ความแตกต่างของสัญญายืมใช้คงรูปกับสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง 1


ความแตกต่างของสัญญายืม
สัญญายืมใช้คงรูป สัญญายืมใช้สิ้นเปลือง
1.กรรมสิทธิ์ในวัตถุแห่งสัญญาไม่โอนไปยังผู้ยืม 1.กรรมสิทธิ์ในวัตถุแห่งสัญญาโอนไปยังผู้ยืม
2.วัตถุแห่งสัญญายืมเป็นทรัพย์สินที่ใช้แล้วยังคงรูป 2.วัตถุแห่งสัญญายืมเป็นทรัพย์สินที่ใช้ไปสิ้นไป
3.ผู้ยืมต้องคืนทรัพย์ทรัพย์สินที่ยืมไป 3.ผู้ยืมต้องคืนทรัพย์สินที่เป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกันกับทรัพย์สินที่ยืม
4.ผู้ยืมได้รับประโยชน์จากการยืมเพียงฝ่ายเดียว 9.ผู้ให้ยืมอาจจะได้รับประโยชน์จากค่าตอบแทนในการยืมได้
5.ผู้ให้ยืมไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน 5.ผู้ให้ยืมจะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินเท่านั้น
6.ผู้ยืมต้องใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมด้วยตนเอง 6.ผู้ยืมไม่จำเป็นที่จะต้องใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมด้วยตนเอง
7.หากทรัพย์สินสูญหาย บุบสลายโดยโทษใครมิได้ ผู้ให้ยืมต้องรับผิดในความเสียหายนั้น 7.หากทรัพย์สินสูญหาย บุบสลายโดยโทษใครมิได้ ผู้ยืมต้องรับผิดในความเสียหายนั้นเอง
8.กำหนดหน้าที่ให้ผู้ยืมต้องสงวนรักษาทรัพย์สินที่ยืม 8.ไม่กำหนดหน้าที่ให้ผู้ยืมต้องสงวนรักษาทรัพย์สินที่ยืม
9.ในกรณีที่ไม่มีกำหนดเวลาให้คืนทรัพย์สินที่ยืม ผู้ให้ยืมจะเรียกให้ผู้ยืมคืนทรัพย์สินเมื่อใดก็ได้ 9.ในกรณีที่ไม่มีการกำหนดเวลาให้คืนทรัพย์สิน ผู้ให้ยืมจะต้องบอกกล่าวให้ผู้ยืมคืนทรัพย์สินภายในเวลาอันควร
10.ผู้ยืมจะต้องคืนทรัพย์สินที่ยืม ณ สถานที่ซึ่งทรัพย์นั้นได้อยู่ในเวลาเมื่อก่อให้เกิดหนี้นั้น 10.ผู้ยืมจะต้องคืนทรัพย์สินที่ยืม ณ ภูมิลำเนาของผู้ให้ยืม
11.หากผู้ยืมตายย่อมทำให้สัญญายืมระงับ 11.หากผู้ยืมตายก็ไม่ทำให้สัญญายืมระงับ
12.ดอกผลจากทรัพย์สินที่ยืมตกแก่ผู้ให้ยืม 12.ดอกผลจากทรัพย์สินที่ยืมตกแก่ผู้ยืม
13.ผู้ยืมเอาทรัพย์สินที่ยืมไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินไม่ได้ 13.ผู้ยืมเอาทรัพย์สินที่ยืมไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินได้
14.ผู้ยืมเอาทรัพย์สินที่ยืมไปใช้นอกจากการอันปรากฏในสัญญาไม่ได้ 14.ผู้ยืมเอาทรัพย์สินที่ยืมไปใช้นอกจากการอันปรากฏในสัญญาได้
15.การฟ้องร้องความรับผิดเพื่อให้เสียค่าทดแทนมีอายุความ 6 เดือน 15.การฟ้องร้องความรับผิดเพื่อให้เสียค่าทดแทนมีอายุความ10 ปี

