วันหนึ่งขณะที่ผม ปฏิบัติหน้าที่เภสัชกรใน "โอสถศาลา" โดยมีลูกค้าเข้ามาซื้อยา อย่างแน่นขนัด ลูกค้าสาวสวยรายหนึ่ง เดินเข้ามายืน กระมิดกระเมี้ยน อยู่ตรงหน้าผม พร้อมทั้งพูดอ้อมแอ้มว่า "หนูเพิ่งเป็น โรคตกขาวครั้งแรก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี อยากให้ช่วยจ่ายยา รักษา ให้หน่อย"
ผมเองไม่ค่อยถนัด และขัดเขินในเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อสอบถามอาการต่างๆ แล้วจึงเดินเข้าไปด้านหลังร้าน เพื่อค้นหายาที่เหมาะสม ซึ่งกว่าจะพบยาเหน็บช่องคลอด และเครื่องมือสอดที่ต้องการ ก็กินเวลาพอสมควร หลังจากศึกษาเอกสารกำกับยาเรียบร้อย ก็ถือยาเดินดุ่มออกมาที่ด้านหน้า แล้วอธิบายวิธีการใช้ให้ลูกค้าฟัง โดยไม่กล้ามองหน้าเธอ เพราะคาคว่าเธอคงจะอายผม
"ก่อนนอนทุกคืน คุณเอายานี้หนึ่งเม็ด ชุบน้ำให้เปียกแล้ววาง บนปลายแท่งพลาสติก สอดเข้าในช่อง ที่คุณมีอาการให้ลึกที่สุด แล้วทิ้งไว้สักพัก ให้ยาค่อยๆ ละลาย สักเจ็ดวันอาการจะดีขึ้น"
ลูกค้าเงียบไปสักพัก ก่อนจะถามผมเสียงเครือว่า "หนูเป็นโรคแพ้อากาศ น้ำมูกไหล ถ้าสอดยาเม็ดโตอย่างนี้เข้าจมูก แล้วหนูจะหายใจ ได้ยังไงเล่าคะ?"
ผมสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมา และพบว่าลูกค้าสาวสวยของผมนั้น กำลังชั่งน้ำหนักตัวอยู่หน้าร้าน ส่วนที่ยืนอยู่ข้างหน้าผม เป็นแม่ค้าหน้าร้าน ที่รอซื้อยาลดน้ำมูกอยู่
บางครั้งผมต้อง ตอบปัญหาทางจิตวิทยา แก่ประชาชนโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากคนอื่นมองเห็นว่า ผมสอนและวิจัย เกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลาง จึงมักแนะนำผู้มีปัญหา ให้มาพูดคุยกับผม
บ่ายวันหนึ่งมีผู้ชาย น้ำเสียงเศร้าโทรศัพท์มาที่ ภาควิชาเภสัชวิทยา ถามหาผม เพื่อปรึกษาเรื่องความทุกข์ ผมรับโทรศัพท์แล้วถามว่า เป็นทุกข์เพราะอะไร
ชายผู้มีปัญหา "ผมเพิ่งรู้ว่า ลูกชายคนโตเป็นเกย์"
ผมตอบ "โธ่เรื่องแค่นี้ ไม่น่าเป็นทุกข์ร้อนอะไรเลย คุณลองกลับไป เกลี้ยกล่อมเขาดู ผมว่าเขาต้องเลิก นิสัยนี้ได้แน่ๆ"
บ่ายวันต่อมา ชายคนเดิมโทรศัพท์มาอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงเป็นทุกข์กว่าเดิม ผมจึงถามว่า "ไง กล่อมเขาไม่สำเร็จหรือครับ"
ชายผู้มีปัญหาตอบ "เพราะเรื่องนี้แหละ ทำให้ผมรู้เพิ่มว่า ลูกชายคนเล็กก็เป็นเกย์อีกคน"
ผมปลอบ "เอ้า ถ้างั้นผมขอให้กำลังใจอีกครั้ง คุณไปกล่อมพวกเขาใหม่นะ"
วันถัดมา ชายคนนั้นก็โทรศัพท์ มาคร่ำครวญอีก คราวนี้น้ำเสียง หมดอาลัยตายอยาก ผมกลั้นความสงสัยไว้ไม่ได้ เลยถามว่า "อะไรกัน ที่บ้านคุณ ไม่มีใครพิศวาสหญิง บ้างเลยซักคนหรือ?"
ชายผู้มีปัญหาตอบเสียงดัง "มีซิ เมียผมไง"
นักการเมืองสามคน กำลังเดินทางกลับกรุงเทพ ด้วยเครื่องบินส่วนตัวลำเดียวกัน นักการเมืองคนแรก นั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองลงไปเบื้องล่าง แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า
"รู้ไหมว่าตอนนี้ ผมคิดจะทำอะไร ผมอยากจะโยนแบ๊งค์ 1,000 ลงไปหนึ่งใบ เพื่อจะทำให้ คนข้างล่างสักคน มีความสุข"
นักการเมืองคนที่สอง ได้ฟังดังนั้นก็ไม่ยอมแพ้ มองลงไปข้างล่างแล้วกล่าว
"โอ๊ย ถ้าเป็นผมนะ ผมจะโยนแบ๊งค์ 500 ลงไปสองใบ ผมก็จะทำให้ คนข้างล่างสองคน มีความสุขได้"
"แต่ผมว่านะ ถ้าเป็นผม ผมจะโยนแบ็งค์ 10 บาทลงไป 100 ใบ คงจะทำให้คนไทย 100 คนมีความสุขขึ้นได้บ้าง" นักการเมืองคนที่สาม รีบเสริมทันควัน แบบกลัวน้อยหน้า
"ขอโทษนะครับ ถ้าผมจะเสริมอะไรบ้าง" เสียงมาจากข้างหน้า บริเวณที่นั่งนักบิน "ถ้าเป็นกระผม ผมจะโยนท่านทั้งสาม ลงไปข้างล่าง มันคงทำให้คนไทย 70 ล้านคน มีความสุขขึ้นทันตาเห็นเลย"
ฟังเลยม่วนดีเนาะ ถ้ามีเรื่องม่วน ๆ เอามาเล่าอีกเน้อครับ ผมคนลำปางเหมือนกัน