สวัสดีครับ
วันนี้เอาแบบง่ายๆ คือถามความเห็นเรื่องวิชาคณิตศาสตร์นะครับ เพราะเชื่อว่าทุกคนได้เรียนกันมาทุกคนนะครับ ลองย้อนนึกไปยังช่วงเวลาอนุบาลหรือ ประถมศึกษานะครับ มองย้อนขึ้นมาหาปัจจุบันครับ แล้วลองตอบคำถามเหล่านี้ดูนะครับ เล่นๆ แต่เอาจริงครับ คำถามมีอยู่ -3 ข้อ ว่า
นิยาม หลงรักคือ รัก ชอบ สนุก ท้าทาย ที่ไม่ใช่แปลว่าเกลียดนะครับ
1. คุณเริ่มหลงรักวิชาคณิตศาสตร์ ตอนไหน เมื่อไหร่ เพราะอะไรครับ
2. ตอนนี้คุณยังชอบวิชาคณิตศาสตร์อยู่หรือเปล่า เพราะเหตุใด
3. คุณคิดว่าควรจะมีการปรับปรุงการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์อย่างไร ถึงจะนำไปสู่การต่อยอดของเด็กในอนาคต
สำหรับตัวผมกับคณิตศาสตร์ ไปอ่านได้ที่ คุ้ยทริคที่สอง สอนลูกอย่างไรให้รักคณิตศาสตร์
ขอบคุณมากนะครับ
เม้ง
เอ๋...ตอบไงดีเนี่ย...ไม่รู้ว่าเข้ากันกับคำถามป่าว.. อิอิ
1 รักตอนไหนไม่รู้...รู้แต่ว่า มีคนชมว่า นับเก่ง ชอบนับทุกอย่างที่ขวางหน้ามาตั้งแต่เด็กๆค่ะ ตั้งแต่ยังไม่รู้จักคำว่า คณิตศาสตร์อ่ะ
2 ทุกวันนี้ก็ยังชอบนับค่ะ โดยเฉพาะเงิน อิอิ แต่นับยังไงก็ไม่พอกพูนเลย มีแค่พอประทังชีวิตตนเองและครอบครัว 555 ไม่ได้เรียนบัญชี แต่พี่ก็ทำบัญชีไม่แพ้ใครน๊า...พวกบัญชีง่ายๆ เรื่องดุลย์ตัวเลข 2 ฝั่งอ่ะ พอจะทำได้จ้า..
3 อื้ม...ไม่รู้นะ ไร้ตรงคำถามป่าว แต่จะตอบแบบนี้ อิอิ ช่วงที่มีหลานสาว ก็จะชวนให้เขานับ เช่น ขนมมีกี่ถุง ลูกอมสีแดงมีกี่เม็ด สีอื่นๆกี่เม็ด ให้จัดหมวด และให้กินสีที่เยอะๆสลับกับสีน้อย แต่คนโต ดูจะชอบศิลปะมากกว่า เพราะนับเลขไม่ค่อยเก่ง บวกลบ ที่กินไปก็ไม่ค่อยแม่น แต่ถ้าถามเรื่องสี เขาจะแยกออกได้แม้กระทั่งสีอ่อน สีจาง และสีเข้ม ไล่ระดับสีดีค่ะ รู้ด้วยว่า สีอะไรควรระบายรูปอะไร
แต่หลานสาวคนเล็ก ชอบนับและชอบโกงลูกอม มีแอบซ่อน จำทะเบียนรถได้ ตั้งแต่นับเลขไม่ครบสิบ
ขอบคุณมากครับพี่หนิง
สวัสดีค่ะคุณเม้ง
จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังสนุกกับคณิตศาสตร์อยู่นะคะ..ถึงแม้จะได้ใช้เพียงแค่ตอนคิดเงินก็ตาม ( นี่อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้สนุก ^ ^ )
1. หลงรักตอนไหน..จำไม่ได้ค่ะ เดาว่าน่าจะเป็นตอนเรียนการบวกเพราะตอนนั้นจะสนุกกับการได้รู้ว่าจำนวนมีไม่สิ้นสุด แถมยังไม่คงที่อีก ( ชอบเวลาบวกเพราะกองของมันเยอะขึ้น แต่เวลาลบกองของมันน้อยลง )2. ตอนนี้ก็ยังเพลินและสนุกกับคณิตศาสตร์อยู่ค่ะ ( เช่นการนับเลข หรือการนับจำนวนธนบัตรเป็นต้น )3. ควรสอนยังไง..ก่อนอื่นคงต้องเริ่มที่คุณครู..ต้องรักและเข้าใจคณิตศาสตร์รวมทั้งรักและเข้าใจเด็กด้วย..ส่วนการสอนถ้าเป็นอนุบาลสอนแบบคุณหนิงค่ะ คือทำให้เห็นเป็นรูปธรรม..ส่วนชั้นประถมทำให้เห็นเป็นรูปธรรมร่วมกับจินตนาการ+เริ่มวางพื้นฐานการเชื่อมโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่น..ส่วนมัธยม เพิ่มคุณประโยชน์และการประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์จำได้ว่าคุณครูคนแรกที่พลิกมุมมองคณิตศาสตร์ให้เบิร์ดท่านสอนว่าคณิตศาสตร์คือจินตนาการ ..ซึ่งในทางการเรียนรู้ถ้าใช้สมอง 2 ซีกจะทำให้การเรียนรู้ดียิ่งขึ้น..ก็น่าจะจริงเพราะตอนอยู่ ม.ต้นเป็นรองประธานชมรมคณิตศาสตร์ของ ร.ร ค่ะ ฮี่ ฮี่
สวัสดีครับคุณเบิร์ด
1. คุณเริ่มหลงรักวิชาคณิตศาสตร์ ตอนไหน เมื่อไหร่ เพราะอะไรครับ
ตอนผมอยู่ประถม อ่อนคณิตศาสตร์มาก ๆๆๆ อยู่โหล่สุดของชั้น แล้วทะลุไปอีกหน่อย
มาเปลี่ยนเป็นชอบ ตอนอยู่มัธยมศึกษา 1 (รุ่นโบราณครับ ชื่อยังงี้) เพราะปิดเทอม พี่ชายผมช่วยสอนปรับพื้นฐานให้ใหม่ อาศัยว่าผมขยันทำโจทย์มาก ก็เริ่มแซงเพื่อในชั้นไปได้นิดหน่อย ถัดมาปีนึง ก็เริ่มเรียนล้ำชั้นไปปีนึงตลอด
มาตกม้าตายตอนอยู่ ม.ปลายครับ เจอ abstract math แล้วไม่มีครูช่วยชี้แนะ ฝ่าทางตันไม่ได้ สมัยนั้นไม่รู้ว่าเป็นปัญหาประเภท abstract math ก็เลยแหง็กอยู่แค่นั้นมาตลอด (แต่ตอนนั้นพื้นฐานผมอยู่ระดับปี 1) ตอนนี้แม้จะรู้ แต่ก็หมดความกระตือรือล้นไปเรียบร้อย
2. ตอนนี้คุณยังชอบวิชาคณิตศาสตร์อยู่หรือเปล่า เพราะเหตุใด
ยังชอบอยู่ครับ ผมมองว่าด้วยหลายเหตุผล
1. การใช้ประโยชน์
ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายให้มากความ
วันนี้เห็นข่าวว่าฝรั่งจะยก computational skill เป็นทักษะสังคมยุคใหม่ ก็แสดงว่าเขาเพิ่งเห็นประโยชน์ไล่ตามที่คุณเม้งเห็นแบบตามติด
2. เป็นการฝึกสมอง เป็นงานอดิเรกที่ไม่ต้องใช้อะไรเลย
3. คุณคิดว่าควรจะมีการปรับปรุงการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์อย่างไร ถึงจะนำไปสู่การต่อยอดของเด็กในอนาคต
เรื่องนี้ยาวครับ แต่ตอนนี้คิดไม่ออก
สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ wwibul
สวัสดีครับคุณราณี
สำหรับผม..
ผมคิดว่าแรงจูงใจที่ทำให้ผมหันมาสนใจคณิตศาสตร์ ก็เพราะคุณครูอะครับ ...
คือตอนมัธยมต้น ผมจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ จำได้ว่าตอนเกรดออก.... ผมได้แค่เกรดหนึ่งเอง ซ้ำร้ายยังโดนคุณครูเขียนคอมเม้นต์ลงไปอีกว่า เรียนวิชาคณิตศาสตร์แย่มาก ๆ ....ซึ่งผมอยากจะบอกคุณครูว่าคุณครูคิดผิด .และนี่หละครับเป็นแรกผลักดัน ทำให้ผมแสดงให้คุณครูเห็นเลยหละว่าคณิตศาสตร์ของผมหนะอันดับหนึ่งเลยหละ ..คือตั้งแต่นั้นมาคณิตศาสตร์ของผมก็สี่ตลอด
แล้วในเวลาต่อมา วิชานี้ก็ทำให้ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐได้ครับ (แหะๆ)
สวัสดีครับ คุณ LoiBustian
คุณเม้ง...
มาต่อข้อ 3 ที่ค้างไว้ เมื่อคืนตอบตอนง่วงนอน ขี้เกียจคิดมาก
จะทำให้เด็กชอบคณิตศาสตร์ ผมมองว่า ควรทำดังนี้
1. (ข้อนี้ลอกมาจากละคช่อง 3 เรื่อง โทน เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยลองเอาไปใช้กับเด็ก ดูเมือพอจะได้ผล แต่ขนาดการสุ่มตัวอย่างน้อยไป ยังสรุปทางสถิติได้ 'ไม่คม')
ให้เด็กทั้งชั้นว่าตามคุณครู ทุกต้นและปลายชั่วโมงสอน
"คณิตศาสตร์...มันง่าย !"
อย่าเพิ่งหัวเราะนะครับ ความยากของคณิตศาสตร์พื้นฐาน อยู่ตรงกำแพงในใจที่เรามองไม่เห็น การปลุกปลอบใจให้ฮึกหาญก่อนเรียน น่าจะมีส่วนช่วยการทำลายกำแพงในใจนั้ออก
2. ครูสอนต้องเก่ง แต่ไม่ต้องสอนเยอะ ไม่ต้องสอนติวแบบป้อน คือเน้น concept ให้เข้าใจประเด็น พร้อมตัวอย่างนิดหน่อย แล้วที่เหลือ 90-99 % คือการฝึกทำโจทย์ อย่างกรณีผมเอง ผมไปหาโจทย์จากหนังสือ A school algebra ของ Hall มาทำเพิ่มด้วย
ส่วนที่ยากก็ตือ จะมีวิธีจูงใจยังไงให้เห็นว่าโจทย์ทำด้วยตัวเอง สำคัญกว่าการติว ? ส่วนน้ีแก่้้ยากมาก ๆ
3. abstract math หากลงรายละเอียด อาจไม่เหมาะกับเด็กเล็กเท่าไหร่ เพราะมีแนวโน้มทำให้กลายเป็นวิชาท่องจำไปเลยได้ง่าย ควรมาสอนตอนโตขึ้นมาหน่อย
4. ควรมีการสอนคิดในใจบ้างสำหรับเด็กเล็ก สิ่งที่จะได้ ผมมองว่าคือการกระตุ้นเซลล์สมองครับ แล้วจะทำให้เวลาโตเป็นผู้ใหญ่ จะพอช่วยตัวเองได้บ้างในเรื่องการคิดเลข อย่างน้อยเวลาฉุกละหุกก็ไม่ต้องกลัวโดนหลอก ประเด็นนี้ไม่ควรเน้นมาก เพราะไม่ใช่สาระหลัก แต่ต้องมีบ้าง
คืออย่าไปหวังว่าคิดในใจแล้วทำให้เป็นอัจฉริยะ ควรหวังเพียงเป็นยาป้องกันไม่ให้โง่เร็วก่อนวัยอันควรมากกว่า
5.
ตัวกระตุ้นที่ดีคือเมื่อมีโจทย์ดี ๆ ที่ทำให้เด็กรู้สึกตื่นตาตื่นใจว่า โห คณิตศาสตร์น่าเรียนอย่างนี้เชียวกรือ อย่างที่คุณเม้งทำอยู่ตอนนี้ ผมก็ว่าใช่นะ
เพียงแต่อาจต้องเขียนขยายความหน่อย สำหรับกลุ่มผู้อ่านเด็ก ผมเองลงทุนเปิดบล็อกสำหรับเด็กไว้ด้วย สอนพวกเรื่องสัพเพเหระที่เป็น "ทรัพยากรก้นถุง"สมัยก่อน ผมเองทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าคุณเม้งจะทำได้ดีกว่ามาก ๆ ๆ ๆ
(อือม์..ผมว่าที่ผมทำได้ดีมาก น่าจะเป็นวิทยายุทธมัดมือมัดเท้าใช้งานคุณเม้งนี่แหละ 555)
สวัสดีครับพี่เม้ง
มาตอบคำถามครับ
ข้อที่หนึ่ง ชอบตอนไหน
ชอบตอนไหนไม่ทราบครับ รู้แต่ว่าเกลียดตอนไหน 5555
สมัยก่อนคุณแม่เคยจ้างอาจารย์มาสอนครับตอนเด็กๆชั้นประถม ประมาณว่าอาจารย์มาสอนลูกคุณลุง คุณแม่เห็นว่าว่างจะมามัวเล่นเกมส์ เลยส่งไปเรียน ไปเรียนเลขกับอังกฤษสองวิชา
ตอนเรียนพิเศษ ก็ทำถูกหมดครับ แต่พอถูกบ่อยๆอาจารย์คงไม่รู้จะสอนอะไรมั้งครับ มาให้คัดเลขแทนบอกว่าเขียนเลขไม่สวย เลยเกลียดครับ 555
ตอนนั้นเลยชอบภาษาอังกฤษมากกว่ามาก เพราะพอทำได้ ทำถูก แล้วอาจารย์เปลี่ยนเล่มให้ทำครับ ไม่มีการมานั่งคัดลายมือ
ตั้งแต่นั้นมาก็เฉยๆครับทำได้บ้าง ถูกบ้าง ผิดบ้าง คิดออกบ้าง แต่ก็ชอบตรงที่มันมีกระบวนการการคิดนะครับ
ข้อสอง ยังชอบอยู่หรือเปล่า
ก็เรียนเกี่ยวกับเลขมาตลอดครับ ชอบไหมก็สนุกดีนะครับ แล้วยิ่งหลังๆมานั่งอ่านเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาด้วยยิ่งชอบยิ่งสนุกครับ
กะว่าว่างๆจะเอามานั่งอ่านแบบตั้งใจใหม่ครับ
ข้อสาม อาจารย์สอนยังไง
ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ wwibul ที่บอกว่าต้องสร้างใจให้ฮึกเหิมก่อน รวมไปถึงคอมเม้นต์อื่นๆของอาจารย์ด้วยครับ
แต่ผมมีแถมเรื่องหนึ่งครับ ผมว่าอาจารย์สมควรให้เด็กเขียน Flow Chart แสดงการแก้ปัญหาครับ การเขียน Flow Chart นั้นเป็นการฝึกสอนให้เด็กคิดอย่างมีกระบวนการ แล้วก็ทำให้เด็กนั้นมองเห็นเป็น concept ของการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ครับ
อีกเรื่องคือ อาจารย์ที่สอนในคณิตศาสตร์สอนแต่คณิตศาสตร์ครับ แล้วก็จบที่ตรงนั้นครับ การไม่เห็นภาพต่อ ทำให้เด็กมองไม่เห็นถึงความสำคัญของคณิตศาสตร์ได้ครับ สังเกตได้ว่าเด็กนั้นสนใจจะเรียน applied science มากกว่าจะเป็น pure science ครับ อย่างเช่นวิศวกรรมศาสตร์เป็นต้น
ผมคิดว่าเพราะ applied science มันเห็นภาพง่ายกว่าชัดกว่า มีของให้เห็น แต่เลขตอนที่เรียนมัธยมนั้น มันเหมือนไม่เห็นอะไรเลยครับ
ยกตัวอย่างนะครับ เลข ม 6 เรื่องสถิติ ที่เราเรียนเรื่อง Normal Distribution หาค่า Z นะครับ ตอนนั้นผมไม่เคยรู้หรอกครับว่า หาไปทำไม
แต่พอเรียนมาถึงตรงนี้ ถึงได้รู้ว่า Normal Distribution นี่เจ้าพ่อวงการบันเทิงเลยครับ เพราะว่า central limit theorem บอกว่า การกระจายของ mean เป็น normal
แล้วทำให้เกิดการเริ่มต้น Quality Control ขึ้นมา 6-Sigma ก็มาจากไอ้ Normal Distribution นี่แหละครับ ที่เอาใช้ในการควบคุมกระบวนการผลิต
แต่ในเมื่อนักเรียนไม่รู้ ไม่เห็นภาพ เขาก็อาจจะไม่เข้าใจได้ครับว่า แล้วมันเอาไปไว้ทำอะไรหรอ บางทีคุณครูเองก็อาจจะไม่ทราบด้วยว่า แล้วไอ้ที่เขาสอนมา เอาไปทำอะไรได้บ้าง ก็เลยอาจจะไม่เห็นภาพไปด้วยครับ
ผมว่าถ้าจะให้ดีนะครับ คุณครูต้องมีการอบรมครับ (อบรมอีกแล้ว) อบรมเพื่อให้ตัวเองนั้นก้าวทันไปกับวิทยาการ และการประยุกต์ใช้ของศาสตร์ที่ตัวเองสอนครับ เช่นทุกๆ ห้าปี ก็มาดูว่า ตอนนี้วิชาที่เราสอนนั้นมีอะไรใหม่ อะไรที่จับต้องได้ จะเอามาแทรกในบทเรียนอย่างไร หรือไม่ก็อาจจะให้เด็กไปทำรายงานก็ได้ครับ
ผมว่าถ้าคุณครูใส่ใจ ว่าในบทเรียนนั้น เราสามารถเอาไปใช้ได้ยังไงจริงๆ ผมว่าคณิตศาสตร์มันคงสนุกขึ้นเยอะเลยครับ เพราะว่าเลขนั้นมีอยู่มากมายจริงๆ
ปล เห็นด้วยกับอาจารย์ wwibul (อีกแล้ว) ที่ให้พี่เขียนบล็อกเรื่องเลขบ่อยๆครับ :D
เรื่องที่ต้นรับปากกับพี่นั้น ขอเวลาต้นนิดนึงครับ ต้นคิดว่าแนวที่ต้นอยากเขียน เป็นเหมือนเดิมครับ คือเล่าเรื่องครับ แต่ขอเวลาไปศึกษาก่อนนะครับพี่ :D