อธิบายความแตกต่างของสัญญายืมใช้คงรูปกับสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง                

1.สัญญายืมใช้คงรูปนั้นกรรมสิทธิ์ในวัตถุแห่งสัญญาไม่โอนไปยังผู้ยืม แต่สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองกรรมสิทธิ์ในวัตถุแห่งสัญญาโอนไปยังผู้ยืม          

เนื่องจากสัญญายืมย่อมสมบูรณ์ด้วยการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม ดังนั้นหากยังมิได้มีการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมก็ย่อมทำให้สัญญายืมนั้นไม่บริบูรณ์ โดยทั้งนี้เมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมนั้นย่อมมีผลเกี่ยวกับเรื่องของการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ยืมแน่นอนเนื่องจากกฎหมายได้กำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้เอาไว้ในมาตรา 640 และมาตรา 650 ดังนี้มาตรา 640 อันว่ายืมใช้คงรูปนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ยืมให้บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่า และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้น เมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว มาตรา 650 อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น คือสัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้นเป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น โดยในมาตรา 640 ประโยคที่แสดงว่าทรัพย์สินที่ยืมเมื่อมีการส่งมอบแล้วนั้นไม่ทำให้กรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ยืมคือ ...ผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้น เมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว ส่วนในมาตรา 650 ประโยคที่แสดงว่าทรัพย์สินที่ยืมเมื่อมีการส่งมอบแล้ว ทำให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ยืมนั้นโดนไปยังผู้ยืมทันทีคือ ...ผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น จากข้อความในบทบัญญัติที่ยกมานั้นย่อมทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างสัญญายืมใช้คงรูปกับสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองในเรื่องของกรรมสิทธิในทรัพย์สินที่ยืมว่าโอนไปยังผู้ยืมหรือไม่ โดยทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจจักขอยกตัวอย่างประกอบการอธิบายดังนี้

ตัวอย่าง นายเสือได้ตกลงยืมกระทะจากนายสิงเพื่อนำไปผักเผ็ดในงานขึ้นบ้านใหม่โดยนายเสือได้ตกลงว่าจะนำกระทะมาคืนให้เมื่อเสร็จจากงาน จากนั้นนายสิงก็ได้ยื่นกระทะใบใหญ่ให้แก่นายเสือทันที ดังนั้นเมื่องานขึ้นบ้านใหม่ของนายเสือจบลงแล้ว นายเสือก็มีหน้าที่ที่จะต้องคือกระทะใบที่ยืมมาให้แก่นายสิง โดยนายเสือจะอ้างว่ากรรมสิทธิ์ในกระทะได้โอนมายังตนแล้วในตอนที่ส่งมอบมิได้ เนื่องจากสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญายืมใช้คงรูปมิใช่สัญญายืมใช้สิ้นเปลือง จึงไม่ทำให้กรรมสิทธิ์โอนไปยังนายเสือแต่อย่างใด ดังนั้นนายเสือจะต้องคืนกระทะใบนั้นให้แก่นายสิงโดยทันทีหลังจากใช้งานแล้ว แต่ทั้งนี้ข้ออ้างของนายเสือจะฟังขึ้นก็ต่อเมื่อทรัพย์สินที่นายเสือยืมไปจากนายสิงนั้นก็เพื่อเป็นการใช้ไปให้สิ้นไป มิได้ใช้ไปคงอยู่ เช่น นายเสืออาจจะขอยืมกะปิที่นำเข้ามาจากสวิสเซอร์แลนด์จากนายสิงก็ได้โดยตกลงจะหากะปิที่นำเข้ามาจากสวิสเซอร์แลนด์ชนิดและปริมาณเดียวกันคือให้นายสิงหลังจากเสร็จงานขึ้นบ้านใหม่ ในกรณีเช่นนี้เมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สิน(กะปิ)แล้วกรรมสิทธิ์ก็ย่อมโอนไปยังนายเสือทันที ดังนั้นนายเสือก็ย่อมเป็นเจ้าของในกะปินั้น และเมื่อเสร็จสิ้นจากงานขึ้นบ้านใหม่แล้ว นายเสือก็ต้องคืนกะปิที่นำเข้ามาจากสวิสเซอร์แลนด์เป็นชนิดและปริมาณเดียวกันกับตอนที่ยืมมาให้แก่นายสิงโดยทันที 

2.วัตถุแห่งสัญญายืมใช้คงรูปเป็นทรัพย์สินที่ใช้แล้วยังคงรูปอยู่ มิได้บุบสลายแต่อย่างใดแต่วัตถุแห่งสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองเป็นทรัพย์สินที่ใช้ไปสิ้นไปดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ยืมของสัญญายืมใช้คงรูปนั้นมิได้โอนไปยังผู้ยืมจากการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าวัตถุของสัญญานั้นเป็นลักษณะที่ใช้แล้วมิได้บุบสลายหรือสิ้นไปแต่อย่างใด แต่ยังสามารถคงรูปลักษณ์และความสมบูรณ์ตามปกติของวัตถุนั้นอยู่ได้ และประเด็นที่สำคัญคือผู้ยืมได้ตกลงสัญญาว่าจะนำทรัพย์สินที่ยืมนั้นมาคืนให้แก่ผู้ให้ยืม ดังนั้นการที่ผู้ยืมจะคืนทรัพย์สินที่ยืมไปแก่ผู้ให้ยืมนั้นก็ต้องรักษาและใช้งานทรัพย์สินที่ยืมมาในทางปรกติจึงจะคืนทรัพย์สินนั้นได้ แต่ในสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองนั้นผู้ยืมมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ยืมอย่างเต็มตัว ดังนั้นเมื่อถึงเวลาแก่การชำระหนี้ผู้ยืมก็ต้องนำทรัพย์สินที่เป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกันกับทรัพย์สินที่ยืมมาคืนให้แก่ผู้ให้ยืม โดยผู้ยืมจะนำทรัพย์สินจากสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองที่ผ่านการใช้สอยจนเสื่อมความคงรูปแล้วมาคืนแก่ผู้ให้ยืมมิได้ แต่หากทรัพย์สินนั้นยังมิได้ใช้สอย เพียงแต่กรรมสิทธิ์โอนมาเฉยๆ หากผู้ยืมประสงค์ที่จะคืนทรัพย์สินที่ยืมมานั้นข้าพเจ้าก็คิดว่าน่าจะทำได้(รายละเอียดจะกล่าวในหัวข้ออื่น)

ตัวอย่าง จากตัวอย่างในข้อ 1 นั้นก็ย่อมสามารถชี้ให้เห็นได้ว่าวัตถุแห่งสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองที่นายเสือยืมนายสิงก็คือกะปิ เนื่องจากเมื่อนายเสือใช้กะปิที่ยืมมาแล้ว นายเสือก็ไม่สามารถที่จะคืนทรัพย์สินที่ยืม(กะปิ)ให้แก่นายสิงได้อีก โดยนายเสือสามารถทำได้เพียงแค่หาทรัพย์สินที่เป็นประเภท ชนิดและปริมาณเดียวกันกับทรัพย์สินที่ยืมมา นั่นก็คือนายเสือก็ต้องไปหากะปิที่นำเข้ามาจากสวิสเซอร์แลนด์ที่เป็นชนิดและปริมาณเดียวกันคืนให้แก่นานสิง แต่หากนายเสือยืมกระทะจากนายสิงเพื่อไปใช้ในงานขึ้นบ้านใหม่ แล้วตกลงว่าจะคืนเมื่อใช้เสร็จ นั่นก็ย่อมสามารถคิดย้อนกลับไปได้ว่า เหตุที่นายเสือสามารถคืนทรัพย์สินที่ยืม(กระทะใบเดิมที่ยืมมา)ให้แก่นายสิงได้ก็เพราะว่าสัญญาในการยืมกระทะครั้งนี้เป็นสัญญายืมใช้คงรูปนั่นเอง เพราะด้วยเหตุที่ว่าสัญญายืมใช้คงรูปนั้นผู้ยืมจะต้องคืนทรัพย์สินที่ยืมแก่ผู้ให้ยืมเมื่อใช้งานเสร็จแล้ว   

3.ในสัญญายืมใช้คงรูปนั้นผู้ยืมต้องคืนทรัพย์สินที่ยืมไปแก่ผู้ให้ยืมแต่สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองนั้นผู้ยืมต้องคืนทรัพย์สินที่เป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกันกับทรัพย์สินที่ยืมในสัญญายืมใช้คงรูปนั้นเมื่อผู้ให้ยืมได้ส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมให้แก่ผู้ยืมแล้วก็ไม่ทำให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ยืมโอนไปยังผู้ยืมแต่อย่างใด ดังนั้นผู้ให้ยืมก็ยังคงเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ให้ยืมอยู่นั่นเอง และในเวลาที่ผู้ยืมต้องคืนทรัพย์สินที่ยืมให้แก่ผู้ให้ยืม นั้นผู้ยืมจะต้องส่งมอบทรัพย์(คืนทรัพย์สิน)ที่เป็นอันเดียวกันกับที่ยืมมา  แต่ในสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองนั้นผู้ยืมจะต้องไม่คืนทรัพย์สินที่ยืมให้แก่ผู้ให้ยืม แต่จะต้องคืนทรัพย์สินที่เป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกันกับทรัพย์สินที่ยืม เว้นแต่ทรัพย์สินที่ยืมนั้นยังมิได้ใช้ไปสิ้นไปไม่ว่าจะบางส่วนหรือทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่าผู้ยืมน่าจะคืนทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ให้ยืมได้เนื่องจากเพื่อให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจในตัวทรัพย์ที่ยืมมา เพราะว่าหากผู้ยืมต้องไปหาทรัพย์สินที่เป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกันกับทรัพย์สินที่ยืมเพื่อที่จะคืนให้แก่ผู้ยืม ทั้งๆที่ทรัพย์สินที่ยืมในสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองจากผู้ให้ยืมนั้นยังมิได้สูญหรือบุบสลายไปไปแม้แต่นิด ก็อาจจะทำให้เกิดการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ 

ตัวอย่าง  นายเสือยืมกระทะจากนายสิงเมื่อใช้เสร็จแล้วนายเสือก็ต้องคืนกระทะใบนั้นให้แก่นายสิง โดยนายเสือจะนำกระทะใบอื่นมาคืนแทนโดยที่นายสิงไม่ยินยอมไม่ได้ นี่คือตัวอย่างของการคืนทรัพย์สินในสัญญายืมใช้คงรูป ส่วนการคืนทรัพย์สินในสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น ผู้ยืมจะต้องคืนทรัพย์สินที่เป็นประเภท ชนิด และปริมาณเดียวกันกล่าวคือ หากนายเสือยืมข้าวสารประเภทข้าวหอมมะลิ ชนิด 100% จำนวน 10 กระสอบ จากนายสิง นายเสือก็ต้องคืนข้าวสารประเภทข้าวหอมมะลิชนิด100% จำนวน 10 กระสอบให้แก่นายสิงเท่านั้น นายเสือจะคืนข้าวสารหอมมะลิชนิด อื่นหรือข้าวสารประเภทอื่นไม่ได้ แต่นายเสือสามารถที่จะคืนข้าวสารหอมมะลิชนิด100% เกินจำนวนที่ยืมมาก็ได้ หากเพื่อเป็นการตอบแทนที่นายสิงให้ยืมข้าวสารฯ ในทางกลับกันนายเสือจะคืนข้าวสารน้อยกว่านั้นไม่ได้ 

4.ในสัญญายืมใช้คงรูปผู้ยืมได้รับประโยชน์จากการยืมเพียงฝ่ายเดียวส่วนในสัญญายืมใช้สินเปลืองนั้นผู้ให้ยืมอาจจะได้รับประโยชน์จากค่าตอบแทนในการยืมได้เนื่องจากในสัญญายืมใช้คงรูปนั้นเป็นสัญญาที่ผู้ยืมเป็นผู้ได้ประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว ส่วนผู้ให้ยืมหาได้ค่าตอบแทนจากการยืมไม่คงมีแต่เพียงประโยชน์หรือความรู้สึกทางใจที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้ยืม ซึ่งหลักดังกล่าวนี้กฎหมายได้กำหนดไว้ชัดเจนในมาตรา 640 ว่า ...ผู้ยืม ใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่า... ดังนั้นเมื่อพิเคราะห์แล้วจะเห็นว่ากฎหมายค่อนข้างเคร่งครัดเกี่ยวกับค่าตอบแทนจากการยืมใช้คงรูปที่ให้ประโยชน์จากการยืมนั้นตกอยู่แก่ฝ่ายผู้ยืมเพียงฝ่ายเดียว และผู้ยืมก็ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องเสียค่าตอบแทนจากการยืมทรัพย์สินนั้นๆแต่อย่างใดเพราะผู้ยืมทรัพย์สินอันที่เป็นการยืมใช้สิ้นเปลืองนั้นจะต้องยืมทรัพย์สินนั้นเพื่อการใช้สอยโดยได้เปล่า แต่หากผู้ให้ยืมเรียกร้องค่าตอบแทนจากการยืมใช้คงรูปนั้น สัญญายืมดังกล่าวก็หาใช้สัญญายืมใช้คงรูปต่อไปไม่ หากอาจเป็นสัญญาอื่นที่มีค่าตอบแทนให้แก่ผู้ส่งมอบทรัพย์ที่ใช้คงรูป เช่น สัญญา เช่า เป็นต้น ดังนั้น ในสัญญายืมใช้คงรูปจะมีค่าตอบแทนกันไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากในกรณีที่เป็นการยืมใช้คงรูปและไม่มีวัตถุประสงค์ให้ค่าตอบแทนจากการยืมเป็นสาระสำคัญของสัญญา เช่น ไม่ยึดเอาว่า หากผู้ยืมไม่มอบค่าตอบแทนให้ผู้ให้ยืมจะไม่ส่องมอบทรัพย์สินที่ยืม เป็นต้น ดังนี้ผู้ยืมก็ย่อมที่จะมอบสิ่งตอบแทนอันเป็นสิ้นน้ำใจจากการให้ยืมทรัพย์สินของผู้ให้ยืมได้ โดยค่าตอบแทนนั้นก็จะกลายเป็นการให้โดนเสน่หานั่นเอง ส่วนสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองนั้นกฎหมายได้กำหนดให้ผู้ให้ยืมอาจจะได้รับค่าตอบแทนก็ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความตกลงในสัญญาว่าจะกำหนดให้ผู้ยืมต้องส่งมอบทรัพย์สินหรือกระทำการ หรืองดเว้นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอนย่างก็ได้หากแต่เพื่อถือว่าเป็นค่าตอบแทนจากการยืมทรัพย์สินนั้นๆ แต่ค่าตอบแทนที่ผู้ยืมจะต้องชำระหนี้ให้แก่ผู้ให้ยืมนั้นจะต้องมีการกำหนเดไว้แน่นอนชัดเจนนับแต่ผู้ยืมและผู้ให้ยืมตกลงส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมกัน หากผู้ให้ยืมจะมาเรียกร้องเพิ่มเติมในภายหลังจากการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมแล้วนั้นย่อมไม่สามารถที่จะกระทำได้ เหตุที่กฎหมายไม่ได้ห้ามให้ผู้ให้ยืมเรียกค่าตอบแทนได้นั้น ข้าพเจ้าคิดว่าเนื่องจากกฎหมายได้เปิดโอกาสให้ผู้ให้ยืมมีโอกาสในการได้ประโยชน์จากการยืมบ้าง ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากทรัพย์สินชนิดนั้นของผู้ให้ยืมมีเป็นจำนวนมาก หรือในขณะนั้นผู้ให้ยืมไม่ได้ใช้สอยทรัพย์สินนั้นๆ ดังนั้นเมื่อผู้ที่จะให้ยืมได้พิจารณาแล้วว่าหากตนเองจะเก็บไว้อาจจะไม่เป็นประโยชน์หรือมีมากพอที่ตนจะใช้แล้ว สู้ที่จะเอาไปให้บุคคลอื่นยืมเสียดีกว่า ดังนั้นหากผู้ที่มีเจตนาจะขอยืมทรัพย์สินได้แสดงเจตนาไปยังผู้ที่จะให้ยืมแล้วผู้ให้ยืมก็มีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าตอบแทนจากการยืมได้เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ตนเอง เช่น การปล่อยเงินกู้ การให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา เป็นต้น

ตัวอย่าง จากตังอย่างที่กล่าวมาในข้อ 1 การที่นายเสือได้ตกลงกับนายสิงในการส่งมอบกระทะเพื่อให้นายเสือได้ยืมใช้ในงานขึ้นบ้านใหม่ และเมื่องานเสร็จแล้วนายเสือจะส่งมอบทรัพย์ที่ยืมซึ่งในที่นี้ก็คือกระทะคืนแก่นายสิงนั้น หากในระหว่างที่จะมีการส่งมอบกระทะนายสิงจะเรียกค่าตอบแทนจากนายเสือเพื่อเป็นประโยชน์จากการยืมกระทะจากนายสิงนั้นกาได้ไม่ ทั้งนี้ก็เนื่องจากสัญญายืมที่นายเสือและนายสิงได้ตกลงทำสัญญากันนั้นเป็นสัญญายืมใช้คงรูป หากนายสิงเรียกร้องค่าตอบแทนจากการยืมในระหว่างที่มีการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมนั้นและนายเสือก็ได้ตกลงตามนั้นด้วยแล้ว จะถือได้ว่าสัญญาที่นายเสือและนายสิงได้ตกลงกันนั้นเป็นสัญญายืมใช้คงรูปหาได้ไม่ เพราะสัญญายืมใช้คงรูปนั้นโดยหลักแล้วจะมีค่าตอบแทนจากการยืมไม่ได้(กฎหมายกำหนดให้ผู้ยืมได้ใช้สอยทรัพย์สินโดยได้เปล่า) แต่สัญญาที่ทั้งสองคนตกลงทำกันนั้นจะกลายเป็นสัญญาเช่าทรัพย์นั่นเอง ส่วนในกรณีที่นายเสือขอยืมกะปิที่นำเข้ามาจากสวิสเซอร์แลนด์ (มีขายทั่วไปในท้องตลาดของประเทศสวิสเซอร์แลนด์) เพื่อนำมาประกอบอาหารในการจัดงานขึ้นบ้านใหม่ ดังนี้สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองที่นายเสือจะทำต่อนายสิงนั้นย่อมเปิดโอกาสให้นายสิงสามารถที่จะกำหนดค่าตอบแทนจากการยืมกะปิได้ เช่น หากนายเสือของยืมกะปิจำนวน 10 กิโลกรัมจากนายสิง นายสิงอาจจะกำหนดให้นายเสือต้องส่งมอบกะปิคืนแก่ตนเมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้คืนจำนวน 12 กิโลกรัมก็ย่อมได้หรือจะไม่กำหนดให้มีค่าตอบแทนเพราะถือว่าเป็นการช่วยเหลือก็ย่อมได้เช่นกันสุดแล้วแต่คู่สัญญาจะตกลง 

5.ในสัญญายืมใช้คงรูปนั้นผู้ให้ยืมไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ยืมส่วนในสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง ผู้ให้ยืมจะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินเท่านั้นเนื่องจากสัญญายืมใช้คงรูปนั้นเป็นการยืมทรัพย์สินที่ไม่เป็นการโอนกรรมสิทธิ์ ดังนั้นผู้ให้ยืมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ให้ยืม ผู้ยืมก็สามารถที่จะขอยืมทรัพย์สินนั้นๆจากผู้ให้ยืมตามที่ตกลงกันได้ แต่ทั้งนี้จะต้องระลึกอยู่เสมอว่าทรัพย์สินที่ให้ยืมนั้นจะต้องเป็นทรัพย์สินที่ไม่เป็นการใช้ไปสิ้นไปหรืออาจกล่าวสั้นๆว่าต้องเป็นทรัพย์สินเพื่อสัญญายืมใช้คงรูปเท่านั้น ทั้งนี้สาเหตุที่กฎหมายได้กำหนดให้กรรมสิทธิ์ไม่โอนไปยังผู้ยืมก็เนื่องจากการยืมใช้คงรูปนั้นเป็นการยืมทรัพย์สินที่เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งหรือเป็นทรัพย์ที่ผู้ให้ยืมไม่ประสงค์จะโอนกรรมสิทธิ์แต่อย่างใด ดังนั้นถึงแม้จะมีการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ยืมมีสิทธิดีเหมือนเช่นเจ้าของทรัพย์แต่อย่างใดเลย แต่ผู้ยืมมีเพียงสิทธิติดตามเอาคืน และบุคลสิทธิจากการครอบครองทรัพย์สินที่ยืมเท่านั้น ซึ่งต่างกับสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองที่การส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมนั้นเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ไปด้วยในตัว ทั้งนี้ก็เนื่องจากทรัพย์สินที่ยืมในสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองนั้นไม่ได้เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง ซึ่งสามารถที่จะหาทรัพย์สินอันอื่นมาแทนทรัพย์สินที่ยืมได้ ดังนั้นผู้ที่จะเป็นผู้ให้ยืมในสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้ยืมเพราะด้วยเหตุที่ว่าเมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมและผู้ยืมได้ใช้สอยทรัพย์สินนั้นๆแล้วก็ย่อมทำให้ทรัพย์สินที่ยืมมานั้นเสื่อมไปสิ้นไป ทั้งนี้ก็เพราะลักษณะของทรัพย์สินที่ยืมมีลักษณะที่เป็นทรัพย์ที่ใช้ไปสิ้นไป ซึ่งไม่อาจที่จะคงรูปดังเช่นเดิมได้

ตัวอย่าง นายเสือได้ไปเช่ารถยนต์มาจากร้านของนายสิงคันหนึ่งเพื่อใช้ในการรับส่งนักเรียนโดยมีระยะเวลาในการเช่า 1 ปี ดังนั้นนายเสือจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันนั้น ต่อมานายกระทิงได้ขอยืมรถยนต์คันดังกล่าวจากนายเสือเพื่อไปเยี่ยมนายแรดที่กำลังนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลจังหวัดพิษณุโลก ดังนี้เมื่อนายเสือได้ส่งมอบกุญแจรถยนต์ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์แทนรถยนต์ให้แก่นายกระทิงก็เท่ากับว่านายเสือได้ส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมให้แก่นายกระทิงแล้ว เพราะฉะนั้นสัญญายืมใช้คงรูประหว่างนายเสือและนายกระทิงย่อมสมบูรณ์นับแต่มีการส่งมอบกุญแจ จากตัวอย่างดังกล่าวถึงแม้นายเสือจะไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์คันนั้นก็ตามแต่นายเสือคือผู้ครอบครองซึ่งย่อมมีสิทธิในการให้บุคคลที่ตนไว้ใจยืมใช้ทรัพย์สินในสัญญายืมใช้คงรูปได้ แต่นายเสือจะนำรถยนต์คันที่เช่ามาให้นายกระทิงยืมไป แล้วให้สิทธินายกระทิงในการเอารถยนต์คันอื่นที่มีลักษณะเหมือนรถยนต์คันนั้นมาคืนให้นายเสือไม่ได้ ทั้งนี้ก็เพราะว่านายเสือไม่ได้เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์เหนือทรัพย์สินนั้นๆ นายเสือเป็นแต่เพียงผู้เช่าซึ่งใช้สิทธิครอบครองเท่านั้น 

6.ในสัญญายืมใช้คงรูปนั้นผู้ยืมจะต้องใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมด้วยตนเอง ส่วนในสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองนั้นผู้ยืมไม่จำเป็นที่จะต้องใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมด้วยตนเองด้วยเหตุที่สัญญายืมใช้คงรูปนั้นเป็นสัญญาที่ถือเอาผู้ยืมเป็นสาระสำคัญเพราะว่าผู้ให้ยืมนั้นย่อมต้องใช้ความพิเคราะห์ส่วนตัวว่าจะยอมให้ผู้ขอยืมทรัพย์สินนั้นได้ยืมทรัพย์สินหรือไม่ หากผู้ที่จะให้ยืมได้พิเคราะห์แล้วยินยอมให้ผู้ที่ขอยืมทรัพย์สินนั้นได้ใช้สอยตามสัญญายืมใช้คงรูปแล้วผู้ให้ยืมก็สามารถกระทำได้ด้วยการส่งมอบทรัพย์สินที่ขอยืมในสัญญายืมใช้คงรูป จะเห็นได้ว่ากฎหมายได้ให้ความสำคัญแก่ผู้ยืมเป็นสำคัญ เพราะหากผู้ยืมไม่มีคุณสมบัติที่ผู้ให้ยืมพึงพอใจหรือไว้วางใจในการใช้สอยทรัพย์สินนั้น ผู้ให้ยืมก็ย่อมมีสิทธิที่จะไม่ส่งมอบทรัพย์สินที่ยืมให้แก่ผู้ยืมได้ถึงแม้จะมีการตกลงกันแล้วก็ตาม และเมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินที่ตกลงยืมกันแล้วก็ย่อมทำให้สัญญายืมบริบูรณ์ ณ เวลาที่ทำการส่งมอบทันที ดังนั้นเมื่อผู้ให้ยืมได้ไว้ใจผู้ยืมด้วยการส่งมอบทรัพย์สินที่ขอยืมโดยไม่คิดค่าตอบแทนแล้วผู้ให้ยืมก็ต้องดูแลรักษาทรัพย์สินนั้นๆเยี่ยงวิญญูชนพึงกระทำ และที่สำคัญผู้ยืมจะต้องใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมด้วยตนเอง จะให้สิทธิใช้สอยทรัพย์สินนั้นๆแก่ผู้อื่นมิได้แม้เพียงน้อยนิดก็ตาม ดังนั้นเมื่อกฎหมายถือว่าผู้ยืมเป็นสาระสำคัญของสัญญาดังนั้นหากมีการสำคัญผิดในตัวบุคคลก็ย่อมทำให้สัญญายืมนั้นเป็นโมฆะตามมาตรา 156 ซึ่งได้บัญญัติไว้ว่า การแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม เป็นโมฆะ ความสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมตามวรรคหนึ่ง ได้แก่ ความสำคัญผิดในลักษณะของนิติกรรม ความสำคัญผิดในตัวบุคคลซึ่งเป็นคู่กรณีแห่งนิติ

หมายเลขบันทึก: 88201เขียนเมื่อ 3 เมษายน 2007 01:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 21:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณมากฮะ ต้องการเรื่องนี้อยู่พอดี พอดีอ.อาจารย์สั่งการบ้านน่ะ

แล้วข้อ 7 8 มีไหนอะค่ะ ตอนที่2 ก็ไม่เห็นมี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท