เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสสนทนากับ อาจารย์ศิริศักดิ์ หาญชูวงศ์ คุยกันเรื่องการเจริญสติ มีตอนหนึ่งที่ได้สรุปกันว่า ที่โลกเรานี้แสนจะวุ่นวายกัน ก็เพราะคนเราชอบสมมติ มักสมมติเรื่องต่างๆ มาคิดกันล่วงหน้า แล้วก็นำเรื่องสมมติมาเป็นอารมณ์ มาทำเป็นเรื่องจริง ขยายผลต่อและเป็นทุกข์ทวีขึ้น
อ.ศิริศักดิ์ เลยเล่านิทานจีนที่เคยได้รับฟังมาในสมัยเด็ก ให้ฟังว่า...
มีขโมยคนหนึ่ง เข้าไปในสวนแตงโม ในขณะนั้นเจ้าของสวนไม่อยู่ในละแวกนั้น ขโมยรายนี้ก็เข้าไปกินแตงโมสบาย กินแล้วอิ่ม อิ่มแล้วขี้เกียจ ก็ชะล่าใจ พักนอนเสียก่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ พลางคิดว่า...
เดี๋ยวจะขนแตงโมในสวนออกไปขายให้หมด คงจะได้เงินทองเยอะ และก็คงจะร่ำรวย ....
เสร็จแล้วจะไปซื้อที่ .... ทำสวนแตงโม .... ขายแตงโม... จะได้ร่ำรวยมีเงินทองเป็นเศรษฐี เป็นเจ้าของสวนผลไม้ใหญ่โต ....
แต่พอคิดดังนั้นแล้วก็คิดต่อไปว่า... อ้าว! แล้วถ้ามีขโมยมาขโมยแตงโมไปหมดล่ะจะทำอย่างไร ..... อารามตกใจก็เลยร้องออกไปว่า "จับขโมยจ้า !! ช่วยจับขโมยด้วย !!"
มีคนผ่านมาพอดี ก็เลยเข้ามาช่วย สุดท้ายตัวขโมยเองก็เลยโดนจับเสียเอง ด้วยประการฉะนี้
ฝากให้ท่านทั้งหลายลองตรองดู ว่าได้อะไรจากนิทานเรื่องนี้บ้าง ...
คงจะดีไม่น้อยถ้าเราไม่คิดล่วงหน้าไปเลยเถิด คิดแล้วเกิดก็เกิดอารมณ์เกิดเวทนาตามความคิดไปกันใหญ่... ถ้าเราเจริญสติมาดักจับความคิดฟุ้งซ่านกันเสมอ มีสติอยู่กับตัว โลกของเราคงสงบสุข เพราะพวกเรามีสติค่ะ