ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมาผมและทีมงาน ได้พยายามสร้างเวทีแห่งการเรียนรู้ ตามนโยบายขององค์กร..เราพยายามอย่างเต็มที่ครับ ทั้งที่เป็นไปตามหลักวิชาการ และ จากจินตนาการ ของพวกเรา...โครงการหนึ่งที่ผมและทีมงานได้ทุ่มเทกำลังกายกำลังใจใส่แรงอย่างเต็มที่ นั่นก็คือ " โครงการค่ายแห่งการเรียนรู้" เมื่อปี 2549 เราจัดที่ " สวนป่าครูบาสุทธินันท์" และปีนี้เราจัดที่ " โครงการร่มโพธิ์แก้ว 2 ของหลวงพ่อพยอม" ....
โครงการนี้เราเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและมีรูปแบบที่เรียนรู้จากธรรมชาติ เรียนรู้ตามจริตของผู้เรียน "ผู้เรียนเป็นศุนย์กลาง" ครับ เมื่อเรียนและทำงานแล้วเราก็สร้างเวที ให้มีการทบทวนสิ่งที่เรียน สิ่งที่ทำ เพื่อให้ผู้เรียนได้ค้นหาตนเอง หาจุดอ่อน จุดแข็งของตนเอง ทบทวนพฤติกรรมของตนเองต่อการทำงาน รวมถึงการค้นหาจุดที่สำเร็จ และจุดที่บกพร่อง แล้วหาทางพัฒนาตนเองต่อไป...
ถามถึงการประเมินผลโครงการ ผมไม่ได้วัดในวันที่เสร็จสิ้นโครงการ ผมไม่ได้ใช้แบบสอบถามให้ผู้ร่วมโครงการกรอกเมื่อวันสิ้นโครงการ ...แต่..ผมใช้วิธีการติดตามผลหลังจากเสร็จสิ้นโครงการ แล้วผู้ร่วมโครงการกลับมาใช้ชีวิตในที่ทำงานตามปกติแล้ว โดยการสอบถามจากเพื่อนร่วมงานบ้าง สอบถามจากผู้บังคับบัญชาบ้าง หรือแม้แต่การสอบถามจากหน่วยงานข้างเคียง ที่มีการติดต่อกันบ้าง ซึ่งผมไม่เน้นแบบเป็นทางการ ผมอาศัยสอบถามเมื่อพบเจอนอกสถานที่ หรือแล้วแต่โอกาส ..และอีกวิธีหนึ่งก็ดูจากผลการปฏิบัติงานว่ามีการพัฒนาการขึ้นบ้างหรือไม่ ...แล้วสรุปเป็นภาพรวมของโครงการเมื่อเสร็จสิ้นโครงการแล้ว ประมาณ 2 -3 เดือน ซึ่งทำให้ได้เห็นข้อเท็จจริงมากกว่าที่เห็นเป็นตัวเลข...
เมื่อวันที่ 22 -23 มีนาคม ที่ผ่านมา ผมไปร่วมประสานงานการจัดสัมมนาให้กับบริษัทสยามมอร์ตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือปูนซิเมนต์ไทยอีกบริษัทหนึ่ง ที่ผลิตสำหรับฉาบสำเร็จรูป บริษัทนี้จะมีฝ่ายซ่อมบำรุงที่เป็นพนักงานของบริษัท SPS ที่เคยผ่านค่ายการเรียนรู้มาแล้ว เป้นผู้รับผิดชอบเรื่องของการซ่อมบำรุงเครืองจักร ...ในช่วงของงานเลี้ยงตอนกลางคืน ผมได้คุยกับทีมผู้บริหาร และผู้บริหารได้สอบถามถึงการจัด "โครงการค่ายแห่งการเรียนรู้" ว่าทำอย่างไรบ้าง สนใจที่จะจัดให้กับพนักงานของสยายมมอร์ตาร์บ้าง เพราะ ท่านเหล่านั้นบอกว่าได้เห็นพฤติกรรมของพนักงานฝ่ายซ่อมบำรุง ที่ผ่านค่ายการเรียนรู้มาแล้ว มีพฤติกรรมการทำงานดีขึ้น ติดตามงานได้สะดวก รวมถึงอุปนิสัย ใจคอก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ต่างจากก่อนที่จะไปเข้าค่ายค่อนข้างมาก หลายท่านบอกว่า "ฝ่ายซ่อมน่ารักขึ้น" ....
เสียงสะท้อนจากทีมผู้บริหารบริษัทสยามมอร์ตาร์ ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัท SPS ที่จัดค่ายการเรียนรู้ ก็เป็นเหมือนเสียงตอบรับ และเสียงสะท้อนต่อโครงการอีกมุมหนึ่ง โดยเฉพาะมุมที่มาจากลูกค้า..ยิ่งเป็นมุมมองในเชิงบวก...ก็ยิ่งทำให้มองถึงความสำเร็จของโครงการได้เป็นอย่างดี...จากการสะท้อนครั้งนี้ทำให้ผมเกิดกำลังใจ และมีความเชื่อมั่นถึงแนวทางในการพัฒนาบุคคลากร ที่กำลังทำอยู่ว่า .."น่าจะมาถูกทาง และถูกจริตของคนในองค์กรผมแล้ว"...หัวใจพองโตครับ เมื่อเห็นดอกผลที่ออกมาเป็นไปตามที่คาดหวัง..ก็คงเหมือนเราปลูกต้นไม้..พอเห็นความเจริญเติบโต ก็ดีใจ ยิ่งเห็นต้นไม้ที่ปลูกมากับมือ ออกดอกอออกผล...ก็ชื่นใจครับ..