มีคนมักจะถามผมว่า ลูกพูดภาษาอะไร เหตุที่ถ้าอย่างนี้เนื่องจากผมเป็นคนสตูล และพูดภาษามลายูไม่ได้ แต่ได้แต่งงานกับคนปัตตานี และพูดภาษามลายูเป็นหลัก ดังนั้นคำถามนี้จึงถูกถามบ่อยมาก และคำตอบของผมคือ สองภาษาครับ กับแม่พูดมลายู กับพ่อพูดไทย
ซึ่งวิธีการนี้หลายคนพยายามแล้วแต่รู้สึกว่าไม่สำเร็จ พี่สาวของผมก็เป็นเหมือนผมครับ เพราะแต่งงานกับคนปัตตานีเหมือนกัน แต่ความสำเร็จอาจได้มาช้านิดหนึ่ง จนพ่อผมบ่นว่าคุยกับหลานไม่รู้เรื่องในช่วงแรกๆ แต่พอหลานเข้าโรงเรียน พ่อผมก็สบายใจไปนิดหนึ่ง
ดังนั้นตอนผมมีลูก พ่อผมจึงอยากให้ผมและภรรยาของผมพูดไทยกับลูก เพื่อให้เวลาคุยกับปู่กับย่า จะได้รู้เรื่อง แต่ผมบอกพ่อว่า ต้องใช้ระบบสองภาษา หรือไม่ต้องให้ได้ภาษามลายูก่อน ผมให้เหตุผลว่า โดยหลักการเราสามารถสอนลูกพร้อมๆ กันได้หลายภาษาครับ แต่ถ้าไม่สำเร็จต้องเลือกภาษาที่ยากก่อน ซึ่งนั่นก็คือมลายู เหตุผลที่ภาษามลายูยาก ในทัศนะของผมเนื่องจาก สภาพแวดล้อมปัจจุบันเปลี่ยนไป การเรียนรู้ภาษามลายูจากสื่อต่างๆ ทำได้ยาก ต่างจากภาษาไทยที่สามารถเรียนรู้จากสื่อต่างๆ ได้มากและหลากหลาย
วิธีการในการสอนภาษาของผมมีหลายเทคนิคครับ แรกๆ ตอนลูกหัดพูด ผลที่ได้ออกมาเป็นเรียกชื่อสิ่งของหนึ่งอย่างพร้อมกันสองภาษา เช่น ถ้าจะให้ผมไปไหนก็จะพูดว่า อาบี(พ่อ) ฆีไป (คำว่า ฆี แปลว่าไป ในภาษาไทยครับ)
แต่ตอนนี้สองขวบกว่า ปรากฏว่า ลูกมีทักษะในการแยกคำพูดที่จะใช้พูดกับพ่อ (ไทย) กับแม่ (มลายู)ได้ดีขึ้ครับ แต่ภาษาไทยจะเสียเปรียบหน่อยหนึ่ง ตรงที่ถ้าผมไม่ได้อยู่เล่นกับลูกสัก 4-5 วัน (แล้วไปอยู่บ้านยาย) ผลก็คือว่า พอกลับมาอยู่ที่บ้านลูกก็จะพูดมลายูกับผมอีก ซึ่งผมก็ต้องปรับภาษาของลูกใหม่อีกทีหนึ่ง ซึ่งอันนี้เป็นข้อยืนยันว่า สิ่งแวดล้อมสอนภาษาได้ดีกว่าอย่างอื่นครับ
ผมมีเทคนิคในรายละเอียดอีกเยอะครับ แล้วจะทยอยทำเสนอ
อยากพูดภาษามลายูเป็นบ้าง :-)
ผมก็มีลักษณะคล้ายๆกับอาจารย์อีย์ แต่ซับซ้อนขึ้นนิดหนึ่งตรงที่ภรรยาพูดมลายูแต่สำเนียงและศัพท์แตกต่างไปจากทาง๓จชต. ทั้งๆที่ผมมีพื้นฐานภาษามลายูปัตตานีอยู่บ้างแล้ว(จากการมาเรียนอยู่แถบนี้ร่วม ๑๐ ปี) แต่ไปอยู่บ้านภรรยาช่วงแรกๆเป็นงงเลย แต่ดีที่ที่นั่นพูดกัน๒ภาษา
ผมรู้สึกทึ่งกับการรับรู้และพัฒนาการทางภาษาของเด็กเป็นอย่างยิ่งและคิดว่าระบบการสอนภาษาอื่นๆนอกจากภาษาไทยของบ้านเมืองเราต้องมีอะไรผิดหลาดอยู่แน่ๆเลย(สังเกตุจากการใช้ภาษาของลูก)
ลูกคนแรกผมพูดมลายูสไตล์เคด้า(มาเลเซีย)ตามแม่ แม้ว่าผมจะมีโอกาสเรียนมลายูสำเนียงนี้ก่อนลูกคนนี้เป็นปี(คิดเอาเองว่าเพราะอะไร..แหะ..แหะ)แต่พอลูกอายุได้ ๒ ปี ทักษะการใช้ภาษาของแกก็ทิ้งผมเสียจนไม่เห็นฝุ่นแล้ว ตอนนี้แกก็เลยมาเป็นครูสอนภาษามลายูสำเนียงเคด้าให้กับผม(แอบสังเกตุการใช้ภาษาของเขาเวลาพูดแม่เค้า)
พอลูกอายุเกือบ ๓ ขวบผมก็รับแก(พร้อมแม่)มาอยู่ด้วยกันที่ยะลา ช่วงแรกสงสารแกเรื่องการปรับตัวด้านภาษากับคนรอบข้างที่ยะลามาก แรกๆแกจะเงียบไม่ยอมพูดกับคนภายนอก(เพราะภาษาไม่เหมือนกัน)เป็นอย่างนี้อยู่ระยะหนึ่ง หลังๆเริ่มดีขึ้น ตอนนี้ก็ปร๋อแล้ว ผมมองว่าเด็กไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนผู้ใหญ่อย่างเราๆเรียนภาษากันเลย แต่เป็นไปอย่างอัตโนมัติตามสิ่งแวดล้อมรอบตัวเขา
ตอนนี้แกกำลังจะเข้าเรียนป.๑ สรุปว่าพูดได้ ๔ ภาษาแล้ว
๑.มลายูสำเนียงเคด้า -พูดกับแม่เค้า ญาติทางแม่ และผมบางโอกาส
๒.มลายูปัตตานี -พูดกับเพื่อนๆเขาที่ยะลา
๓.ไทยกลาง -พูดกับครู เพื่อนบางคน
๔.ไทยใต้ -พูดกับผมบางโอกาส กับญาติทางผม(ใช้ไม่บ่อยแต่เข้าใจหมด)
นี่คือธรรมชาติของเด็กและเขาจะสามารถสับเปลี่ยนเวอชั่นของภาษาได้โดยอัตโนมัติ
ข้อสังเกตอีกนิดคือ การเรียนรู้หลายๆภาษาพร้อมกันพบว่าเด็กจะพูดคล่องช้ากว่าเด็กวัยเดียวกันนิดหน่อย
ปล.ช่วงนี้ยุ่งๆไม่ได้อัพเดทบล็อคตัวเองเลย เข้ามา"มอด,สิง"บล็อคเพื่อนไปพลางๆก่อนก็แล้วกันเน๊าะ
ลูกจะคลอดในอีกไม่กี่วันแล้วคะ วางแผนกับสามีว่าอยากให้ลูกได้รู้2ภาษา โดยพ่อเขาจะพูดภาษาอังกฤษ ดิฉันจะพูดไทย แต่ติดตรงที่บ้านเป็นคนเหนือเลยจะให้ยายเขาพูดภาษาท้องถิ่น น้องจะได้หลายภาษาและจะได้เข้าใจภาษาถิ่นด้วย แต่ใจความสำคัญคือ อยากให้ลูกได้ภาษาอังกฤษ เพราะพ่อแม่ค้าขายกับต่างชาติ แต่ก็ไม่ได้เก่งภาษาอะไร จึงอยากให้ลูกมีพื้นฐาน จะทำให้น้องพูดช้ากว่าเด็กวัยเดียวกันไหมคะ เพราะจะทำต้งแต่น้องเกิดเลย ตอบด้วยนะคะ
ตอบคุณ ชลธิศ ครับ