ข่าวน่ารู้


ข่าวการเมือง
 ข่าวการเมืองประจำวัน อาทิตย์ ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2550 14:58 น.
นายกฯ เป็นปธ.วิ่งมาราธอนเฉลิมพระเกียรติ - วางศิลาฤกษ์เสาชิงช้า จ.เพชรบุรี
                    โดย เดลินิวส์ วัน อาทิตย์ ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2550 14:58 น.

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 มี.ค. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานในการวิ่งมินิมาราธอนเฉลิมพระเกียรติ ณ โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี และยังได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ฐานเสาชิงช้า วัดพริบพรี ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่เชื่อว่าสร้างขึ้นมาพร้อมกับการสร้างเมืองเพชรบุรีในอดีต จึงใช้ชื่อเดียวกัน และที่นี่ นายกรัฐมนตรียังได้มีโอกาสไปเคารพอัฐิของบรรพบุรุษ โดยเฉพาะ พ.ท.โพยม จุลานนท์ ผู้เป็นบิดา อีกทั้งยังได้มีโอกาสพูดคุยและถ่ายรูปร่วมกันกับญาติๆ โดยหลายคนถึงกับตัดพ้อว่า ไม่ค่อยจะได้มีโอกาสได้พบกันเลยตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้หยอกล้อกับญาติๆ ว่า ได้เจอกันทางทีวีไม่ใช่หรือ ก่อนที่จะเดินทางไปร่วมในพิธีมอบสัมฤทธิผลทางการศึกษา ณ วิทยาลัยพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี ต่อไป

  

''มัลลิกา'' แจงสาเหตุทิ้ง ''ไอทีวี'' กะทันหัน - ถูกต้อนต้องลุกหนี

โดย เดลินิวส์ วัน อาทิตย์ ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2550 14:58 น.

อดีตพิธีกรไอทีวี มัลลิกา ฉุนขาดระหว่างแถลงแจงสาเหตุออกจากไอทีวีกะทันหันถูกไล่ต้อนถามทำไมไม่ลาออกก่อนหน้านี้ กลุ่มพันธมิตรฯรุม อัดยับช่วงชินคอร์ปคุมไอทีวีทำไมไม่ออกมาทำหน้าที่สื่อที่ดี เรื่องไม่ดีของรัฐบาลชุดที่แล้วทำไมไม่ตีแผ่ มัลลิกา โต้เป็นแค่พนง.ตัวเล็กจำเป็นต้องทำตามผู้นำ แต่ย้ำจากนี้จะขอเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงปฏิรูปสื่อให้ได้ แต่คนฟังไม่เชื่อถล่มจนพิธีกรคนดังต้องลุกหนี ตร.เข้าประกบกลัวถูกทำร้ายก่อนส่งขึ้นรถกลับ คนไอทีวี ระบุ มัลลิกามีสิทธิพูดทุกอย่าง องค์กรไม่ตอบโต้ เชื่อวงการสื่อรู้เบื้องหลังดีอยู่แล้ว ย้ำ เดินหน้าทำหน้าที่สื่อเสรีต่อไป ส่วนกลุ่มคนพีทีวี เตรียมเข้าแจ้งความกองปราบฯให้จัดการรมต.ธีรภัทร์-อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ฐานละเว้น-เลือกปฏิบัติ 12 มี.ค.นี้ จตุพร ไล่ส่งให้รมต.ธีรภัทร์ ลาออก สับสนธิ อยากมีรายการทีวีจนน่าเกลียด จักรภพ ชวนคนไอทีวีมาทำงานที่เดียวกัน

ที่สถานีโทรทัศน์ พีทีวี ย่านลาดพร้าว เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 มี.ค. นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานกรรมการสถานีโทรทัศน์ พีทีวี แถลงว่า ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ เวลา 13.30 น. จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่กองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับรศ.ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ในความผิดตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบ แต่ดำเนินการทำให้เอเอสทีวี เผยแพร่ได้ทางช่อง 11 และปกป้องคู่กรณี สร้างความเสียหายแก่ประเทศ

นายวีระ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ยังมีการเลือกปฏิบัติไม่เสมอภาคกัน มีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอีกกว่า 50 สถานี ที่เข้าข่ายทำผิดกฎหมายและน่าสงสัย แต่กลับไม่มีการดำเนิน การใด ๆ จึงถือว่าบุคคลทั้งสองละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ยืนยันการฟ้องร้องเพื่อรักษามาตรฐานทางกฎหมายไม่ใช่เรื่องโกรธแค้นส่วนตัว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานฯ กล่าวว่า รศ.ดร.ธีรภัทร์ เป็นพวกปากแข็งขาสั่น เพราะมีอีก 13 บริษัท 2 มูลนิธิ 1 ศูนย์ ที่ใช้ระบบทีวีผ่านดาวเทียม แต่รัฐบาลกลับละเว้น และมาปฏิบัติกับพีทีวีเท่านั้น รศ.ดร.ธีรภัทร์ ควรจะลาออกไป ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่แสดงอาการอยากให้มีการเผยแพร่รายการของตัวเองเต็มเวลา ถือว่าต่อมกิเลสแตก ต่อมความอายพัง ธาตุแท้ปรากฏ และเห็นว่าคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ควรจะ ชี้แจงกรณีเงิน 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่นาย สนธิ มักจะยกมาข่มขู่ ทำให้รัฐบาลต้องเดินตาม รัฐบาล คมช.ควรจะมีการชี้แจงการใช้งบอย่างโปร่งใส มิฉะนั้นจะมีการต่อรอง

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนยังมีหลักฐานเอกสารชัดเจนว่า อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ทำเรื่องเพื่อเสนอโครงการจัดตั้งสถานีโทรทัศน์ภาคภาษาอังกฤษ (Thai International TV : TITV ) โดยผ่านระบบดาวเทียม และจะเผยแพร่ภาพประมาณ 10 ประเทศ ใช้งบประมาณ 260 ล้านบาท โดยระบุในวัตถุประสงค์ว่า เพื่อเป็นการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน ประชาสัมพันธ์สู่สายตาโลก โดยจะผ่านทางช่อง MBT 3 โดยไม่ต้องมีการขอคลื่นใหม่ ก็ถือว่า เป็นลักษณะที่เข้าข่ายกับการทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน เพราะเป็นการผ่านดาวเทียม โดยขณะนี้ เรื่องได้ส่งมาถึงนายธีรภัทร์แล้ว รอเพียงการนำเสนอสู่ที่ประชุม ครม.

นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ผลิตรายการ ในพีทีวี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งกรณี พีทีวี และไอทีวี เห็นแล้วว่า รัฐบาลไม่มีความสามารถ และไม่มีความจริงใจในการบริหารจัดการสื่อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศและภาพลักษณ์ รัฐบาลควรจะต้องเร่งจัดการ และขอเชิญชวนผู้ผลิตรายการจากสถานีไอทีวี มาร่วมงานที่พีทีวี หากมีวัตถุประสงค์ร่วมกันและไม่ต้องการทำงานกับรัฐบาล

ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล อดีตผู้ประกาศ-พิธีกรของไอทีวี ซึ่งประกาศลาออกจากการเป็นพนัก งานของไอทีวีระหว่างจัดรายการร่วมมือร่วมใจ ได้แถลงข่าวในหัวข้อสื่อสาธารณะกับความรับผิดชอบต่อสังคม โดยคณะกรรมการรณรงค์เพื่อ ประชาธิปไตย (ครป.) ซึ่งมีผู้ร่วมรับฟังจำนวนหนึ่ง อาทิ กลุ่มสื่อมวลชน กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นต้น โดยน.ส.มัลลิกา กล่าวว่า ตนได้ลาออกเพราะเห็นว่าการเข้ามาของ กรมประชาสัมพันธ์ยังขัดต่อเจตนารมณ์ในการก่อตั้งไอทีวี ดังนั้นตนจะก่อตั้งกองทุนปฏิรูปสื่อเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยจะมอบเงิน 5 หมื่นบาทที่ตนได้รับเงินจากค่าชดเชย มาเป็นกองทุน

การทำงานเพื่อเดินหน้าปฏิรูปสื่อให้เป็นสื่อเสรีอย่างแท้จริง ปราศจากการครอบงำของนายทุนและการครอบงำของรัฐบาล จะมาแทรกแซงการทำงานข่าว จิตวิญญาณ อุดมการณ์ เกียรติยศ และศักดิ์ศรีของคนทำงานข่าวไม่ได้ ดิฉันพร้อมที่จะสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับกระบวนการปฏิรูปไอทีวี โดยจะจัดเป็นเวทีสาธารณะในวันที่ 13 มี.ค.นี้ ที่ ม.รังสิต ตึกพีไอพี เวลา 13.00 น. เพื่อให้ไอทีวีเป็นทีวีของประชาชนตามเจตนารมณ์การต่อสู้ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ทั้งนี้ขอให้มีการออกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งไอทีวี (ทีไอทีวี) ให้มีนิติบุคคลเป็น บรรษัทมหาชนแห่งชาติไอทีวี โดย สปน.นำเงินค่าสัมปทานและค่าปรับไอทีวีทั้งหมดมาจัดตั้งเพื่อให้เป็นทุนดำเนินการบริหารฟื้นฟูกิจการไอทีวีให้เป็นสื่อเสรีแท้จริง น.ส. มัลลิกา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่น.ส. มัลลิกา แถลงข่าวนั้นได้มีกลุ่มคนที่มาร่วมรับฟังออกมาโต้แย้งและสอบถามว่าทำไมจึงไม่ลาออก ตั้งแต่ช่วงที่กลุ่มชินคอร์ปเข้ามาซื้อกิจการไอทีวีและมาประกาศได้อย่างไรว่ามีจิตวิญญาณของคนทำข่าว ไม่ควรมาโกหกประชาชนเพื่อเป็นโอกาส กลับไปเล่นการเมืองหรือหาช่องทางสร้างภาพให้กับตัวเอง เพราะตลอดเวลาไม่เคยเห็น น.ส. มัลลิกา ออกมาโจมตีกลุ่มชินคอร์ป พร้อมกับเรียกร้องให้ น.ส.มัลลิกา ไปร้องเรียนผู้บริหารให้ออกมารับผิดชอบและขอโทษสังคมที่ทำข่าวช่วยปกปิดความผิดของรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยไม่มีจิตวิญญาณมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งน.ส.มัลลิกา พยายามชี้แจงว่าตัวเองเป็นพนักงานตัวเล็ก ๆ ที่ต้องปฏิบัติตามผู้นำ และที่ออกมาก็แสดงให้เห็นว่ารับผิดชอบและเป็นตัวอย่างให้คนอื่น ๆ เพราะขณะนี้การบริหารงานของไอทีวียังไม่ชัดเจน

ทั้งนี้ช่วงที่น.ส.มัลลิกา ตอบคำถามก็สร้างความไม่พอใจกับกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯ จนบางคนลุกขึ้นตะโกนโห่ไล่น.ส.มัลลิกา ตลอดเวลา โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้สื่อข่าวหลายสำนักได้ตั้งคำถามถึงจิตวิญญาณของ น.ส.มัลลิกา ที่ควรแสดง ออกมาก่อนที่จะถึงจุดเปลี่ยนถ่ายของไอทีวี เพราะมีเหตุผลต้องการเงินชดเชยก่อนหรือไม่และเพื่อแสดงบทบาทในการไปเล่นการเมืองหรือไม่ก็มีบริษัทรองรับอยู่ น.ส.มัลลิกา ตอบอย่างไม่พอใจและเป็นคำตอบสุดท้ายว่าไม่ต้องการที่จะเล่นการเมืองอีกแน่นอน ส่วนกรณีมีบริษัทรองรับเป็นเพียงข่าวลือ แต่ต้องทำมาหากินจะต้องทำงานด้านสื่อต่อไป แล้วลุกขึ้นกลับทันที ซึ่งกลุ่มประชาชนต่างลุกเดินตามไปด่าว่าประชาชนไม่ใช่ควายอย่ามา สร้างภาพเป็นสื่อที่ดีเพราะที่ผ่านมารับใช้ชินคอร์ป มาตลอด จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมารักษาความปลอดภัยและพา น.ส.มัลลิกาขึ้นรถกลับไป

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขา ครป. กล่าวว่า ตนเป็นเพียงผู้ประสานห้องแถลงข่าวให้กับ น.ส.มัลลิกา เท่านั้นไม่ทราบว่าทำไมจึงเป็นหัวข้อของ ครป. คิดว่าเจ้าหน้าที่คงจะเข้าใจผิด ซึ่งตนรู้จักกับ น.ส.มัลลิกา เพราะเรียนปริญญาโทที่เดียวกัน แต่ไม่ทราบว่า น.ส.มัลลิกา จะมาแถลงเรื่องอะไร

นายจอม เพชรประดับ ผู้ช่วยบรรณาธิ การบริหาร สถานีโทรทัศน์ไอทีวี กล่าวถึงกรณี น.ส.มัลลิกา ประกาศลาออกแล้วออกมาแถลงข่าวว่า เป็นสิทธิของ น.ส.มัลลิกา ที่จะออกมาพูด หรือแสดงความคิดเห็น เพราะขณะนี้ไอทีวีได้เลิกจ้างพนักงานทุกคน และอยู่ภายใต้การดูแลของ กรมประชาสัมพันธ์ ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การดูดเสียงของ น.ส.มัลลิกา ขณะประกาศลาออกกลางรายการนั้นเป็นเรื่องเทคนิคไม่ทราบรายละเอียด ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ เบื้องต้นเข้าใจว่าเป็นระบบที่เจ้าหน้าที่ต้องคอยระมัดระวังการออกอากาศอะไรที่จะกระทบต่อองค์กร ส่วนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ น.ส.มัลลิกา เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่พนักงานภายในองค์กรเห็นว่าอะไรไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม มีผลกระทบกับองค์กรก็ต้องมีการตรวจสอบ เพื่อให้คลายสงสัย เป็นเรื่องปกติ

นายจอม กล่าวอีกว่า เมื่อน.ส.มัลลิกา มีพฤติกรรมที่น่าสงสัยกับองค์กรภายใน จึงต้องมีการตรวจสอบเป็นเรื่องธรรมดา วันนี้ไอทีวีจบแล้วทุกอย่างก็จบ และการที่ น.ส.มัลลิกาออกมาแถลงข่าว ทางผู้บริหารของไอทีวีเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ และจะไม่ออกมาตอบโต้ เพราะน.ส.มัลลิกา เป็นเพียงแค่อดีตคนไอทีวีเท่านั้น เมื่อถามว่า น.ส. มัลลิกา ออกมาแถลงชูกบฏไอทีวี และไม่เห็นด้วยกับแนวทางของไอทีวีที่ให้รัฐบาลอุ้ม เหมือนกับเป็นการตอกย้ำว่าไอทีวีได้กระทำผิดไม่ต่างจากการรับใช้ระบอบทักษิณหรือไม่ นายจอม กล่าวว่า ไม่คิดว่า น.ส.มัลลิกา หักหลังอะไร และเพื่อนในวงการสื่อคงรู้เบื้องหลังของ น.ส.มัลลิกาดี ขณะนี้สังคมควรใช้ดุลพินิจในการพิจารณา

ในส่วนของพวกเรา จะขอเดินหน้าพิสูจน์ต่อไป ถ้าจะตายขอตายอย่างสมเกียรติ เพราะวันนี้พวกเราก็เหมือนกับคนตกงาน ที่ไปรับจ้างทำงานโดยไม่รับค่าจ้าง เป็นการทำเพื่อประชาชน แม้จะเจ็บปวด แต่ก็ต้องทำงานเพื่อสัญญาประชาคม ทั้งที่รู้ชะตากรรมตัวเองว่ากรมประชาสัมพันธ์อาจจะไม่ให้งบ 90 ล้านบาทมาสนับสนุน ซึ่งเราเองก็ยอมรับว่าเรามีจุดอ่อนในการตรวจสอบอดีตรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถ้ามองกันอย่างยอมรับความจริง ต้องย้อนถามว่าวินาทีนี้สื่อคนไหนบ้างที่กล้าคานกับ รัฐบาลทหาร ซึ่งตรงนี้ก็ Same Thing สื่อก็ต้องแฟร์ จะมาโทษกันไม่ได้ วันนี้นักข่าวทุกคนต้องตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจังและช่วยกันปฏิรูปการเมือง นายจอม กล่าว

 
 

อ่านข่าวทั้งหมดของ เดลินิวส์ ได้ที่นี่www.sanook.com
 

คำสำคัญ (Tags): #ข่าวสาร
หมายเลขบันทึก: 83284เขียนเมื่อ 11 มีนาคม 2007 17:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม 2012 21:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • ข่าวแบบนี้  ไม่ต้องมาลงก็ได้นะครับ  ไปอ่านที่ต้นฉบับได้
  • ครูอยากให้หนู รู้จักวิเคราะห์องค์ความรู้อันเกิดจากข่าว  มานำเสนอมากกว่า
  • หรือเป็นเรื่องราวอื่น ๆ ที่หนูมีความถนัดก็ได้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท