เรื่องเล่า....ครับ
เมื่อวานนี้เป็นวันหยุดครับ พอดีไม่ได้อยูเวร หลังจาก ราวตอนเช้าแล้วก็ได้พาครอบครับขับรถกลับไปเยี่ยมยามกัลยาณมิตรที่ร.พ.ปางมะผ้า ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเดิมที่ทำงานอยู่นาน2ปี ก่อนที่จะย้ายมาปายครับ
ระหว่างทางที่ไกล 45 กิโลเมตร เป็นภูเขาและดอยโค้งคดเคี้ยว ช่วงกลางๆของการเดินทาง ก็ขับรถผ่านรถสามล้อพ่วงที่เร่ขายไอสครีม ในใจก็แว็บขึ้นมาได้ถึงเรื่องของคนไข้คนหนึ่งของผมเอง ที่มาตรวจเมื่อวันที่2 เมษายน
เป็นคนไข้ผู้ชายอายุ56 ปี ซึ่งเรื่องราวของคนไข้คนนนี้ก็คือ คุณลุงมาหาหมอด้วยปัญหาแขน ขา ซีกซ้ายอ่อนแรง(แต่ยังเดินได้) เพิ่งจะเป็นมา ไม่มีโรคประจำตัวอื่นๆแต่ลุงเคยมีอาการแบบนี้ 2 ครั้งแล้ว หลังได้ยาฉีดแก้ปวด นอนพักอาการก็จะดีขึ้น วันนั้นที่ลุงมาก็ตรวจร่างกาย และรักษา และแนะนำให้นอนโรงพยาบาลแต่ลุงก็ดื้อไม่ขอนอนเพราะว่าติดที่จะต้องบวชเณรลูกชายพรุ่งนี้ จึงได้ให้ ยาไปและนัดมาอีก2 วัน(คิดว่าถ้าอ่อนแรงอยู่คงจะต้องส่งไป CT) ...แต่ลุงก็ไม่มาตามนัด..
ดังนั้นบวกกับเรื่องราวที่เราคุยกัน ที่ลุงบอกว่าลุงต้องขี่รถมาขายไอติม ตามดอย และหมู่บ้านไกลในอำเภอ ปางมะผ้า
ก่อนที่จะแซงก็คิดว่าต้องใช่ลุงแน่ๆเลยครับ พอขับรถเข้าไปไกล้ๆและแซงขึ้นมาอย่างช้าๆ ก็พบว่าเป็นลุงจริงๆ เลยบีบแตรทักทาย(แต่ลุงคงไม่รู้ว่าเป็นหมอ แต่ก็เห็นยิ้มตอบ ฮึๆๆ) ก็คิดในใจว่าพอถึงที่พักริมทางจะจอดรถ โบกคุณลุง ไม่ได้อยากกินไอติมนะครับ แต่ว่าอยากจะขอตรวจ และซักถามอาการหน่อย เอากันกลางดอยนี่เลยละครับ...
พอถึงที่พักริมทางก็จอดรถ โดยบอกกับคุณแม่ทั้งสองคนที่อยู่ในรถว่าจะ จอดรถรอคนไข้หน่อยนะ.....
และแล้วคุณลุงก็มาถึง ผมก็ลงจากรถ ยืนรออยู่แล้ว และโบกไม้โบกมือให้คุณลุงจอดๆๆ คุณลุงก็ยิ้มมาแต่ไกลอีกแล้ว(ลุงคงคิดว่า หวานหมู ได้ขายไอติมแน่ๆ...*-* )
คำพูดแรกเมื่อพบกัน...สวัสดีครับลุง สบายดีไหม ลุงตอบว่าสบายดี (ยังคงจำหมอไม่ได้ เพราะว่าเจอกันครั้งแรก ครั้งเดียวและแต่งตัวไม่เหมือนเดิม...หรือว่าผมไม่เหมือนหมอก็ไม่แน่ใจนะครับ...) ผมจึงถามต่อว่า อือ..ลุงครับลุงหายดีแล้วหรือ ไม่เห็นมาตามนัดเลยนะ....ตอนนี้และครับ ลุงถึงกับบางอ้อ...แล้วยกมือไหว้ท่วมหัวพร้อมกับพูดว่า อ้อๆๆ....คุณหมอนี่เอง ครับๆๆ หายดีแล้วครับ หลังจากฉีดยา กินยาก็หายดีเลย ไม่มีอากการอ่อนแรง ขยับได้ทำงานปกติ
ผมเองก็ยังไม่ค่อยเชื่อนัก เอ???..ก็วันนั้นตรวจดูก็อ่อนจริงๆ ไม่น่าจะหายเร็วขนาดนี้เลย หรือว่าลุงฝืนมาทำงานนะ ....จากนั้นจึงเริ่มทำงานตรวจร่างกาย ตั้งแต่ให้เดินให้ดู ตรวจดูกำลังของกล้ามเนื้อ อื้อ..ดีจริงๆ(ข้างที่เคยอ่อน ลุงบีบมือหมอตอนที่ตรวจซะเจ็บเลยละครับ..คงตั้งใจบีบมากไปนิดหน่อย หรือว่าอยากบอกเป็นในๆว่าผมแข็งแรงแล้วจริงๆ บ่ได้ต๊วะหมอเด้อ...คนลาวกะลาวเว้ากันครับ)
เมื่อแน่ใจว่าลุงดีขึ้นแล้วก็แนะนำให้กลับไปรับยาที่ร.พ ต่อ และตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม(ยังมียาเหลือ 3 วัน) และอาจจะต้องไปตรวจกับแพทย์เฉพาะทางที่เชียงใหม่(คงจะยากพอสมควร เพราะดูมั่นใจว่าตัวเองดีแล้ว ขนาดนัดมาที่รพ ไกล้บ้านยังไม่มาเลยครับ ) แต่ก็ย้ำว่าต้องมาตามนัดนะ เพื่อตนเอง และแซวอีกว่าลูกยังเล็กนะ(7 ขวบ) ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีๆ
ระหว่างที่คุยๆกันอยู่และลุงก็มาส่งที่ประตูรถ ก็มีตำรวจที่ป้อมยามกลางดอยมาซื้อไอติม และก็จูงแขนลุงกลับไปที่รถไอติม เพราะเกรงใจคนซื้อเหมือนจะมารอนนานระหว่างที่เราคุยกัน(ดีใจที่มีคนซื้อไอติมลุงแทนเราครับ)
ระหว่างที่ขับรถจากมากก็มีความคิดความรู้สึกเกี่ยวกับคนไข้คนนี้หลายอย่าง เช่น
เป็นเรื่องเล่าที่อาจจะแปลกๆ แต่ก็เป็นเรื่องจริงๆที่เพิ่งจะเกิดขึ้นสดๆใหม่ อย่างบังเอิญ..ครับ
สุพัฒน์ ใจงาม ..Pai....
ขอบคุณคุณหมอมากครับ!!!
การบริการทางการแพทย์ที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์ เกิดขึ้นและซาบซึ้งในบันทึกเล็กๆแบบนี้ของน้องหมอ
เป็นความฉ่ำเย็นแรกของสงกรานต์ปีนี้เลยครับ
คุณหมอน่ารักมากๆเลยค่ะ
สวัสดีครับพี่เอก
เป็นบันทึกที่ดีและน่าประทับใจครับ
ขอส่งความสุขแห่งปีใหม่ไทยแด่คุณหมอและครอบครัวครับ
ผมมาถึง เมืองปาย เมื่อวานกลางวันครับ
ผมคิดถึงทุกคนนะครับ...คิดถึงทุกคน แต่เวลามันเปลี่ยนไป ภารกิจที่ต่างสถานที่ ห่างไกลกันมากขึ้น
มันทำให้เรารู้ว่า เวลาในอดีตมันควรเก็บไว้ในความทรงจำที่ดีๆ
วันนี้ ไปทานข้าวด้วยด้วยกันนะครับ...ช่วงค่ำ
สวัสดีครับคุณ nidnoi
สวัสดีครับอาจารย์ มัทนา
สวัสดีครับ อาจารย์ Pop
คุณหมอสุพัฒน์:
สวัสดีครับอาจารย์ มัท
ขอต่อครับ(กดอะไรไปก็ไม่รู้ครับ)
อ่านแล้วสุขใจครับ...
อยากให้เมืองไทยมีหมอดี ๆ อย่างนี้เยอะ ๆ ครับ..
สวัสดีครับพี่ ดิเรก
ขอบคุณที่นำความคิดและวิถีปฏิบัติดีๆมาฝากค่ะ แม้จะรู้ว่าทำแล้วตัวเองคงใจสบายเอง ไม่ต้องรอให้ใครมาชื่นชม แต่ก็ขอบอกว่าชื่นชมจริงๆ และขอให้บอกเล่าสิ่งที่คิดและพบเจอในชีวิตแบบนี้บ่อยๆนะคะ
คนเราทุกวันนี้ต้องการตัวอย่างการทำดี คิดดีค่ะ โดยเฉพาะจากคนที่เป็นตัวอย่างได้ วิชาชีพที่เป็นตัวอย่างได้ ทำได้หรือไม่ได้ หากได้อ่านก็เป็นการห่อหุ้มจิตใจด้วยสิ่งดีๆไว้เสมอๆ จะช่วยให้เราทุกคนอยากทำดีกับคนอื่นมากขึ้นค่ะ พี่เชื่อเช่นนั้น และขอขอบคุณคุณหมอมากที่นำมาเล่าค่ะ เอาอีกนะคะ วันๆคงมีเรื่องแบบนี้มากมาย เขียนแทนคนที่เค้าทำแต่ไม่เขียนนั่นแหละค่ะ นะคะ นะคะ
ขออนุญาตชื่นชมคุณหมอด้วยคนค่ะ ว่าเป็นคุณหมอที่มีจิตวิญญาณและความรับผิดชอบในหน้าที่เต็มเปี่ยม
ขอชื่นชมอีกครั้งค่ะ
น้องสุพัฒน์ ครับ
ดีมากเลยครับ ทำต่อไปจนมันอยู่ในจิตวิญญาณ แล้วเราจะพบว่ามันมีคุณค่ากับชีวิตมาก น้องเป็นหมอที่ดีครับ
......เชื่อว่าคุณลุงจะประทับใจในน้ำใจของคุณหมอมากค่ะ ... :)
ตอนเด็กๆ (อยู่ ป 3. ) เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าโตขึ้นเขาจะเป็นหมอ เพราะหมอเขาจะมีพลังวิเศษ พอเราเป็นไข้แล้วไปหาหมอ ไข้ก็จะลดลงครึ่งนึง
.....ตอนนั้นเชื่อกันแบบนี้จริงๆ และเวลาไปหาหมอตอนเด็กๆก็รู้สึกแบบนี้จริงๆด้วยอ่ะค่ะ..... :)
ต้องขอขอบคุณแทนชาวอำเภอปายที่พบเจอคุณหมอที่มีจิตวิญญาณของความเป็นหมออย่างแท้จริง ตั้งใจทำความดีต่อไปนะคะ หวังว่าเรื่องราวของหมอคงจะเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นการจุดประกายให้คุณหมออีกหลายท่านใส่ใจ รักคนไข้ของเราอย่างเช่นคุณหมอ อย่าท้อแท้ สู้ต่อไป เอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้เสมอคะ
ขอให้ยามเช้าของแต่ละวัน เป็นวันที่คุณหมอได้กลิ่นของดิน หายใจได้เต็มปอด จนรู้สึกว่า โลกนี้ช่างเป็นสิ่งงดงามนะครับ
อ่านเรื่องราวแล้วรู้สึกดี พร้อมกับลมหายใจเต็มปอดที่ทำให้รู้ว่า โลกนี้ยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้ใจเราชื่น และสามารถตื่นขึ้นมาพบกับความงามอีกมากมายในความดีของผู้คน
ขอให้มีกำลังใจมากๆนะครับ ให้รับรู้ว่าสิ่งที่ทำงดงาม และเป็นสุขใจเมื่อได้ทำ
ขอพลัง จินตนาการ และความใฝ่ฝัน จงสถิตย์อยู่กับคุณหมอครับ
เกือบหลุดไปแล้ว......แลยต้องเข้ามาใหม่เพื่อขอชื่นชมคุณหมอที่มีจรรยาบรรณด้วยวิชาชีพ.....และด้วยจิตใจที่ดีงามของคุณหมอโดยแก่นแท้
ขอบคุณประเทศไทยที่มีคุณหมอแบบนี้ไว้ให้ชื่นใจอีกคน
สำนึกดีๆ น่าภูมิใจ น่าชื่นชมจริงๆค่ะ
ขอชื่นชมคุณหมอมากๆเลยค่ะ ไม่รู้จะหาคำไหนมาใช้ รู้สึกปลื้มปิติ เหลือเกินที่ได้ยินเรื่องเช่นนี้
ขอบพระคุณค่ะคุณหมอ
รู้สีกปลื้มแทนคนไข้..