ทำดี(หรือมีดี)แบบนี้ อายุขัยเพิ่มกี่ปี


คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐฯ พบว่า พันธุกรรมหรือยีนส์มีผลต่ออายุขัยของคนเราประมาณ 25% หรือ 1 ใน 4 น้อยกว่าปัจจัยอื่นๆ เช่น พฤติกรรม การมองโลก(แง่ดีหรือร้าย) สิ่งแวดล้อม ฯลฯ

จดหมายข่าวสุขภาพเอธนา (Aetna intelihealth) ทางอินเตอร์เน็ต มีลิ้งค์ไปยังเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับอายุขัย ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ…

คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐฯ พบว่า พันธุกรรมหรือยีนส์มีผลต่ออายุขัยของคนเราประมาณ 25% หรือ 1 ใน 4 น้อยกว่าปัจจัยอื่นๆ เช่น พฤติกรรม การมองโลก(แง่ดีหรือร้าย) สิ่งแวดล้อม ฯลฯ

ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออายุขัยของเราปรากฏดังตาราง (ตารางที่ 1)

ตารางที่ 1: แสดงปัจจัยที่มีผลต่ออายุขัย

  <table border="1" cellspacing="1" cellpadding="7" width="347"><tbody>

ปัจจัย

อายุขัยเพิ่มขึ้น (ปี)

การมองโลกแง่ดี

7.6 ปี

ความดันเลือดต่ำ (ไม่สูง)

เท่ากับหรือน้อยกว่า 4 ปี

ไขมันในเลือด / โคเลสเตอรอลต่ำ

เท่ากับหรือน้อยกว่า 4 ปี

น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

1-3 ปี

ออกกำลังสม่ำเสมอ

1-3 ปี

</tbody></table><p></p>อาจารย์ท่านแนะนำว่า คนที่มองโลกในแง่ดีไม่ใช่คนที่ชีวิตไม่มีวิกฤตอะไร ทว่า… เป็นคนที่มีแบบแผนในการใช้ชีวิตที่ดีได้แม้เมื่อเผชิญหน้าวิกฤต <p>ตัวอย่าง เช่น เมื่อไฟไหม้บ้าน… คนที่มองโลกในแง่ร้ายมีแนวโน้มจะเสียใจไปนาน บางทีเลยพาลทำร้ายคนรอบข้าง เช่น ทุบตีคนในครอบครัว ฯลฯ หรือทำร้ายตัวเอง เช่น กินเหล้า ฯลฯ</p>

ขณะที่คนมองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มจะหาทางแก้ไข เช่น อยู่อย่างเรียบ ง่าย ประหยัด หารายได้พิเศษ ฯลฯ

อาจารย์ท่านบอกว่า คนมองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มจะคิดอย่างนี้…

  • ยอมรับว่า วิกฤตการณ์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต… ไม่ใช่มีเราคนเดียวที่ต้องทุกข์ยากลำบาก คนอื่นก็มีเรื่องทุกข์ยากลำบากเช่นกัน
  • เมื่อมีวิกฤตการณ์ผ่านเข้ามา… มันก็จะผ่านไป คนมองโลกในแง่ดีคิดคล้ายเติ้ง เสี่ยว ผิงที่กล่าวว่า "หลังพายุ ท้องฟ้าจะแจ่มใส" ส่วนคนมองโลกในแง่ร้ายคิดว่า "หลังพายุ จะมีพายุลูกต่อไปอีก"

  • คนมองโลกในแง่ดีของหา "โอกาส" ในท่ามกลางวิกฤต… เมื่ออายุมากขึ้นก็มองว่า มีโอกาสทำอะไรดีๆ ได้มากขึ้น หรือมองหาตัวอย่างคนที่ประสบความสำเร็จในวัยสูงอายุ เช่น คนที่ทำงานอาสาสมัครช่วยเหลือสังคม คนที่หางานอดิเรกทำ ฯลฯ
  • คนมองโลกในแง่ดีรู้จักเลือกคบคน… ไม่คบคนพาล เช่น คนที่วันๆ ได้แต่บ่นว่า "นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ดี" ฯลฯ และคบคนดี เช่น คนที่ศึกษาเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ตลอดชีวิต ฯลฯ ตลอดจนรวมกลุ่มกันเป็นเครือข่ายทางสังคม (social network) เพื่อทำอะไรดีๆ

ผู้เขียนสังเกตว่า คนที่มองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มจะกล่าวคำ "ขอบคุณ-ขอบใจ ขอโทษ" และชื่นชมคนรอบข้างบ่อยกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้าย

ขอเรียนเสนอให้ฝึกอะไรง่ายๆ อย่างหนึ่งคือ ฝึกชมคนรอบข้างให้ได้อย่างน้อยวันละครั้ง และค่อยๆ ทำเพิ่มขึ้นจนเป็นนิสัย

เวลาชมคนรอบข้างให้ชมออกมา "ดังพอประมาณ" ให้คำชมนั้นหลุดออกมาเป็นถ้อยคำ หรือลายลักษณ์อักษร

เวลาชมคนอื่นควรชมอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อให้เจตนา หรือความตั้งใจในการชมมีกำลังมากขึ้น สังเกตดูนะครับ… เวลาพระท่านกล่าวสาธุถูกแบบแผน ท่านจะกล่าว 2-3 ครั้ง เวลาเวียนเทียนหรือเดินประทักษิณ เวียนขวาแสดงความเคารพพระเจดีย์ เราจะเดิน 3 รอบ

เวลาชมตัวเองควรชมในใจ… ถ้าชมออกมาดังๆ คนอื่นอาจจะหมั่นไส้ หรือไม่พอใจได้ ดีไม่ดีอายุขัยเลยไม่เพิ่มอย่างที่ตั้งใจไว้

ขอแนะนำ...                                                    

ขอแนะนำ...                                                    

  • รวมเรื่องสุขภาพ > "ทำอย่างไร อายุยืนอย่างมีคุณภาพ" 
  • [ Click - Click ]
  • ขอแนะนำบล็อก > "บ้านสาระ"
  • http://gotoknow.org/blog/talk2u

    แหล่งที่มา:                                       

</font>

หมายเลขบันทึก: 87560เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2007 15:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณค่ะที่อาจารญ์สรรหาแต่ความรู้/เทคนิกในการดูแลสุขภาพที่ดีๆมาให้กันอยู่เสมอ...และที่ดีใจมากๆหลังอ่านบันทึกจบก็คือหนูเพิ่งรู้ว่าการรักษาจิตใจให้แจ่มใสมองโลกในแง่ดีนี่ทำให้อายุยืนยาวกว่ารักษาน้ำหนักตั้ง5.4ปีเลยทีเดียว...

ขอขอบคุณ... คุณ seangia และท่านผู้อ่านทุกท่าน

  • เรื่องนี้น่าสนใจมาก...
  • การมองโลกในแง่ดีมีส่วนช่วยเพิ่มอายุขัยได้ถึง 7.6 ปี
  • เรียกว่า กินขาดปัจจัยอื่นๆ เช่น ออกกำลัง ความดันเลือดสูง ฯลฯ ทีเดียว

ขอให้พวกเรามีความสุข และมองโลกในแง่ดีกันทุกท่านทุกคนครับ...

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท