รัฐบาลได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่เป็นนักวิชาการ ซึ่งเสียงสะท้อนจากหลาย ๆ ฝ่ายมีความพึงพอใจพอสมควร ช่วงต่อไปเมื่อเริ่มปฏิบัติงานแล้ว คะแนนนิยมจะเป็นอย่างไร ก็ต้องติดตามกับต่อไป เฉพาะหน้านี้ปัญหาด้านเศรษฐกิจการเงินที่เร่งด่วนคงมีอย่างน้อยสองเรื่อง
เรื่องหนึ่งคือมาตรการกันเงินสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์ ปัญหานี้คงมิใช่ปัญหาทางด้านนโยบาย เพราะนโยบายป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาท เพื่อปกป้องความมั่นคงของเศรษฐกิจไทยนั้น เป็นนโยบายที่ถูกต้อง คงไม่มีรัฐบาลประเทศไหนไม่คิดปกป้องความมั่นคงของค่าเงินและความมั่นคงของเศรษฐกิจประเทศตนเอง ปัญหาที่เห็นแตกต่างกันนั้น เป็นปัญหาระดับปฏิบัติจริง ที่จะเลือกใช้มาตรการเข้มงวดหรือใช้ยาแรงขนาดไหน การปรับเปลี่ยนในจุดนี้ จึงมิใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร ปัญหาเรื่องที่สองคือ ความล่าช้าในการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งก็น่าแปลกที่มันเกิดเป็นปัญหาจนได้
ท่านประธานหอการค้าไทย นายประมนต์ สุธีวงศ์ ให้ความเห็นกับสยามรัฐว่า งานที่ต้องการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่สานต่อ คือเร่งรัดผลักดันการเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 2550 ให้ออกสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด เนื่องจากการใช้จ่ายงบประมาณขณะนี้ยังถือว่าล่าช้า เพราะกลไกทางราชการ ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะเราได้เห็นการร้องเรียนจากหลายจุดว่า เงินงบประมาณไปถึงท้องถิ่นล่าช้า เช่น เงินเพิ่มพิเศษ ค่าเสี่ยงภัยสำหรับข้าราชการในสามจังหวัดภาคใต้ ก็มีเสียงบ่นว่าติดค้างอยู่นานหลายเดือนกว่าจะเบิกได้ เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ก็มีเสียงบ่นว่าได้ช้าเช่นกัน
ยิ่งประธานหอการค้าไทยเป็นคนบ่นเองว่า การใช้จ่ายงบประมาณยังล่าช้า คนในกระทรวงการคลัง ไม่ควรจะนิ่งดูดาย การจ่ายงบประมาณ พ.ศ 2550 ก็ควรจะปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ 7 ข้อในการใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ 2551 ที่รัฐบาลนี้กำหนดได้ ไม่จำเป็นจะต้องรอไปปฏิบัติเอาตอนปี 2551
ปัญหาร้อนแรงในสามจังหวัดภาคใต้นั้น คนทั่วไปทราบดีว่า การทำงานในพื้นที่นั้นมีความสำคัญยิ่งยวดอย่างไร แต่แล้วทำไมงานแนวหลังที่ต้องสนับสนุนกองหน้า คือการเบิกจ่ายงบประมาณจึงล่าช้า ล่าช้าเพราะอะไร ต้องมีคำตอบ และมาตรการแก้ไข จะต้อง “เข้าเกียร์” หรือถึงขั้น “แทงด้วยปฏัก” ท่านรัฐมนตรีคนใหม่ต้องรีบตรวจสอบและตัดสินใจ หรือว่าการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า เพราะในคลังไม่มีเงินเพียงพอ ก็ต้องรีบใช้มาตรการทางการคลังจัดการแก้ไขเสีย และก็อย่าลืมว่า ชาวบ้านคิดเรื่องปากท้องเป็นใหญ่ ความถูกความผิดทางการเมืองเป็นเรื่องของ รัฐบาลอย่าปล่อยให้เศรษฐกิจฝืดเคือง ต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างเช่นที่ประธานหอการค้าไทย เสนอให้รัฐมนตรีคนใหม่เร่งดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าให้เดินหน้าอย่างต่อเนื่องเป็นต้นสยามรัฐ 9 มี.ค. 50
ไม่มีความเห็น