หัวข้อนี้เป็นชื่อของหนังสือที่ตั้งใจจะเขียนมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาส วันนี้เหตุและปัจจัยพร้อมจึงได้ถือโอกาสเปิดเรื่องเบื้องต้น... เนื้อหาของเรื่องจะว่าด้วยบางสิ่งบางอย่างภายในวัด ซึ่งจะทิ้งก็เสียดาย หรือบางครั้งก็เป็นการไม่เหมาะสม จึงจำเป็นจะต้องเก็บไว้... สิ่งเหล่านี้ภายในวัดมีหลากหลายมากมายชนิด ซึ่งผู้เขียนรวมทั้งหมดแล้วเรียกว่า สมบัติบ้า
มูลเหตุที่กระตุ้นให้เขียนในวันนี้ เนื่องจากผู้เขียนปวดฟันมาหลายวันแล้ว จะหายาสีฟันวิเศษนิยมสักห่อหนึ่ง จึงลองค้นๆ ดู แต่ไม่เจอ.. บังเอิญกระดาษทิชชู่มาปรากฎ ผู้เขียนก็นึกได้ว่ากล่องใส่กระดาษว่างอยู่สองกล่องยังไม่มีกระดาษ ก็เลยหยิบกระดาษแกะใส่กล่องตามที่ควรจะเป็น...
ขณะที่แกะกระดาษใส่กล่อง ก็ย้อนระลึกไปว่า สมัยบวชใหม่ๆ (พ.ศ. ๒๕๒๘) กระดาษทิชชู่ไม่มีใช้... เวลาจะฉันข้าวภายในวัด พระเณรมักจะมีผ้าผืนเล็ก (คล้ายๆ ผ้าข้าวม้าของชาวบ้าน) รัดเอวหรือพาดบ่าไปด้วย เพื่อจะใช้รับประเคนของที่อุบาสิกาจะถวายบ้าง ใช้เช็ดปากเช็ดมือบ้าง หรือบางรูปก็ใช้เช็ดช้อนจานหรือบาตร ... พอรู้สึกว่าผ้ามีกลิ่นก็ใช้นุ่งอาบน้ำและซักไปด้วย... ผ้าผืนเล็กๆ ผืนนี้ ใช้ได้สารพัดประโยชน์จริงๆ
เมื่อคิดๆ ไป พลางก็ค้นหายาสีพันวิเศษนิยมไปด้วย คำว่า สมบัติบ้า ก็เข้ามาสู่ครองความคิดอีกครั้ง ดังนั้น จึงได้ความคิดว่า เขียนเล่าเรื่องสมบัติบ้าในวัดดีกว่า.... ก็จะเล่าไปเรื่อยๆ ตามที่จะนึกจะคิดได้เป็นตอนๆ ไป
จะคุยเรื่องกระดาษทิชชู่อีกนิด ผู้เขียนไม่เคยไปอินเดีย แต่เพื่อนบางรูปบางคนที่เค้าเคยไปเรียนไปอยู่อินเดีย เล่าให้ฟังว่า กระดาษทิชชู่ในอินเดียแพงมาก เพราะคนเห็นว่าเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย ไม่เป็นสิ่งจำเป็น ... ขณะที่เมืองไทยเดียวนี้ เวลาพระ-เณรจะฉันข้าว ก็ต้องเตรียมกระดาษทิชชู่ไว้ด้วย...ประมาณนี้ (ไม่จำเป็นจะต้องอ้างถึงบุคลและสถานที่อื่น ซึ่งกระดาษทิชชู่มีปรากฎทั่วไป)
สมบัติ...ไม่บ้าหรอกครับพระอาจารย์...555
คนหรือพระต่างหากที่บ้า...อิอิ(มาถึงก็ดักคอตามประสาศิษย์โปรด...)
ไปเป็นวิทยากรให้กับผู้อำนวยการและทีมงานของศูนย์ต่าง ๆ 11 ศูนย์ทั่วประเทศของสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนของท่านมีชัย วีระไวทยะ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิด 1 ใน 60 อันดับแรกของเอเชีย...หลายวันจนพระอาจารย์ถามหา...
ที่จริงผู้เข้ารับการอบรมหลายคนมีความรู้ความสามารถมากกว่าผม...ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรอีกมาก...Feed Back ที่บอกผมว่าเอาจริง(Serious) เกินไปหน่อย...ทำให้ผมรูสึกว่า...ยังมีสมบัติบ้าในสมองผมอยู่ไม่น้อย...ก็คิดว่าเป็นการตอบแทนที่สมาคมให้โอกาสผมได้เข้าไปอบรม Advance TOT เมื่อ 12 ปีที่แล้วกับต่างชาติด้วยครับ...
มีกิจกรรมก็ได้รับรู้อะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ไม่จำเจ....
นึกถึงนิยายจีนเรื่องหนึ่งได้ เคยดูนานมากแล้ว (รู้สึกว่าก่อนบวชโน้นแหละ ? ไม่ค่อยแน่ใจ)
พระเอกออกจากบ้านไปเที่ยว ท่องยุทธภพอยู่หลายปี... เมื่อผ่านมาใกล้บ้าน ก็พาเพื่อนๆ ๓-๔ คน มาบ้านเพื่อมาเยี่ยมพี่ชาย.... เมื่อถึงตอนนี้ อาตมาคิดว่าพระเอกคงจะถูกพี่ชายด่าเอ็ดตะโรในฐานที่เที่ยวสำมะเลเทเมาไม่กลับบ้านหลายปี..ประมาณนี้
จำได้ว่าพี่ชายของพระเอกเป็นหมอ ...พี่ชายของพระเอกดีใจที่น้องพาเพื่อนๆ มาเยี่ยม และบอกว่าตัวเองก็อยากใช้ชีวิตแบบนี้ ท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง ได้พบปะผู้คนแปลกหน้าหลายตา ต่างความคิดความเห็น และได้ชิมอาหารรสชาติแปลกลิ้น.... ส่วนตัวเค้าเอง (พี่ชายพระเอก) บอกว่า ต้องรักษาผู้ป่วยวันแล้ววันเล่า จำเจ ไร้รสชาด...ประมาณนี้
ท่านเลขาฯ (ตำแหน่งใหม่) ตอนนั้น อาตมาก็ไม่ค่อยเข้าใจความเห็นของพี่ชายพระเอก เพิ่งมาเข้าใจเมื่อายุมากขึ้นนี้แหละ...
แต่ ท่านเลขาฯ ตอนนี้ไปท่องเน็ตก็ได้ 5 5 5
เจริญพร
มีพรอาจารย์อยู่...ศิษย์จะกลัวอะไร...55555
ประมาณว่าช่วงนี้ได้โอกาสทำงานแปลกใหม่(นี่ละม้างที่เขาว่า...ทำงานที่เดียวเกิน 4 ปี จะหมดไฟ...555)...มีอาการนอนไม่นิ่งสงบเหมือนที่ผ่านมา(ภรรยาผมสะท้อนให้ฟัง...อิอิ) ก็หวังพึ่งพระอาจารย์คอยกระตุ้นเตือนสติอีกคน...อิอิ
ฟังคุณโยมอ้างถึงศรีภริยาก็นึกถึงเพื่อนอาตมาคนหนึ่ง มาเยี่ยมและเล่าให้ฟัง ไม่กิ่วันก่อน...
เค้าก็บอกว่าช่วงนี้เครียดหนัก ศรีภริยาบอกว่า นอนดิ้นและละเมอเกือบทั้งคืนเลย...
คงจะเป็นธรรมดาของโลก...
เจริญพร
คุณโยมว่าทำนองนั้นก็ได้เช่นเดียวกัน...
ลางที สมบัติบ้าในวัด อาจแยกเป็นของส่วนตัวกับของส่วนรวม...
เรื่องพระหรือเณรบางรูป มีสมบัติบ้ามาก บางรูปไม่ค่อยมีสมบัติ ... ค่อยวิจารณ์เมื่อถึงเรื่องนี้ ครับ...
......
สมบัติบ้า คือ จะทิ้งก็เสียดายเพราะคิดว่ายังมี ความเป็นไปได้ ที่จะต้องใช้...
ถ้ายังมี ความจำเป็น ที่จะต้องใช้ ก็อาจไม่จัดเป็นสมบัติบ้า...
ซึ่งเรื่องนี้อาจขึ้นอยู่ที่การพิจารณาของเราเอง..ประมาณนี้
เจริญพร