เมื่อวันหยุดสัปดาห์ที่แล้ว (24-25 มีนาคม 2550) ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตาม ภ.พยาธิวิทยา ไปทำหน้าที่คุณลิขิต ในการสัมมนา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในหัวข้อ “สร้างเสริมงาน สร้างคุณค่าคน”
ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นเวทีให้ทุกหน่วยงานของภาควิชาพยาธิวิทยา ได้มีการนำเสนอผลการดำเนินงาน ในรอบ 2 ปี ที่ผ่านมา (48 - 49) และแผนการดำเนินงาน ในอีก 2 ปี ข้างหน้า (50 - 51) ซึ่งถือเป็นการสร้างเสริมงานของภาควิชาพยาธิวิทยาให้มีความเข้มแข็งให้ยิ่ง ๆ ขึ้นต่อไปในอนาคต
ทางภาควิชาฯ ยังได้เชิญ ดร.กะปุ๋ม อาคันตุกะ ดินแดนที่ราบสูง เป็นคนยโส โดยกำเนิด กินน้อย นอนน้อย ทำงานมาก และชอบการออกกำลังกาย มาชี้ชวนให้บุคลากรได้รู้จักตนเอง โดยเฉพาะรู้จักจิตของตนเอง ซึ่งจะส่งผลทำให้เราได้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น ซึ่งเมื่อเข้าใจคนอื่นมากขึ้นแล้ว ย่อมส่งผลทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุข
โดยในช่วงแรกของการสัมมนา คุณหมอปารมี
ได้กล่าวเปิดการสัมมนา ในบรรยากาศสบาย ๆ คุณหมอได้กล่าวว่า "ภาควิชาพยาธิ- เป็นภาควิชาที่ใหญ่ เปรียบเสมือนวงออเครสตร้า ซึ่งประกอบด้วยเครื่องดนตรีหลายชิ้น ซึ่งจะต้องทำงานประสานกัน
การทำงานบางครั้งเหน็ดเหนื่อย แต่ถ้าเราได้ย้อนกลับมาดู จะพบว่า เราอาจมัวทำแต่งาน จนลืมดูใจตัวเอง
ต่อไปนี้เราจะมุ่งเน้นการดูแลจิตใจที่เหนื่อยล้าจากทางกายภาพมากขึ้น ถ้าเรามีทั้งใจและกายที่แข็งแรง จะทำให้งานของเรา ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน ตลอดจนชีวิตส่วนตัว ดีขึ้น ซึ่งคาดหวังว่า ทุกคนจะได้รับ ประสบการณ์ดี ๆ ทั้งใจ และกาย จากการสัมมนาในครั้งนี้
จะเป็นประสบการณ์ที่ดี ๆ แบบไหน คอยติดตามอ่านในตอนต่อไปนะคะ
ต่อไปนี้เราจะมุ่งเน้นการดูแลจิตใจที่เหนื่อยล้าจากทางกายภาพมากขึ้น ถ้าเรามีทั้งใจและกายที่แข็งแรง จะทำให้งานของเรา ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน ตลอดจนชีวิตส่วนตัว ดีขึ้น
ชื่ชม...ชื่นชอบ....ชุมชนพยาธิ.....ชุมชนแห่งคุณภาพ.....และ อ.หมอปารมี....
รออ่านเรื่องเล่าดี ๆ ต่อนะคะ "คุณแป๊ด"
คำกล่าวนี้...เราอาจมัวทำแต่งาน จนลืมดูใจตัวเอง
ผมเจอเข้าเต็ม ๆ ...
ยังดีที่มีกำลังใจจากชาวบล็อกและคนใกล้ตัวที่บ้านเกิด เลยพลอยได้พลิกฟื้นกลับมาได้เร็ว...
คุณรัตติยาเริ่มบันทึกแรกจากงานสัมมนาภาควิชาพยา-ธิ ด้วยบทบาท คุณลิขิตอาสา ได้น่าประทับใจมากๆ ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอปารมี
จะทยอยขึ้นเรื่อย ๆ นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีครับ