายังหน้าจอ พลางนึก... เอาประเด็นนี้มาตั้งกระทู้ดีกว่า.....
ดังนั้น ผู้เขียนจึงใคร่ขอความเห็นทั่วๆ ไป ของสมาชิกในโกทูโนนี้ ว่า
พระยุคใหม่ควรจะเป็นอย่างไร ?
เจริญพร
อยากตอบครับพระคุณเจ้า
ขอลงทะเบียนไว้ก่อน แล้วจะมาตอบทีหลังครับ
กราบสามครั้งครับ
กราบนมัสการ พระคุณเจ้า
คิดว่าพระสงฆ์ต้องเป็นที่พึ่งทางใจแก่ชาวบ้านได้
นมัสการหลวงพี่ ครับ
จะคอย....
....
ที่พึ่งทางใจ ?
......
.......ฯลฯ......
......................
เจริญพรทุกท่าน
กราบนมัสการพระคุณเจ้าค่ะ
พระยุคใหม่ในความเห็นของเบิร์ดค่ะ
กราบสามครั้งค่ะ
ใช้คอมพิวเตอร์ได้...แต่ไม่ติดคอมฯ...อิอิ
เทศน์ทางไกลได้...แต่ไม่ติดเทศน์...555
รับข่าวสาร...วิเคราะห์ข่าว...แต่ไม่ติดข่าว...55555
รับคำวิจารณ์ได้...แต่ไม่ติดใจคำวิจารณ์....
มีลูกศิษย์จำนวนมากได้...แต่ไม่ติดใจลูกศิษย์....55555
สาธุ
ชอบความเห็นอาจารย์ขำจังครับ
หลวงพี่และอาจารย์ขำ แวะไปที่ทะเบียนสิงห์อีซ้ายบ้างนะครับ มีน้องใหม่มาให้ช่วยกันแวะเข้าไปทักทายกันหน่อยครับ
กราบนมัสการหลวงพี่ BM.chaiwut
ว่าจะตอบคำถามตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วค่ะ แต่รู้สึกว่าตัวเองก็สรุปไม่ได้เหมือนกันว่าพระยุคใหม่ควรเป็นอย่างไร
คำถามของหลวงพี่ทำให้ดิฉันฉุกคิดถึงเหตุการณ์บางอย่าง ที่ทำให้คิดว่าการเป็นครูที่ดีในยุคนี้ควรเป็นอย่างไร ถึงจะทันกับพฤติกรรมของเด็ก หรือผู้เรียนในยุคปัจจุบัน กำลังค่อยๆ หาคำตอบอยู่เหมือนกันค่ะ แล้วก็คำตอบคงจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสภาพแวดล้อมค่ะ
อย่างไรก็ดี สำหรับกรณีของดิฉัน ดิฉันคิดว่าคำตอบอยู่ที่ เราต้องเข้าใจก่อนว่าลูกศิษย์ต้องการอะไร หรือมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร แล้วจึงเอาคำตอบตรงนั้นมาปรับแก้ที่ตัวเราอย่างมีเหตุผล และมีความเหมาะสมกับบทบาทหน้าที่ของเรา ดิฉันนึกถึงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสไว้ (ดิฉันได้ยินจากสื่อต่างๆ อีกที) ว่า จะแก้ปัญหาภาคใต้ ต้อง "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา"
รู้สึกว่าจะไม่ได้ตอบคำถามหลวงพี่โดยตรง ก็ขออนุญาตแค่แลกเปลี่ยนแล้วกันค่ะ
พระยุคใหม่
ผมเห็นพระนักวิจัยที่ภาคเหนือหลายท่าน ท่านทำหน้าที่ได้ดีมากครับ ผมชื่นชมมากครับ
พระยุคใหม่
"พระยุคใหม่" ยังน่าจะต้องเป็น "พระ" ครับ (อุปริมทิศ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
[๒๐๔] ดูกรคฤหบดีบุตร สมณพราหมณ์ผู้เป็นทิศเบื้องบน อันกุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ ด้วยกายกรรมประกอบด้วยเมตตา ๑ ด้วยวจีกรรมประกอบด้วยเมตตา ๑ ด้วยมโนกรรมประกอบด้วยเมตตา ๑ ด้วยความเป็นผู้ไม่ปิดประตู ๑ ด้วยให้อามิสทานเนืองๆ ๑ ฯ
ดูกรคฤหบดีบุตร สมณพราหมณ์ผู้เป็นทิศเบื้องบน อันกุลบุตรบำรุงด้วยสถาน ๕ เหล่านี้แล้ว ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๖ คือ ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว ๑ ให้ตั้งอยู่ในความดี ๑ อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจอันงาม ๑ ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ๑ ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง ๑ บอกทางสวรรค์ให้ ๑ ฯ
แต่หากพระยุคใหม่จะปรับเปลี่ยนวิธีการบ้าง เป็นนักเทศน์ทางสื่อ ออกเทป-ออกวิทยุทีวี เป็นบล๊อกเกอร์ เป็นนักเขียน ฯลฯ เพื่อช่วยอนุเคราะห์ญาติโยม ให้เข้าใจประเด็นต่างๆ ในทางที่ชอบในทางที่ควร ผมก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่ชอบแล้วครับ
สาธุ
พระยุคใหม่ สำหรับกระผมนะครับ ผมขอใช้คำว่าไม่ออกความเห็น หรือควรจะ นะครับมันจะดูว่าญาติโยมจะเป็นพระเสียเอง แต่เป็นข้อเสนอเพิ่มเติมดีกว่า ว่าพระยุคใหม่ต้องเป็นไปตามยุคตามสมัย หมายความว่า แนะนำชาวบ้านให้หันไปดูโฆษณา ออมทรัพย์กับ ธกส ให้ดูรายการที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน สาระต่างๆ ไม่ใช่มานั่งดูพระ มาขอหวย มาขอจตุคามรามเทพ( อันนี้ปัจจุบันมีข่าวออกมาเยอะ ) ให้ชาวบ้านทำฝายชะลอน้ำ ตามพระราชดำริของในหลวง ****ทำไมต้องให้พระช่วย ที่จริง อบต หรือ คนของรัฐก็ทำอยู่แล้ว แต่อย่าลืมนะครับ อบต หรือ คนของรัฐ เจอชาวบ้าน เดือนละครั้ง แต่พระยุคใหม่เจอทุกวันตอนเช้าและทุกๆ วันพระ****
สาธุ
คุณโยม อ้างหลัก เถียงไม่ได้...
เรื่องทิศทั้ง๖ ในสิคาลกสูตร อาตมาคิดจะนำเสนอในโอกาศต่อไป...
เจริญพร
ทางราชการนั่นแหละ ตัวทำให้วัดยุ่ง...
เจ้าอาวาสบ่นกันมากกับพวกเจ้าหน้าที่ทุกประเภท... มักจะหาปัญหายุ่งๆ มาให้...
เจริญพร
ท่านอาจารย์ครับ
พระรุ่นใหม่ รุ่นเก่า และรุ่นไหน ๆ ไม่ควรเป็นอย่างนี้
ยํ หิ กิจฺจํ ตทปวิทฺธํ อกิจฺจํ ปน กยีรติ
และควรเป็นอย่างนี้
อกิจฺจํ เต น เสวนฺติ กิจฺเจ สาตจฺจการิโน
ธรรมบท ภาค 7 ปกิณณกวรรค
เรื่องที่ต้องรู้
สารญฺจ สารโต ญตฺวา อสารญฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา ฯ
สุพจน์ |
อปวิทฺธํ แปลไม่ถูก... ขี้เกียจหยิบหนังสือ
อามนฺตา
สุพจน์ |
ยํ หิ กิจฺจํ ตทปวิทฺธํ อกิจฺจํ ปน กยีรติ
ละทิ้งสิ่งที่พึงกระทำ แต่กระทำสิ่งที่ไม่พึงกระทำ
ต้องขยายความอีกว่า...
สิ่งที่พึงกระทำ เป็นอย่างไร ?
สิ่งที่ไม่พึงกระทำเป็นอย่างไร ?
ดังนั้น ข้อความที่ยกมาจึงทำให้ใครๆ สามารถประเมินค่าสิ่งที่พึงกระทำและไม่พึงกระทำได้ด้วยตัวของเค้าเอง....
................
อกิจฺจํ เต น เสวนฺติ กิจฺเจ สาตจฺจการิโน
พวกเค้าหมั่นกระทำความเพียรสืบต่อในสิ่งที่พึงกระทำ ย่อมไม่เสพสิ่งที่ไม่พึงกระทำ..
............
สารญฺจ สารโต ญตฺวา อสารญฺจ อสารโต
เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา ฯ
พวกเค้ารู้สิ่งที่เป็นแก่นสารโดยความเป็นแก่นสาร และรู้สิ่งที่ไม่เป็นแก่นสารโดยความไม่เป็นแก่นสาร มีความดำริชอบเป็นที่ท่องเที่ยวไปประดุจการเที่ยวไปของโค ย่อมบรรลุสิ่งที่เป็นแก่นสาร....
อามนฺตา
ผมยังนึกภาพพระรุ่นใหม่ไม่ออกครับ เพราะเป็นคนห่างวัดจะเห็นแต่ท่านที่อยู่ในจอมากกว่า ผมเคยอ่านเจอคำถามเหล่านี้มาพอดู
ผมรู้สึกเหมือนเถียงเรื่องวินัย ผมเห็นว่าถ้ามันไม่ทำให้พระเสื่อมธรรมลงก็น่าจะทำได้ แต่ที่ผมอยากเห็น คือ
พระจะอยู่ใกล้ประชาชนมากขึ้น ตามสภาพที่นับวันคนยิ่งห่างวัด พระคงต้องหาทางวิ่งต้อน เอ้ย หาหนทาง หาสื่อต่างๆ ที่คนสมัยนี้นิยม
แน่นอนว่ามิใช่พระทำฝ่ายเดียว ประชาชนน้อยๆ อย่างผมต้องช่วยท่านเช่นกัน ไม่ว่าการเผยแพร่ การสื่อสาร การสนับสนุนด้านต่างๆ หากช่วยกันหลายๆ ฝ่าย งานทุกอย่างจะง่ายเข้า ผมคิดยังงั้นขอรับ
ผมเคยได้ยินคนพูดเล่นว่า ให้พระอยู่ที่สยามสแคว์สิ ผมคิดว่าก็ไม่เลวเหมือนกันนะขอรับ กับการที่จะมีสิ่งดีๆ ที่สยามสแคว์สักที่
ขอบคุณสำหรับการเปิดความคิดที่ดีๆ นี้ครับ
ตามที่คุณโยมว่ามา นับว่าเป็นปัญหาพื้นฐานทางวัฒนธรรม ก็ว่าได้.... ซึ่งเรื่องทำนองนี้ ขึ้นอยู่กับค่านิยมทางสังคมว่า จะยอมรับและยอมให้ระดับไหน แค่ไหน เช่น...
ประเด็นสายเดียว... สงกรานต์ปีนี้ มีการกวดขันเข้มงวดเป็นพิเศษ
ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ก็เช่นเดียวกัน... ซึ่งหลายๆ อย่างก็พอเทียบเคียงได้ โดยดูกระแสจากสังคม....
แต่ ถ้าเราไม่ใช้ กระแสทางสังคมเป็นเกณฑ์ กล่าวคือใช้เกณฑ์อย่างอื่นมากำหนด ก็คงเป็นอีกนัยหนึ่ง....
มีโอกาส อาตมาค่อยนำบางประเด็นมานำเสนอต่อไป...
เจริญพร
กราบนมัสการครับพระอาจารย์ BM.chaiwut
สุพจน์ |
ตยา วุตฺตวจนํ สาธุ โหติ
อามนฺตา
กราบ มนัสการพระคุณเจ้า
ผมเห็นว่าบทความนี้ น่าจะตรงกับปัญหาที่อยู่ในใจมานาน ผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในสายด้านเทคโนโลยีต่างๆ คำถามเกิดเมื่อ ผมได้ไปดูสินค้าตามศูนย์รวมเทคโนโลยี เช่นมือถือ Notebook CD อุปกรณ์อิเล็คโทรนิคต่างๆ ก็ได้พบเห็น พระสงฆ์เดินดูสิ้นค้า บางรูปก็ไตร่ถามราคา บางรูป ก็เลือกดูสินค้า จึงเกิดคำถามในใจว่า พระสงค์เดินตามศูนย์สินค้าต่างๆ จะผิดศีล หรือ ไม่หรือ อาบัต หรือป่าว
เพราะผมไปทุกครั้งก็ เห็น ทุกครั้ง ผม เข้าใจว่า พระสงฆ์บางรูปก็จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อ ถ่ายทอดความรู้ให้กับญาติโยมหรือ เผยแพร่ ศาสนา แต่ถ้า ไปเดิน เลือกซื้อสินค้าหรืเทคโนโลยีเอง เลยจะเหมาะหรือไม่ครับ
คำถามเกิดขึ้นในใจงี้จะตกนรกไหมอ่ะครับ ^_^"
วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในสังคมปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อ ๑๐ ปีก่อนอย่างมาก (ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ๒๐ปีก่อนมานี้)
บางอย่าง เราก็ต้องการจารีตประเพณีอันดีงามแบบเก่าๆ แต่เราก็อยู่กับสังคมสมัยใหม่.....
คนในสังคมไทยปัจจุบันต้องการให้พระ-เณร และวัดเป็นอย่างโน้นอย่างนี้... แต่จะมีใครสักกิ่คนว่าวัดมีปัญหาและต้องการสิ่งใดบ้าง.....
ปัญหาของพระ-เณร วัด หรือศาสนา เป็นเพียงปัญหาเศษเสี้ยวของสังคมปัจจุบัน.....
เจริญพร
เห็นพระคุณเจ้าใส่เครื่องหมาย ? ไว้จึงขอขยายความเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ
ที่พึ่งทางใจ หมายถึง ที่พึ่งอันประเสริฐ
ที่พึ่งเพื่อให้ชาวบ้านเกิดความเห็นที่ถูกต้อง(สัมมาทิฏฐิ) ค่ะ
กราบนมัสการพระอาจารย์ ๓ ครั้ง
อ้ายกระผมตอบว่าพระยุคใหม่ ฟันไม่ผุ (เกี่ยวอะไรกัน)
คำสอนของพระพุทธองค์ ยังคงทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ว่ากาลเวลา
จะเปลี่ยนไปอย่างไร เทคโนโลยีจะทันสมัยแค่ไหน คนก็ยังมีความทุกข์
พระพุทธองค์สอนคนให้พ้นทุกข์ จึงทันสมัยไม่มีกาลเวลา ตราบใดที่คนยังทุกข์
กราบมนัสการ ๓ หน อีกครั้ง
ยุทธศักดิ์ ว.
ยุทธศักดิ์ ว.
เจริญพร
นมัสการ
พระยุคใหม่ควรจะเป็นอย่างไร..อย่างแรกคงต้องแยกระหว่างพระสงฆ์ทั่วไปกะเจ้าอาวาสวัดยุคใหม่เพราะหนูว่าต้องต่างกัน เจ้าอาวาสวัดยุคใหม่คงต้องมีความเข้าใจหลักบริหารตนเองและวัดมากกว่าพระลูกอย่างมากๆ..อยากให้เจ้าอาวาสยุคใหม่มีการสร้างแนวคิดพัฒนาและดึงคนเข้าวัดที่ไม่เฉพาะแต่วัตถุหรือพระองค์โตๆเท่านั้น เจ้าอาวาสหลายองค์ต้องมีคดีติดหนี้ติดสินเพราะสร้างอาคารเกินตัวหรือเกินศรัทธาที่มีอยู่ เป็นสิ่งที่น่าเศร้ามากค่ะ เมื่อคนชาวบ้านรู้จักวัดในระดับหนึ่งเจ้าอาวาสยุคใหม่ควรจะยังคงยึดมั่นอุดมการณ์ที่จะรักษาวัดให้เป็นวัดมิใช่ตลาด.หรือจุดพักรถชมวิว.และที่สำคัญเจ้าอาวาสยุคใหม่ควรมีจุดยืนที่เป็นเป้าหมายทางธรรมมากกว่าเป้าหมายทางพัดยศ/ทางโลก อยากให้เจ้าอาวาสรักษาและดูแลวัดให้พึงมีความร่มรื่น ความสงบ,สะอาดและมีความเหมาะสม(หมายถึงมีข้อมูลและความรู้)แก่ผู้เข้าไปศึกษาปฏิบัติธรรมในวัด และสุดท้ายอยากให้วัดแต่ละวัดอวดดีกันที่การปฏิบัติมากกว่าความใหญ่โตหรือสวยงามของวัตถุที่มีอยู่ในวัดค่ะ
บันทึกนี้เขียนมานานสามปีแล้ว ซึ่งตอนนั้น ผู้เขียนสวมหมวกอาจารย์ในมหาวิทยาลัยสงฆ์.. แต่ปัจจุบัน ผู้เขียนสวมหมวกเจ้าอาวาสใหม่ จึงได้ตอบว่าคุณโยมเน้นอุดมคติเกินไป...
ค่าน้ำค่าไฟปกติเดือนละประมาณห้าพัน สำหรับวัดที่ไม่มีรายได้อื่นๆ เลย ยกเว้นปัจจัยค่ากัณฑ์เทศน์วันพระ ๓-๔ ร้อย คุณโยมว่าต้องทำอย่างไร ?
คนมีหลากหลาย วัดก็ย่อมมีหลากหลายเพื่อตอบสนองกลุ่มคนนั้นๆ การที่วัดเดียวจะทำให้มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองกลุ่มชนที่หลากหลายได้ คุณโยมว่าจะต้องทำอย่างไร ?
สรุปว่า โลกแห่งความเป็นจริงสำคัญกว่าโลกแห่งอุดมคติ แต่ต้องสร้างให้โลกแห่งความเป็นจริงไม่ขัดแย้งกับโลกแห่งอุดมคติ...
เจริญพร
กราบนมัสการค่ะ
ประโยคสุดท้ายของพระอาจารย์นั่นแหล่ะค่ะที่ตรงกับใจที่หนูอยากกราบเรียน...หนูเข้าใจว่าถาวรวัตถุบางอย่างจำเป็นต้องมีต้องสร้างเพื่อดึงคนดึงศรัทธาจริตให้มาช่วยบำรุงและดูแลวัด..ขอแต่เพียงอย่าให้มากเกินจนกระทั่งเจ้าอาวาสนั้นแหละที่จะเป็นผู้เดือดร้อนต้องรับชดใช้หนี้สินค่าก่อสร้าง มีญาติโยมสนับสนุนก็ดีไปแต่ถ้าไม่มีล่ะ.อะไรจะเกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆในวัดเช่นกันไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟค่ารถพระเณรไปเรียนหนังสือ..สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่บอกปัญหาออกมาดีกว่าอดทนเก็บไว้.แต่จะบอกใครดีเท่าที่หนูเห็นตัวอย่างจากวัดแถวบ้านทำเขาบอกกรรมการวัดและกรรมการชุมชน(อบต.)ก็พอช่วยได้บ้างแม้ไม่ใช่ทั้งหมด...ปัจจุบันเวลาใส่บาตรทำบุญเราจึงมีการถวายปัจจัย(เงิน)ใส่ซองไปด้วยทั้งๆที่ก็รู้ว่าพระท่านไม่ควรถือเงินแต่เพราะเข้าใจว่าพระท่านต้องใช้ปัจจัยทำกิจกรรมหลายอย่าง รถแถวกรุงเทพฯหรือภาคกลางบางพื้นที่บางทีเห็นพระยืนรอจะขึ้นรถไม่จอดให้ก็เยอะ..มาใช้สถานที่วัดก็ควรต้องมีจิตสำนึกประหยัดน้ำประหยัดไฟให้วัด มีการทำบุญชดใช้หนี้สงฆ์เพื่อให้วัดดำเนินกิจการและกิจกรรมอยู่ได้ ,กิจกรรมสำคัญเวลามาไว้พระที่วัดนอกเหนือจากเชิญชวนญาติโยมร่วมกิจกรรมการทำอามิสทานแล้วควรมีการปฏิบัติธรรมแทรกให้มากขึ้นและมีในทุกครั้งที่จัดงานในวัด, โยมบางคนที่มาบอกพระว่าจะเอากฐินหรือผ้าป่ามาทอดที่วัดน่าจะได้เงินเป็นแสนๆแต่ขอให้วัดจัดมโหรสพต้อนรับหน่อยอันนี้ก็ต้องเคลียร์กันให้ชัดๆว่าค่าใช้จ่ายหมวดนี้วัดไม่สามารถจ่ายให้ได้และมันไม่ใช่กิจของสงฆ์ถ้าโยมอยากมีโยมต้องรับผิดชอบและอันนี้ไม่เกี่ยวกับเงินกฐิน..บางกฐินได้เป็นแสนๆก็จริงแต่หลังหักค่าใช้จ่ายค่าอาหารและค่ามโหรสพแล้ววัดแทบไม่เหลือเงินหรือบางทีได้เงินจริงๆหลักหมื่นค่าใช้จ่ายเป็นแสน..เจ้าอาวาสจะทำอย่างไร.หรือ บางกฐินผ้าป่าชอบมีการพนันแถมพ่วงเข้ามาด้วย คณะนี้มาทอดที่ไรมีสองวงทุกที วงหนึ่งทอดเป็นผ้าป่ากฐิน ณ.ศาลาการเปรียญอีกวงหนึ่งทอดไฮโลอยู่ในรถบ้างหรือศาลาที่พักบ้าง..เจ้าอาวาสยุคใหม่จะไม่เลือกปิดหูปิดตามองเห็นแต่เงินที่เขานำมาถวายหากแต่จะต้องบอกต้องสอน หรือแม้กล้าที่จะปฏิเสธสิ่งที่ไม่ใช่หรือสิ่งที่จะเสียหายต่อวัดและพระศาสนาต่อไปข้างหน้าบ้าง..ถ้าโลกแห่งความเป็นจริงในวัดยุคใหม่คือการถือเงินเข้าวัดป็นหลัก อย่างน้อยก็อยากให้มีเกณฑ์การสร้างและเกณฑ์การยอมรับเงินนำเข้ามาบ้างน่ะคะ...เจ้าอาวาสยุคใหม่จึงเปรียบเสมือนผู้นำในการสร้างพุทธบริษัทที่ดีทั้งในวัดและนอกวัดค่ะ..เป็นงานหนักมากแต่หนูก็เห็นแล้วว่าอย่างน้อยที่ จ.สงขลาก็จะมีวัดของพระอาจารย์เป็นอีกหนึ่งวัดที่น่าชักชวนให้ไปช่วยกันทำบุญ ช่วยกันสนับสนุนเจ้าค่ะ