คุณเริ่มหลงรักหรือผลักหนีวิชาคณิตศาสตร์ตอนไหนครับ เพราะอะไรครับ


ลองย้อนนึกไปยังช่วงเวลาอนุบาลหรือ ประถมศึกษานะครับ มองย้อนขึ้นมาหาปัจจุบันครับ แล้วลองตอบคำถามเหล่านี้ดูนะครับ

สวัสดีครับ

         วันนี้เอาแบบง่ายๆ คือถามความเห็นเรื่องวิชาคณิตศาสตร์นะครับ เพราะเชื่อว่าทุกคนได้เรียนกันมาทุกคนนะครับ ลองย้อนนึกไปยังช่วงเวลาอนุบาลหรือ ประถมศึกษานะครับ มองย้อนขึ้นมาหาปัจจุบันครับ แล้วลองตอบคำถามเหล่านี้ดูนะครับ เล่นๆ แต่เอาจริงครับ คำถามมีอยู่ -3 ข้อ ว่า

นิยาม หลงรักคือ รัก ชอบ สนุก ท้าทาย ที่ไม่ใช่แปลว่าเกลียดนะครับ

1. คุณเริ่มหลงรักวิชาคณิตศาสตร์ ตอนไหน เมื่อไหร่ เพราะอะไรครับ

 

2. ตอนนี้คุณยังชอบวิชาคณิตศาสตร์อยู่หรือเปล่า เพราะเหตุใด

 

3. คุณคิดว่าควรจะมีการปรับปรุงการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์อย่างไร ถึงจะนำไปสู่การต่อยอดของเด็กในอนาคต

 

สำหรับตัวผมกับคณิตศาสตร์ ไปอ่านได้ที่ คุ้ยทริคที่สอง สอนลูกอย่างไรให้รักคณิตศาสตร์

ขอบคุณมากนะครับ

 เม้ง

หมายเลขบันทึก: 87385เขียนเมื่อ 29 มีนาคม 2007 16:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

เอ๋...ตอบไงดีเนี่ย...ไม่รู้ว่าเข้ากันกับคำถามป่าว.. อิอิ

1  รักตอนไหนไม่รู้...รู้แต่ว่า มีคนชมว่า นับเก่ง  ชอบนับทุกอย่างที่ขวางหน้ามาตั้งแต่เด็กๆค่ะ  ตั้งแต่ยังไม่รู้จักคำว่า คณิตศาสตร์อ่ะ

2  ทุกวันนี้ก็ยังชอบนับค่ะ   โดยเฉพาะเงิน  อิอิ แต่นับยังไงก็ไม่พอกพูนเลย  มีแค่พอประทังชีวิตตนเองและครอบครัว  555  ไม่ได้เรียนบัญชี แต่พี่ก็ทำบัญชีไม่แพ้ใครน๊า...พวกบัญชีง่ายๆ เรื่องดุลย์ตัวเลข 2 ฝั่งอ่ะ  พอจะทำได้จ้า..

3  อื้ม...ไม่รู้นะ ไร้ตรงคำถามป่าว  แต่จะตอบแบบนี้  อิอิ  ช่วงที่มีหลานสาว  ก็จะชวนให้เขานับ  เช่น ขนมมีกี่ถุง  ลูกอมสีแดงมีกี่เม็ด  สีอื่นๆกี่เม็ด  ให้จัดหมวด  และให้กินสีที่เยอะๆสลับกับสีน้อย  แต่คนโต ดูจะชอบศิลปะมากกว่า  เพราะนับเลขไม่ค่อยเก่ง บวกลบ ที่กินไปก็ไม่ค่อยแม่น  แต่ถ้าถามเรื่องสี เขาจะแยกออกได้แม้กระทั่งสีอ่อน สีจาง และสีเข้ม  ไล่ระดับสีดีค่ะ  รู้ด้วยว่า สีอะไรควรระบายรูปอะไร 

แต่หลานสาวคนเล็ก  ชอบนับและชอบโกงลูกอม  มีแอบซ่อน   จำทะเบียนรถได้ ตั้งแต่นับเลขไม่ครบสิบ

P

ขอบคุณมากครับพี่หนิง

  • ดีมากๆ เลยครับพี่ เป็นประโยชน์มากๆ ครับ
  • มีอะไรเพิ่มเติมมาเพิ่มได้เลยนะครับ ว่าแต่ว่าชอบนับเงินนี่ ลองนับวนเวียนดูครับ ได้เยอะๆ เองครับ หากต้องการ อิๆ
  • ขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะคุณเม้ง

 

จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังสนุกกับคณิตศาสตร์อยู่นะคะ..ถึงแม้จะได้ใช้เพียงแค่ตอนคิดเงินก็ตาม ( นี่อาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้สนุก ^ ^ )

 1.    หลงรักตอนไหน..จำไม่ได้ค่ะ  เดาว่าน่าจะเป็นตอนเรียนการบวกเพราะตอนนั้นจะสนุกกับการได้รู้ว่าจำนวนมีไม่สิ้นสุด แถมยังไม่คงที่อีก ( ชอบเวลาบวกเพราะกองของมันเยอะขึ้น แต่เวลาลบกองของมันน้อยลง )2.    ตอนนี้ก็ยังเพลินและสนุกกับคณิตศาสตร์อยู่ค่ะ ( เช่นการนับเลข หรือการนับจำนวนธนบัตรเป็นต้น )3.    ควรสอนยังไง..ก่อนอื่นคงต้องเริ่มที่คุณครู..ต้องรักและเข้าใจคณิตศาสตร์รวมทั้งรักและเข้าใจเด็กด้วย..ส่วนการสอนถ้าเป็นอนุบาลสอนแบบคุณหนิงค่ะ คือทำให้เห็นเป็นรูปธรรม..ส่วนชั้นประถมทำให้เห็นเป็นรูปธรรมร่วมกับจินตนาการ+เริ่มวางพื้นฐานการเชื่อมโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่น..ส่วนมัธยม เพิ่มคุณประโยชน์และการประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์

 

จำได้ว่าคุณครูคนแรกที่พลิกมุมมองคณิตศาสตร์ให้เบิร์ดท่านสอนว่าคณิตศาสตร์คือจินตนาการ ..ซึ่งในทางการเรียนรู้ถ้าใช้สมอง 2 ซีกจะทำให้การเรียนรู้ดียิ่งขึ้น..ก็น่าจะจริงเพราะตอนอยู่ ม.ต้นเป็นรองประธานชมรมคณิตศาสตร์ของ ร.ร ค่ะ ฮี่ ฮี่ 

 

P

สวัสดีครับคุณเบิร์ด

  • ขอบคุณมากเลยครับ
  • ยอดจริงๆ สาวนี้ ขอบคุณมากๆ เลยครับ สำหรับแนวคิด และแนวทางที่เคยเรียนรู้มาครับ
  • สงสัยต้องไปทำงานแบงค์ครับ รับรองนับกันสนุกแน่ครับ อิๆ
  • ตอนนี้ ตั้งคุณเบิร์ดเป็น ประธานสนับสนุนและเสริมสร้างแรงจูงใจรักคณิตศาสตร์และเครือข่ายในภาคเหนือ  เอาไหมครับ
  • ตั้งให้แล้วนะครับ ผสมกับแนวคิดทางจิตวิทยาที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ผนึกเอาเด็กให้หันมาจินตนาการวิชาเหล่านี้
  • พอเรียนสูงขึ้น ระบบการคิดของเด็กจะอยู่บนเหตุผลและมีภูมิคุ้มกันระดับหนึ่งได้ดีครับ
  • ขอบคุณมากนะครับ มอบตำแหน่งให้แล้วนะครับ
  • ประธานเครือข่ายสนับสนุนและเสริมสร้างแรงจูงใจรักคณิตศาสตร์ในภาคเหนือ 
  • สำหรับภาคอื่น แสดงความเห็นเข้ามานะครับ มีตำแหน่งรอเพียบครับ

1. คุณเริ่มหลงรักวิชาคณิตศาสตร์ ตอนไหน เมื่อไหร่ เพราะอะไรครับ

ตอนผมอยู่ประถม อ่อนคณิตศาสตร์มาก ๆๆๆ อยู่โหล่สุดของชั้น แล้วทะลุไปอีกหน่อย

มาเปลี่ยนเป็นชอบ ตอนอยู่มัธยมศึกษา 1 (รุ่นโบราณครับ ชื่อยังงี้) เพราะปิดเทอม พี่ชายผมช่วยสอนปรับพื้นฐานให้ใหม่ อาศัยว่าผมขยันทำโจทย์มาก ก็เริ่มแซงเพื่อในชั้นไปได้นิดหน่อย ถัดมาปีนึง ก็เริ่มเรียนล้ำชั้นไปปีนึงตลอด

มาตกม้าตายตอนอยู่ ม.ปลายครับ เจอ abstract math แล้วไม่มีครูช่วยชี้แนะ ฝ่าทางตันไม่ได้ สมัยนั้นไม่รู้ว่าเป็นปัญหาประเภท abstract math ก็เลยแหง็กอยู่แค่นั้นมาตลอด (แต่ตอนนั้นพื้นฐานผมอยู่ระดับปี 1) ตอนนี้แม้จะรู้ แต่ก็หมดความกระตือรือล้นไปเรียบร้อย 

2. ตอนนี้คุณยังชอบวิชาคณิตศาสตร์อยู่หรือเปล่า เพราะเหตุใด

ยังชอบอยู่ครับ ผมมองว่าด้วยหลายเหตุผล

1. การใช้ประโยชน์

ข้อนี้คงไม่ต้องอธิบายให้มากความ

วันนี้เห็นข่าวว่าฝรั่งจะยก computational skill เป็นทักษะสังคมยุคใหม่ ก็แสดงว่าเขาเพิ่งเห็นประโยชน์ไล่ตามที่คุณเม้งเห็นแบบตามติด

2. เป็นการฝึกสมอง เป็นงานอดิเรกที่ไม่ต้องใช้อะไรเลย

 

3. คุณคิดว่าควรจะมีการปรับปรุงการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์อย่างไร ถึงจะนำไปสู่การต่อยอดของเด็กในอนาคต

เรื่องนี้ยาวครับ แต่ตอนนี้คิดไม่ออก

P

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ wwibul

  • กราบขอบพระคุณทุกๆ คำตอบมากๆ นะครับ
  • ได้ประสบการณ์ ได้เรียนรู้ ได้อัพเดตข่าวด้วยครับ
  • ดีใจมากครับ ที่อาจารย์เข้ามาครับ
  • ตอนนี้ผมพยายามเชื่อมโยงทุกสาขาวิชาเข้ารวมกันแล้วอธิบายเป็นคณิตศาสตร์ถึงความสำคัญและที่มา ดั่งที่ผมเคยถามมาหลายวันในบันทึกก่อน ที่ท่านอาจารย์มาตอบนะครับ
  • ผมว่าเราต้องปูพื้นเด็กๆ ไว้ครับ เพื่อรองรับอนาคตข้างหน้าก่อนที่เราจะสายเกินไปครับ
  • กราบขอบพระคุณมากนะครับ
  • ถ้าหลงรักคณิตศาสตร์แบบเต็มๆ จริง ๆ ก้อ หลงรักตอนเรียนโท แล้วหล่ะ ไม่รู้ว่ามันจะช้าไปหรือป่าว เหตุผลที่ชอบก้อเพราะว่ายิ่งเรียนยิ่งสนุก โจทย์บางเรื่องขณะที่ค้นพบคำตอบของปัญหา ก้อจะพบปัญหาของคำตอบที่พบอีก หนุกหนาน บางทีก้อมั่วๆ ทฤษฎี บางทีทำผิดตั้งแต่ต้น ก้อต้องวกกลับไปคิดใหม่ ก้อเจ็บใจไปอีกแบบ อืมมม
  • ส่วนตอนเด็กๆ นั้น บอกตรงๆ นะว่า ไม่ได้รักหรือชอบแบบเฉยๆ หน่ะ แต่ด้วยความที่บ้านอยู่ใกล้โรงเรียน แล้วครูชอบไปนั่งเล่นที่บ้าน (ประมาณเป็นห้องพักครูกับห้องครัวเลย) มีไรครูก้อฟ้องบ้าน โดยเฉพาะวิชาเลข การบ้านทำผิดกี่ข้อที่บ้านรู้หมด แบบเป็นเด็กที่มีความอายอยู่มาก คิดแค่ว่าถ้าทำไม่ผิดก้อไม่มีเรื่องให้ครูล้อ เลยตั้งใจทำการบ้าน ถ้าถามว่าสนุกไหม กับการ คิดเลข จำมาย่ได้แล้วหล่ะ แต่ เท่าที่จำได้คือคิดแค่ว่า รู้สึกถึงชัยชนะ เวลาที่ครูไม่มีไรมาล้อเรา ถ้าสนุกก้อตรง่นี้แหละมั่ง
  •  ส่วนตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง เพราะว่ารักมันนี่แหละ ถึงต้องลำบากขนาดนี้ ฮื่อๆๆๆๆๆๆๆๆ จริงๆ บอกตรงๆ เลยนะว่าเป็นคนขี้เกียจจะตายไป ไม่ใช่แค่เรื่องเรียนหรอก ทุกเรื่องเลย แต่ว่าไอ้เจ้าความอยากรู้อยากเห็นนี่ดันตามนิสัยขี้เกียจมาด้วย แย่จริงๆ เลยต้องรับกรรมไปตามระเบียบ ทีนี้จะให้ศึกษาเองก้อกระไรอยู่ ลำพังสมองน้อยๆ แบบเราทำคนเดียวคงไม่ได้ ศึกษาเองก้อคงยากน่าดู มีอาจารย์ที่ปรึกษา มีแหล่งข้อมูลให้ ก้อเข้าท่าดี นี่คือเหตุผลจริงๆ ท ีตัดสินใจเรียนต่อ แต่ไม่ได้เรียนคณิตศาสตร์หรอกนะ เรียนเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม
  •  จำได้ว่าเพื่อนกี่คนกี่คนก้องงกันเป็นแถวๆ พอบอกว่าจะเรียนสิ่งแวดล้อม ห้าๆๆ คณิตศาสตร์ประยุกต์ คณิตศาสตร์ประยุกต์ และคณิตศาสตร์ประยุกต์ิซิเท่ห์ดี นี่ดันมาเป็นสิ่งแวดล้อม เรียนทำไมอ่ะ เรียนตรงสาขาที่เรียนดีกว่าไหม ให้ความเห็นกันไปต่างๆ นาๆ มันมีผลต่อ... นะ ก้อออกความคิดเห็นกันไป เราไม่รู้หรอกว่ามีผลต่อไรมั่ง รู้แต่ว่าก้อคนมันอยากเรียนอ่ะ ที่สำคัญเราก้อไม่ได้ทิ้งซักหน่อย คณิตศาสตร์ เราเอามันมาใช้ด้วย แล้วคณิตศาสตร์เราก้อเรียนมาเยอะแล้ว น่าจะพอเอาตัวรอดจากความอยากรู้ได้แล้ว ถึงจะไม่ค่อยเก่งก้อเถอะนะ อืมมมมม คอมพิวเตอร์งูๆปลาๆ + คณิตศาสตร์งูๆปลาๆ + ความรู้ทางบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมงูๆ ปลาๆ ก้อหรูหราพอแล้วหล่ะ อิๆๆๆ
  • อืมมยังไม่ได้ต่อยอดเลยอ่ะ เอ ว่าแต่ว่าปรับปรุงอย่างไรเนี่ย ให้มองในมุมมองของใครคะครูหรือว่าพ่อแม่หรือว่าใคร ไม่ตอบล่ะกันพิมพ์ยาวแล้ว จบดีกว่า
  • สวัสดีครับ น้องลีย์
  • เพิ่งมาหลงรักคณิตศาสตร์ตอนโทนี่เอง
  • ถามว่าสายไหม ไม่มีสายครับ สำหรับการชอบและการทำ ศึกษา การเรียนรู้
  • เรื่องการเรียน ป เอก เรื่องใดๆ ก็จะเชื่อมกันได้ ด้วยคณิตศาสตร์ครับ ใช่ไหมครับ
  • สิ่งที่ว่า งูๆปลาๆ นั่นคือ การบูรณาการครับ ระหว่างงูกับปลาเข้าด้วยกัน ทำให้ทำงานระหว่างงูและปลาเข้าด้วยกันได้ครับ
  • เหมือนที่เค้าบอกว่า เราเรียนคณิตศาสตร์ประยุกต์แล้วเป็นเป็ดไงครับ คณิตศาสตร์ สถิติและ คอมพิวเตอร์ แต่นั่นคือการบูรณาการครับ แล้วไปจับสาขาอื่นๆ ที่เป็นปัญหาครับ
  • ขอให้โชคดีครับผม
  • สวัสดีค่ะคุณเม้ง หลงรักตอนเด็ก ๆ เรียนวิชาเลขคณิตคิดในใจค่ะ สมัยนี้ไม่มีค่ะ 
  • ตอนหลังไม่ชอบเพราะสอนไม่รู้เรื่องและไม่ให้ถามเพราะเขาจะรีบสอนๆๆๆ เพื่อที่จะให้หมดชั่วโมงและไม่ยอมให้ถาม
  • ทำให้ราณีไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์เลยค่ะจวบจนทุุกวันนี้ เพราะเรียนไม่รู้เรื่องนั่นเอง
  • แต่อย่าสงสัยนะค่ะแล้วทำไมสอนวิชาบัญชีได้เพราะวิชา บ้ญชีเขาใช้หลักการ ขอเพียงแต่ บวก ลบ คูณ หาร เป็นและนำมาประยุกต์กับหลักการเท่านั้นเองค่ะ(เมื่อก่อนก็เกลียดวิชาบัญชีเหมือนกัน)
  • เขาบอกว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น55555
P

สวัสดีครับคุณราณี

  • ขอบคุณมากครับ สบายดีนะครับ ยังอยู่ กทม หรือครับ
  • หลายคนที่ผมรู้จัก ไม่ชอบเพราะผู้สอนครับ
  • แต่ดีแล้วครับ มาสอนบัญชี ทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราเคยเรียนมันมีข้อบกพร่องตรงไหน เราจะได้สอนเด็กได้เข้าใจครับ ผมว่าดีมากๆ เลยครับ
  • เกลียดอะไรได้อย่างนั้น อิๆๆ ไม่ขนาดนั้นครับผม
  • ตอนนี้คุณครูราณีก็ทำดีที่สุดแล้วผมครับ
  • ขอให้สนุกในการทำวิจัยนะคับ
  • ยังอยู่กทม. อยู่ค่ะ
  • ตอนนี้ต้องเปลี่ยนความคิดเด็กค่ะ
P
  • ครับ ให้เด็กชอบคณิตศาสตร์หรือเปล่าครับ
  • หากใช่ ยอดเยี่ยมมากๆ นะครับ
  • ยังตอบไม่เสร็จมือพลาดไปโดนค่ะ
  • ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนความคิดเด็กที่ไม่ชอบตัวเลข แล้วพาลมาไม่ชอบวิชาบัญชีไปด้วย ต้องสอนช้า ๆ และใส่ใจเด็กเยอะ ๆ พร้อมทั้งต้องให้กำลังใจเขาเยอะ ๆ เหมือนกันค่ะ คือต้องชม
  • อยากให้วิชาเลขคณิตคิดใจใจกลับมามีในหลักสูตรปัจจุบันค่ะ เพราะเด็กสมัยนี้คิดไม่เป็นเลย เอะอะอะไรก็หยิบเครื่องคิดเลขมาจิ้ม แถมจิ้มผิดจิ้มถูก
  • ใส่อารมณ์ไปไหมเนี่ย ฮ่า ๆๆๆๆ
  • อ้อ คุณเม้งมีอัลบั้มรูปทั้งหมดกี่รูปค่ะเนี่ย มีตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่าค่ะเนี่ย5555
P
  • แหน่ มีแซวด้วย
  • เห็นด้วยนะครับ ที่จะสอนให้เด็กชอบคิด เลข แทนการใช้การจิ้มๆอย่างเดียว
  • ดีครับ จะได้ช่วยผมทำงานในส่วนนี้ด้วยครับ เรื่องสร้างแรงจูงใจให้เด็กชอบเลขครับ
  • ช่วยๆ กันจากหลายๆ ที่ ในเมืองไทยครับ
  • อัลบั้ม ห้าๆ ไม่มีครับผม เปลี่ยนไปเล่นๆ สนุกๆ ครับ ไม่มีไรครับ
  • อิๆๆ

สำหรับผม..
ผมคิดว่าแรงจูงใจที่ทำให้ผมหันมาสนใจคณิตศาสตร์ ก็เพราะคุณครูอะครับ ...
คือตอนมัธยมต้น ผมจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่   จำได้ว่าตอนเกรดออก.... ผมได้แค่เกรดหนึ่งเอง   ซ้ำร้ายยังโดนคุณครูเขียนคอมเม้นต์ลงไปอีกว่า เรียนวิชาคณิตศาสตร์แย่มาก ๆ      ....ซึ่งผมอยากจะบอกคุณครูว่าคุณครูคิดผิด .และนี่หละครับเป็นแรกผลักดัน ทำให้ผมแสดงให้คุณครูเห็นเลยหละว่าคณิตศาสตร์ของผมหนะอันดับหนึ่งเลยหละ   ..คือตั้งแต่นั้นมาคณิตศาสตร์ของผมก็สี่ตลอด

 แล้วในเวลาต่อมา     วิชานี้ก็ทำให้ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐได้ครับ   (แหะๆ)

P

สวัสดีครับ คุณ LoiBustian

  • ยินดีต้อนรับนะครับ
  • ดีจังครับ อ่านประสบการณ์ของคุณแล้ว ดีมากๆ เลยครับ แล้วยอดเยี่ยมที่คุณสู้และพิสูจน์ให้เห็นครับ
  • แล้วนำพาตัวเองไปสู่จุดหมายได้
  • ขอให้มีความสุขในการทำงานนะครับ แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันตลอดไปนะครับ

คุณเม้ง...

มาต่อข้อ 3 ที่ค้างไว้ เมื่อคืนตอบตอนง่วงนอน ขี้เกียจคิดมาก

จะทำให้เด็กชอบคณิตศาสตร์ ผมมองว่า ควรทำดังนี้

1. (ข้อนี้ลอกมาจากละคช่อง 3 เรื่อง โทน เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยลองเอาไปใช้กับเด็ก ดูเมือพอจะได้ผล แต่ขนาดการสุ่มตัวอย่างน้อยไป ยังสรุปทางสถิติได้ 'ไม่คม')

ให้เด็กทั้งชั้นว่าตามคุณครู ทุกต้นและปลายชั่วโมงสอน 

"คณิตศาสตร์...มันง่าย !"

อย่าเพิ่งหัวเราะนะครับ ความยากของคณิตศาสตร์พื้นฐาน อยู่ตรงกำแพงในใจที่เรามองไม่เห็น การปลุกปลอบใจให้ฮึกหาญก่อนเรียน น่าจะมีส่วนช่วยการทำลายกำแพงในใจนั้ออก

2. ครูสอนต้องเก่ง แต่ไม่ต้องสอนเยอะ ไม่ต้องสอนติวแบบป้อน คือเน้น concept ให้เข้าใจประเด็น พร้อมตัวอย่างนิดหน่อย แล้วที่เหลือ 90-99 % คือการฝึกทำโจทย์ อย่างกรณีผมเอง ผมไปหาโจทย์จากหนังสือ A school algebra ของ Hall มาทำเพิ่มด้วย

ส่วนที่ยากก็ตือ จะมีวิธีจูงใจยังไงให้เห็นว่าโจทย์ทำด้วยตัวเอง สำคัญกว่าการติว ? ส่วนน้ีแก่้้ยากมาก ๆ

3. abstract math หากลงรายละเอียด อาจไม่เหมาะกับเด็กเล็กเท่าไหร่ เพราะมีแนวโน้มทำให้กลายเป็นวิชาท่องจำไปเลยได้ง่าย ควรมาสอนตอนโตขึ้นมาหน่อย  

4. ควรมีการสอนคิดในใจบ้างสำหรับเด็กเล็ก สิ่งที่จะได้ ผมมองว่าคือการกระตุ้นเซลล์สมองครับ แล้วจะทำให้เวลาโตเป็นผู้ใหญ่ จะพอช่วยตัวเองได้บ้างในเรื่องการคิดเลข อย่างน้อยเวลาฉุกละหุกก็ไม่ต้องกลัวโดนหลอก ประเด็นนี้ไม่ควรเน้นมาก เพราะไม่ใช่สาระหลัก  แต่ต้องมีบ้าง

คืออย่าไปหวังว่าคิดในใจแล้วทำให้เป็นอัจฉริยะ ควรหวังเพียงเป็นยาป้องกันไม่ให้โง่เร็วก่อนวัยอันควรมากกว่า 

5.
ตัวกระตุ้นที่ดีคือเมื่อมีโจทย์ดี ๆ ที่ทำให้เด็กรู้สึกตื่นตาตื่นใจว่า โห คณิตศาสตร์น่าเรียนอย่างนี้เชียวกรือ อย่างที่คุณเม้งทำอยู่ตอนนี้ ผมก็ว่าใช่นะ
เพียงแต่อาจต้องเขียนขยายความหน่อย สำหรับกลุ่มผู้อ่านเด็ก ผมเองลงทุนเปิดบล็อกสำหรับเด็กไว้ด้วย สอนพวกเรื่องสัพเพเหระที่เป็น "ทรัพยากรก้นถุง"สมัยก่อน ผมเองทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าคุณเม้งจะทำได้ดีกว่ามาก ๆ ๆ ๆ

(อือม์..ผมว่าที่ผมทำได้ดีมาก น่าจะเป็นวิทยายุทธมัดมือมัดเท้าใช้งานคุณเม้งนี่แหละ 555) 

สวัสดีครับพี่เม้ง

มาตอบคำถามครับ

ข้อที่หนึ่ง ชอบตอนไหน

ชอบตอนไหนไม่ทราบครับ รู้แต่ว่าเกลียดตอนไหน 5555

สมัยก่อนคุณแม่เคยจ้างอาจารย์มาสอนครับตอนเด็กๆชั้นประถม ประมาณว่าอาจารย์มาสอนลูกคุณลุง คุณแม่เห็นว่าว่างจะมามัวเล่นเกมส์ เลยส่งไปเรียน ไปเรียนเลขกับอังกฤษสองวิชา

ตอนเรียนพิเศษ ก็ทำถูกหมดครับ แต่พอถูกบ่อยๆอาจารย์คงไม่รู้จะสอนอะไรมั้งครับ มาให้คัดเลขแทนบอกว่าเขียนเลขไม่สวย เลยเกลียดครับ 555

ตอนนั้นเลยชอบภาษาอังกฤษมากกว่ามาก เพราะพอทำได้ ทำถูก แล้วอาจารย์เปลี่ยนเล่มให้ทำครับ ไม่มีการมานั่งคัดลายมือ

ตั้งแต่นั้นมาก็เฉยๆครับทำได้บ้าง ถูกบ้าง ผิดบ้าง คิดออกบ้าง แต่ก็ชอบตรงที่มันมีกระบวนการการคิดนะครับ

ข้อสอง ยังชอบอยู่หรือเปล่า

ก็เรียนเกี่ยวกับเลขมาตลอดครับ ชอบไหมก็สนุกดีนะครับ แล้วยิ่งหลังๆมานั่งอ่านเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาด้วยยิ่งชอบยิ่งสนุกครับ

กะว่าว่างๆจะเอามานั่งอ่านแบบตั้งใจใหม่ครับ

ข้อสาม อาจารย์สอนยังไง

ผมเห็นด้วยกับอาจารย์ wwibul ที่บอกว่าต้องสร้างใจให้ฮึกเหิมก่อน รวมไปถึงคอมเม้นต์อื่นๆของอาจารย์ด้วยครับ

แต่ผมมีแถมเรื่องหนึ่งครับ ผมว่าอาจารย์สมควรให้เด็กเขียน Flow Chart แสดงการแก้ปัญหาครับ การเขียน Flow Chart นั้นเป็นการฝึกสอนให้เด็กคิดอย่างมีกระบวนการ แล้วก็ทำให้เด็กนั้นมองเห็นเป็น concept ของการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ครับ

อีกเรื่องคือ อาจารย์ที่สอนในคณิตศาสตร์สอนแต่คณิตศาสตร์ครับ แล้วก็จบที่ตรงนั้นครับ การไม่เห็นภาพต่อ ทำให้เด็กมองไม่เห็นถึงความสำคัญของคณิตศาสตร์ได้ครับ สังเกตได้ว่าเด็กนั้นสนใจจะเรียน applied science มากกว่าจะเป็น pure science ครับ อย่างเช่นวิศวกรรมศาสตร์เป็นต้น

ผมคิดว่าเพราะ applied science มันเห็นภาพง่ายกว่าชัดกว่า มีของให้เห็น แต่เลขตอนที่เรียนมัธยมนั้น มันเหมือนไม่เห็นอะไรเลยครับ

ยกตัวอย่างนะครับ เลข ม 6 เรื่องสถิติ ที่เราเรียนเรื่อง Normal Distribution หาค่า Z นะครับ ตอนนั้นผมไม่เคยรู้หรอกครับว่า หาไปทำไม

แต่พอเรียนมาถึงตรงนี้ ถึงได้รู้ว่า Normal Distribution นี่เจ้าพ่อวงการบันเทิงเลยครับ เพราะว่า central limit theorem บอกว่า การกระจายของ mean เป็น normal

แล้วทำให้เกิดการเริ่มต้น Quality Control ขึ้นมา 6-Sigma ก็มาจากไอ้ Normal Distribution นี่แหละครับ ที่เอาใช้ในการควบคุมกระบวนการผลิต  

แต่ในเมื่อนักเรียนไม่รู้ ไม่เห็นภาพ เขาก็อาจจะไม่เข้าใจได้ครับว่า แล้วมันเอาไปไว้ทำอะไรหรอ บางทีคุณครูเองก็อาจจะไม่ทราบด้วยว่า แล้วไอ้ที่เขาสอนมา เอาไปทำอะไรได้บ้าง ก็เลยอาจจะไม่เห็นภาพไปด้วยครับ

ผมว่าถ้าจะให้ดีนะครับ คุณครูต้องมีการอบรมครับ (อบรมอีกแล้ว) อบรมเพื่อให้ตัวเองนั้นก้าวทันไปกับวิทยาการ และการประยุกต์ใช้ของศาสตร์ที่ตัวเองสอนครับ เช่นทุกๆ ห้าปี ก็มาดูว่า ตอนนี้วิชาที่เราสอนนั้นมีอะไรใหม่ อะไรที่จับต้องได้ จะเอามาแทรกในบทเรียนอย่างไร หรือไม่ก็อาจจะให้เด็กไปทำรายงานก็ได้ครับ

ผมว่าถ้าคุณครูใส่ใจ ว่าในบทเรียนนั้น เราสามารถเอาไปใช้ได้ยังไงจริงๆ ผมว่าคณิตศาสตร์มันคงสนุกขึ้นเยอะเลยครับ เพราะว่าเลขนั้นมีอยู่มากมายจริงๆ

ปล เห็นด้วยกับอาจารย์ wwibul (อีกแล้ว) ที่ให้พี่เขียนบล็อกเรื่องเลขบ่อยๆครับ :D

เรื่องที่ต้นรับปากกับพี่นั้น ขอเวลาต้นนิดนึงครับ ต้นคิดว่าแนวที่ต้นอยากเขียน เป็นเหมือนเดิมครับ คือเล่าเรื่องครับ แต่ขอเวลาไปศึกษาก่อนนะครับพี่ :D

P
  • กราบสวัสดีครับ อ. wwibul
  • ขอบพระคุณมากเลย คุณภาพจริงๆนะครับ มีการติดค้างแล้วมาต่อให้จนจบ ได้อ่านแล้วเห็นแนวทางในการทดลอง วิจัยเรื่องแรงจูงใจ เสริมแรงใจมากมายครับ
  • เห็นด้วยกับทุกข้อเลยครับ สำหรับที่ให้ท่องว่า คณิตศาสตร์ มันง่าย! ก็เห็นด้วยนะครับในการทำให้กำแพงภายในมันพังทลายครับ เช่น คำว่า คณิตศาสตร์ ยากมาก
  • เรื่องการสอนไม่เยอะแต่เน้นการเข้าถึงที่มาและการนำไปใช้ อย่างที่ อาจารย์ว่าครับ ทำให้คณิตศาสตร์ มันจับต้องได้ และคณิตศาสตร์อยู่รอบตัวเรา
  • การเสริมแรงเมื่อเด็กทำได้ การให้โจทย์แต่ละคนที่คาดว่าแต่ละคนทำได้ แล้วเสริมแรงด้วยการชื่นชม เป็นการเปิดหน้าต่างบานใหญ่สำหรับการเรียนคณิตศาสตร์ หรือพังทลายกำแพงที่อยู่ในใจด้วยครับ
  • ผมสังเกตมาหลายๆ คนแล้วครับ จากผู้ปกครองเค้า หรือว่า จากญาติๆเด็กมาเล่าให้ฟัง ว่าเมื่อก่อนเค้าชอบมากเลยนะครับ เลข มาตอนหลังเด็กจะรักเล่นมากกว่า แล้วก็ผสมกับโดนครูดุ เข้าไปด้วย
  • บางคนมีใจฮึกเหิม หลังจากที่ครูต่อว่าหรือสบประมาท แต่บางคนเกลียดวิชานั้นไปเลย
  • บางคนเช่น คุณครูผู้หญิงสอน แต่ท่านชอบให้ความสนใจแต่กลุ่ม นร.ชาย ทำให้กลุ่ม นร.หญิง เกลียดวิชานี้ไปเลย อีก
  • ผมเคยกลับไปบ้าน แล้วแปลกใจมาก เมื่อเด็กในหมู่บ้าน เดินมาหา พร้อมเอาหนังสือคณิตศาสตร์ ม.ปลาย มาหา กันสองสามคน รวมทั้งตัวน้องชายผม ด้วย เพื่อมาให้ผมสอน แต่ผมจะนั่งถามถึงที่มา ว่าเป็นอย่าง มีปัญหาที่มาอย่างไร พอเอาเข้าลึกๆ คือเด็กเค้าอยากเรียน แต่ติดกำแพงที่ผู้สอน
  • สอนให้เสร็จๆ ห้ามถามด้วยในห้อง (หากจริงตามที่เด็กๆว่าอย่างนั้น) ใครถามมากอาจจะโดนหักคะแนน
  • สงสัยต้องให้ครูเรียนวิชาจิตวิทยาการสอนคณิตศาสตร์ด้วย
  • แต่หากเป็นอย่างที่ผมว่ามานี่ แล้วผมอยู่ในห้องนั้น คงผมแย่ไปเลย เพราะผมถามเยอะมากเมื่อก่อน เว้นแต่หากโดนดุเมื่อไหร่ ผมก็จะหยุดถามแล้วครับ
  • สำหรับเรื่องการเขียนไปเรื่อยๆ ผมเองก็มีประสบการณ์ ไม่มากนะครับ แต่จะพยายามเต็มที่ คงต้องรบกวน อาจารย์
    P
    เข้ามาช่วยเสริมอะไรอีกหลายๆ อย่างนะครับ
  • กราบขอบพระคุณมากครับ
P
  • สวัสดีครับน้องต้น
  • ขอบคุณมากเลยครับสำหรับประเด็นเสริมและทุกคำตอบครับ
  • กำแพงเกลียดคณิตศาสตร์ของคุณต้นเนี่ย ผมว่าอาจจะมีหลายๆ คนเป็นแบบนี้ก็ได้ครับ
  • สำหรับประวัติศาสตร์พอมาศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์แต่ละเรื่องมันทำให้สนุก แล้วทำให้เราคิดตาม เช่นว่าหากเราตอนนั้นเราจะคิดอย่างไร
  • อาจารย์ผมอีกท่าน ท่านมาเยี่ยมผมที่เยอรมัน แล้วไปดูพิพิธภัณฑ์ คณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์กันครับ แบบว่าไปเดินจากชั้นบนสุด เริ่มมาจากพวกเครื่องคำนวณเครื่องแรก หรือวิธีการคำนวณคูณเลข พัฒนามาเรื่อยๆ แล้วแต่ละเครื่องจะมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนหลัก แล้วทำให้สมองเรางอกในตอนนั้น แล้วพอเดินไปอีกยุคหนึ่ง ก็มีคนคิดแก้ปัญหาที่เราคิดต่อไว้เมื่อกี้
  • โอ้ย ผมอยากจะบอกว่า ผมสนุกมากๆ กับการได้ไปที่นั่น แล้วเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงยุคปัจจุบันและแนวทางในอนาคต
  • สำหรับการสร้างแรงจูงใจ นี่คือจุดสำคัญมากๆ นะครับ เคยมีประสบการณ์อันหนึ่ง ตอน ม. หนึ่ง ครับ คุณครูท่านบอกว่า หากใครทำคณิตศาสตร์ หรือโจทย์ในห้อง แล้วเสร็จและถูกหมดเป็นคนแรก ติดต่อกันห้าครั้ง ครูจะมีรางวัลให้
  • ที่ผมเจอคือว่า ในห้องมีเพื่อนเก่งๆ และชอบคณิตศาสตร์หลายคน ที่เรียนกันมาด้วยกัน แต่จะสนุกในการเรียนด้วยกันมากครับ
  • ผมก็ทำสี่ครั้งติดต่อกัน เหลือครั้งที่ห้า อิๆ เพื่อนแซงทางโค้ง อิๆ เราส่งไม่ทัน แบบว่าสนุกสุดๆ ครับ คือไม่ได้จะหวังรางวัลอะไรกันหรอกครับ เน้นที่คิดเร็วกันนี่หล่ะครับ เร็วและแม่น
  • พอเราทำเสร็จ แล้วคุณครูอาจจะให้ออกไปเฉลยบ้าง หรือให้ไปอธิบายเพื่อนที่ไม่เข้าใจบ้าง เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ แล้วผมก็จำสิ่งเหล่านี้ติดตาติดใจ
  • สำหรับเรื่องบล็อก เราคงต้องเขียนด้วยกันทุกๆ คน นะครับ เอามาเสริม แล้วรวมใน แพลนเนทด้วยกันครับ จะทำให้สนุกมากขึ้นครับ
  • ที่ผมชอบมากตอนลุกขึ้นมานั่งดูและศึกษากลเม็ดจาก ท่านปรมารย์ ในทีวี ตอนเช้าๆ ที่มาสอนติว แล้วเอาไปสอนเพื่อนๆ กันต่อที่โรงเรียน ทำให้เราสนุกๆ สุดๆ ครับ
  • แล้วสร้างโจทย์ใหม่กันเอง คิดเพิ่มกันเอง ผมถึงอยากให้สร้างแรงจูงใจให้เกิดในชั้นเรียน โดยให้ช่วยกันเรียน แทนการแข่งขันกันในห้องเรียน จะทำให้เราเดินไปเป็นทีมได้ครับ
  • การฝึกคนไทยให้ทำงานเป็นทีม ต้องฝึกปลูกฝักตั้งแต่เด็กครับ เหมือนสร้างแรงจูงใจให้ชอบคณิตศาสตร์นี่หล่ะครับ
  • ขอบคุณมากนะครับ ขอโทษด้วยที่เขียน หรือยกตัวอย่างหลุดประเด็นออกไปบ้าง แต่เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะครับ
  • มีความสุขในการทำงานนะครับน้องชาย
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท