BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

สรณะ


สรณะ

คำนี้ คนทั่วไปรู้กันว่า แปลว่า ที่พึ่ง ส่วนบางคนก็อาจจำคำพระมาอีกนิดว่า ที่ระลึก ที่พึ่งที่ระลึก ที่พึ่งทางใจ ที่ระลึกทางใจ ...ซึ่งรู้สึกว่าคำแปลและความหมายในภาษาไทยทั่วไปไม่พ้นไปจากนี้...

นานมาแล้วฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์เจ้าคุณพยอม ท่านมีความเห็นตลกแต่น่าคิดว่า ฝรั่งนั้นสร้างแต่สิ่งก่อให้เกิดกิเลส ถ้าเก่งจริงก็ต้องสร้างเครื่องกำจัดกิเลส หากฝรั่งสร้างได้พระรัตนตรัยหรือพระพุทธเจ้าก็หมดความหมาย จะเปล่งวาจาใหม่ว่า ฝรั่ง สะระณัง คัจฉามิ...ทำนองนี้

๔-๕ วันก่อน ฟังพวกวิจารณ์เชิงขบขันว่า ตอนนี้มีมีสรณะใหม่ คือ จตุคามรามเทพ ต้องเปล่งวาจาว่า จตุคามรามเทพัง สะระณัง คัจฉามิ...ทำนองนี้

คำว่า สรณะ มาจากรากศัพท์ว่า สฺร แปลว่า แผ่ไป วิ่งไป ซ่านไป ....และรากศัพท์นี้มีใช้เยอะ ซึ่งที่แปลงสัญชาติมาเป็นคำไทยก็หลายศัพท์ เช่น

สระ (แหล่งน้ำ) หมายถึง แผ่ขยายออกไปโดยรอบทิศ

สระ (อะ อา อิ อี..) หมายถึง เสียงที่เปล่งออกไป

ศร หมายถึง วัตถุที่แล่นไปในอากาส

สติ หมายถึง ความรู้สึกที่แล่นกลับมายังตัวเองขณะนั้น

....ฯลฯ....

สรณะ หมายถึง ความรู้สึกที่แล่นไปจับบางสิ่งบางอย่างมาเป็นอารมณ์ในคราวที่เป็นทุกข์ ดังบทสวดมนต์ตอนหนึ่งว่า...

พะหุง เว สะระณัง ยันติ ปัพพะตานิ วะนานิ จะ

อารามะรุกขะเจตยานิ มะนุสสา ภะยะตัชชิตา

มนุษย์จำนวนมาก ผู้ถูกความกลัวคุกคามแล้ว ย่อมถึงภูเขาบ้าง ป่าไม้บ้าง อารามต้นไม้และเจดีย์บ้าง ว่าเป็นสรณะ

เนตัง โข สะระณัง เขมัง เนตัง สะระณะมุตตะมัง

เนตัง โข สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะติ

นั่น มิใช่สรณะอันเกษม นั่น มิใช่สรณะอันสูงสุด พวกเขาอาศัยสิ่งนั้นว่าเป็นสรณะแล้ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้

ต่อจากนั้น ในบทสวดมนต์นี้ ก็บอกว่าให้ถึงพระรัตนตรัย กล่าวคือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสรณะแล้วก็ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้...ถามว่า ถึงอย่างไร ?

บางคนใช้ดอกไม้ธูปเทียนเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัยยาวนานก็ไม่รู้สึกว่าพ้นจากทุกข์ตามที่คาดหวัง...นั่นเป็นเพียงการบูชาด้วยสิ่งของ เรียกว่า อามิสบูชา ซึ่งมีประโยชน์น้อย ...พระพุทธเจ้าทรงเน้นปฏิบัติบูชา ดังนั้น การถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จึงมิใช่การเซ่นบวงสรวงด้วยสิ่งของตามนัยนี้...

การยึดถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จะต้องนึกถึงหลักคำสอนของ พระพุทธเจ้า ที่เรียกว่า พระธรรม ส่วน พระสงฆ์ เป็นตัวแทนหรือแบบอย่างทางศีลธรรม...นั่นคือ เราจะต้องประพฤติปฏิบัติให้ใกล้เคียงคุณเครื่องความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ ซึ่งอาจจำแนกได้เป็นโดยรูปธรรมและนามธรรม

โดยรูปธรรม คือ พระสงฆ์ใช้ปัจจัย ๔ คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค เท่าที่จำเป็น โดยเน้นคุณค่าที่แท้จริง ไม่เน้นคุณค่าเทียมของปัจจัยเหล่านั้น....

บางคนอาจแย้งว่าพระสงฆ์บางรูปใช้ปัจจัยยิ่งกว่าชาวบ้านเสียอีก ... ถามว่า พระพุทธเจ้าสอนให้เป็นอย่างนั้นหรือไม่ ?.. ท่านคิดว่าพระสงฆ์รูปนั้นปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ ? ... ดังนั้น ท่านควรจะเอาพระสงฆ์รูปนั้นเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมหรือไม่ ? ...ซึ่งทุกคนสามารถให้คำตอบต่อตัวเองได้...

โดยนามธรรม นั่นคือ คุณธรรมของพระอริยสงฆ์ ตั้งแต่ระดับชั้นต้น คือโสดาบันขึ้นไป ... หมายความว่า ต้องดำเนินชีวิตให้มีคุณธรรมสูงยิ่งๆ ขึ้นไป แม้จะไม่ถึงระดับพระโสดาบันก็ตาม ประมาณนี้...

หวลกลับมาถึง สรณะ คือ ที่พึ่งที่ระลึกทางใจ อีกครั้ง เมื่อเรามีทุกข์มีปัญหาก็ให้นึกถึงพระรัตนตรัย ก็คือการกลับมาตรวจสอบตัวเองว่าได้ดำเนินชีวิตออกนอกลู่นอกทางจากพระรัตนตรัยเบื้องต้นหรือไม่นั่นเอง...

อนึ่ง ส่วน จตุคามรามเทพัง สรณัง คัจฉามิ ที่ว่ามา ผู้สนใจความเห็นประเด็นนี้ลองดู   มงคลตื่นข่าว  อีกครั้ง

คำสำคัญ (Tags): #สรณะ
หมายเลขบันทึก: 84696เขียนเมื่อ 17 มีนาคม 2007 18:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 08:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

พระอาจารย์ครับ...เราสวนกระแสแบบนี้...ดูท่าจะมีคนติฉินนินทามิใช่น้อย....55555

 

จตุคามรามเทพัง สรณัง คัจฉามิ...

ผมเฝ้ามองดูความเป็นไปของเรื่องนี้...ไม่น่าเชื่อนะครับ...วันขึ้นปีใหม่เราไปขอพรผู้หลักผู้ใหญ่...ปลัดจังหวัดแนะนำเรื่องจตุคามรามเทพ... ภายในเวลาไม่ถึง 3 เดือน...เรื่องจตุคามรามเทพก็ดังระเบิดเถิดเทิงปานนี้...(ที่จริงเขาคงนิยมกันมานานแล้ว)

 

ผมสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ของท่านจตุคามมากกว่า(ตำนานของเก่า...อิอิ)..งเพราะไม่เคยได้ยินเรื่องมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเกาะสุมาตรา...ที่แผ่อาณาจักรมาถึงนครศรีธรรมราชได้(ใครมีประวัติศาสตร์ละเอียดตรงนี้มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ)...

 

ส่วนประเด็นความเชื่อของคนไทย...ถือเป็นการประเมินสภาวะธรรมเฉลี่ยโดยรวมได้นะครับ...พระอาจารย์... แม้ว่าจะมีกลุ่มคนหลายประเภท(เชื่อจริงกับหวังประโยชน์ด้านอื่น) ที่เข้าไปมะรุมมะตุ้มกับเครื่องรางของขลังท่านจตุคามรามเทพ...

แต่ก็เป็นการแสดงภาวะแห่งกลุ่มชนผู้ยังอยู่ในห้วงแห่งความสงสัยและความกลัว...ห่างไกลจากการพยายามเข้าถึงความจริงแห่งสัจจธรรมเช่นพระอาจารย์ว่านั้นแล...

P

แม้เทคโนโลยี่จะสูงขึ้น แต่คนก็ยังเชื่อสิ่งเหล่านี้เหมือนเดิม ซึ่งอาจดูงมงายสูงกว่าเดิมอีก....

แต่คนก็อยู่ได้ไม่ค่อยถึงร้อยปีเหมือนเดิม มีสุขบ้างทุกบ้างเหมือนเดิม....

นี้แหละ คน

เจริญพร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท