AAR การประชุมภาคี KM ภาคราชการ ครั้งที่ 1
ประชุมเมื่อวันที่ 24 พ.ย.48 ที่ สกว. โดยมีหน่วยราชการมาร่วมประชุม 7 หน่วย ในลักษณะของการ ลปรร. เทคนิคการทำ KM, วิธีการบริหารจัดการระบบ KM ของหน่วยงาน, การตีความปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการทำ KM, และเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ความคาดหวังของผมในการริเริ่มการประชุมนี้ขึ้น ก็เพื่อให้เกิดเครือข่าย KM ภาคราชการในรูปแบบใหม่ที่เป็นเครือข่ายหลวม ๆ มี "พื้นที่" ของการ ลปรร. การทำ KM ทั้งพื้นที่จริง คือการประชุมแบบนี้กับการไปพบปะร่วมมือกันระหว่างหน่วยงาน กับพื้นที่เสมือนคือ การ ลปรร. กันในบล็อก
สิ่งที่ได้เกินคาด คือได้เห็นผู้ที่ชาญฉลาด ใช้เวทีนี้เป็นที่ขอคำแนะนำวิธีดำเนินการ KM เรื่องอาหารปลอดภัย จ.สมุทรสงคราม คือ อ. แมนสรวง เพ็งนู ([email protected]) ผู้ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามว่า KM ของจังหวัดให้ทำเรื่องเดียวคือ อาหารปลอดภัย มอบให้ อ. แมนสรวงซึ่งเป็นศึกษานิเทศก์เป็นผู้ประสานงานให้เกิด KM เรื่องนี้ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประมาณ 20 หน่วยงาน จากการประชุมนี้ อ. แมนสรวงได้รับคำแนะนำทั้งยุทธศาสตร์การดำเนินการและมีภาคีให้อย่างดีจากกรมส่งเสริมการเกษตรคือ คุณสรณพงศ์ บัวโรย นักวิชาการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งทำหน้าที่ "คุณอำนวย" อยู่แล้ว และ อ. แมนสรวงก็บอกว่าเคยทำงานร่วมกันหลายเรื่อง การดำเนินการ KM ต้องไม่เริ่มจากศูนย์อย่างที่ อ. แมนสรวงทำนี่แหละ
เป้าหมายของการเกิดเครือข่ายก็ได้รับตามความคาดหมาย ผู้มาร่วมประชุมเห็นคุณค่าของการรวมตัวกันง่าย ๆ แบบนี้ และนัดกันว่าจะประชุมเครือข่ายทุก ๆ 3 เดือนหมุนเวียนสถานที่ประชุม โดยคราวหน้าประชุมที่ รพ.ศิริราช วันที่ 16 ก.พ.49 เวลา 09.00 - 13.00 น.
เราคงต้องรอดูผลการ ลปรร. ในบล็อกต่อไป แต่ดูจากความขยันทำ website ของกรมราชทัณฑ์ (เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก), กรมส่งเสริมการเกษตรและสถาบันบำราศนราดูรแล้ว ก็น่าจะเดาได้ว่าการ ลปรร. กันโดยใช้ IT น่าจะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก เว็บไซต์แรกที่เราได้ชมคือ www.correct.go.th/popphit/kmi.htm ของเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก พัฒนาและดูแลโดยคุณธวัช พันมา ([email protected]) นักทัณฑวิทยา 5 เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ที่ใช้เวลานอกเวลาราชการจัดทำเว็บไซต์ KM นี้ เป็นที่ชื่นชมไปทั่วกรมราชทัณฑ์ ผมได้เข้าไปเยี่ยมชมแล้ว จัดเป็นเว็บไซต์ KM ที่ดีและมีชีวิตชีวามาก โดยเฉพาะคอลัมภ์ "คุย KM" ของคุณธวัช
คุณธวัชเล่าให้ที่ประชุมฟังว่าการทำ KM มีผลต่อลูกชายของตนด้วย แต่ไม่ใช่ผลจากการทำ KM ของตนเองนะครับ เป็นผลจากการทำ KM ของ รพ. ค่ายสมเด็จพระนเรศวรที่ จ.พิษณุโลก ทำให้ลูกชายของคุณธวัชซึ่งก็เหมือนเด็กทั่วไปคือไม่ชอบการไปโรงพยาบาล แต่ที่ รพ.ค่ายฯ ลูกชายคุณธวัชยินดีไป เนื่องจากที่ รพ.ค่ายฯ มีการจัดบรรยากาศที่แปลก ทำให้เด็กไม่กลัว ซึ่งคุณธวัชเข้าใจว่าเป็นผลของการทำ KM
ที่กรมราชทัณฑ์นี้ท่านอธิบดีสนใจ KM มาก ได้ส่งข้าราชการจากสถาบันพัฒนาข้าราชการราชทัณฑ์มาร่วมประชุม 2 คน คือคุณสาธิกา สามศรี นักพัฒนาทรัพยากรบุคคล ([email protected]) ผู้ประสานงาน KM ของกรม กับคุณประณต สมิตัย นักทรัพยากรบุคคล "คุณอำนวย" กระบวนการเรียนรู้ (0-2967-2222 ต่อ 168)
อีกเว็บไซต์หนึ่งคือ DOAE KM ของกรมส่งเสริมการเกษตร ดูได้ที่ http://effiu.doae.go.th/doae%20KM/ ผู้มาร่วมประชุมจากกรมส่งเสริมการเกษตรมี 3 คน คือคุณธุวนันท์ พานิชโยทัย ([email protected]) ผอ. กลุ่มงานวิจัยและพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตร ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการกลุ่มงานส่งเสริม KM ของกรมด้วย, คุณนันทา ติงสมบัติยุทธ นักพัฒนาทรัพยากรบุคคล, และคุณสุภา สุรพญานนท์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตรทำ KM อย่างเป็นระบบมาก มีจังหวัดนำร่อง 9 จังหวัด ทำมาแล้ว 1 ปี สรุปได้ว่า จ.กำแพงเพชรทำ KM ได้เด่นที่สุดและจะนำมาเสนอในงานมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติ วันที่ 1 ธ.ค.48 นี้
สถาบันบำราศนราดูร มีเว็บไซต์คือ www.bamras.org เป็นเว็บไซต์ที่มีบุคลิกของสถาบันวิชาการเต็มตัว ผู้มาร่วมประชุมคือหัวขบวน KM 3 คนของสถาบันคือ ผอ., รอง ผอ., และผู้ทำตัวชี้วัด KM ได้แก่ พญ. อัจฉรา เชาวะวณิช ผอ. ([email protected]), พญ. ศิริวรรณ สิริกวิน รอง ผอ.([email protected]), และคุณสิริพร ชาตะปัทมะ นักวิชาการสาธารณสุข ([email protected]) ฟังเรื่องราว KM ของสถาบันบำราศฯ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลโรคติดเชื้อ (เอดส์, SARS, หวัดนก) และเป็นสถาบันวิชาการด้วย เป็นวิชาการเกี่ยวกับโรคอุบัติใหม่ ลักษณะของ KM จึงเป็น KM ของงานเชิงวิกฤตเชิงบุกเบิกเข้าไปในขอบฟ้าใหม่ที่คงจะหาหน่วยงานเหมือนได้ยาก เป็นงานที่ท้าทายและต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
การทำ KM บุกเข้าไปใน "ขอบฟ้าใหม่" เป็นเรื่องที่จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย ส่วนที่ผมคิดว่าง่ายคือการที่จะได้ KA ที่เป็นเนื้อเป็นหนังเป็นของใหม่ ดังตัวอย่างหนังสือเล่มนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็น "สุดยอด KA" เกี่ยวกับโรค SARS แต่ผมก็ยังคิดว่านี่เป็น "macro knowledge" ถ้าสถาบันฯ ทำ KM ในงานประจำเรื่องโรคติดเชื้ออุบัติใหม่อย่างจริงจังต่อเนื่อง น่าจะได้หนังสือรวบรวมความรู้ปฏิบัติที่หน้างาน เป็นความรู้เล็ก ๆ ของผู้ปฏิบัติจำนวนมากมายในลักษณะ "micro knowledge" ขอฝากท่าน ผอ. พญ. อัจฉราไปพิจารณาดู
ปกหนังสือประสบการณ์โรค SARS ในประเทศไทย
ท่านผู้อ่านอาจสังเกตว่าคุณหมออัจฉรา นามสกุลเดียวกันกับคุณ Morning Glory (กรกฎ เชาวะวณิช) นักเขียนและบรรยายเรื่องบล็อก นั่นคือลูกชายอัจฉริยะของคุณหมอครับ
กรมอนามัย คุณศรีวิภา เลี้ยงสกุล เลขานุการคณะกรรมการ KM กรม กับคุณเพชรรัตน์ ศีรีวงศ์ จากศูนย์อนามัยที่ 1 มาเล่าว่ากรมอนามัยดำเนินการฝึกอบรมทั่วทั้งกรม แล้วให้แต่ละหน่วยงาน (มี 30 หน่วยทั่วประเทศ) ไปดำเนินการเอง ที่เด่นคือศูนย์อนามัยที่ 1 กรุงเทพฯ กับ ศูนย์อนามัยที่ 6 ขอนแก่น ข้อเด่นอีกอย่างหนึ่งของกรมอนามัยคือมีวิทยากรที่สามารถช่วยเหลือหน่วยงานอื่นได้ สคส. เราส่ง "ลูกค้า" ไปให้เป็นระยะ ๆ เพราะประจักษ์ในความสามารถ ศูนย์อนามัยที่ 1 มีลูกเล่นในการใช้ KM มากแต่ผมจะไม่เล่า ปล่อยให้คุณอ้อเป็นผู้เล่าในบล็อกจะดีกว่า
อ. จิรัชฌา วิเชียรปัญญา หนึ่งในวิทยากร KM ที่ไปช่วยหลายหน่วยราชการเสนอให้พิจารณาว่าหน่วยราชการน่าจะช่วยกันพิจารณาว่าโมเดล KM แบบไหนที่เหมาะสมกับหน่วยราชการ เพราะว่าเวลานี้มีอยู่ 2 โมเดลใหญ่ ๆ คือของสถาบันเพิ่มฯ ใช้โมเดลของบริษัทซีร็อกซ์ กับโมเดลของ สคส. ที่ใช้เครื่องมือชุดธารปัญญา storytelling โมเดลปลาทู ปลาตะเพียน ผมมีความเห็นว่าต้องใช้ทั้งแบบของสถาบันเพิ่มฯ และของ สคส. ผสมกัน คือแบบของสถาบันเพิ่มฯ เป็น template ภาพใหญ่ ส่วนของ สคส. เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนกระบวนการ คุณอ้ออาจพิจารณาบรรจุประเด็นนี้เป็นวาระหนึ่งในการประชุมคราวหน้าก็ได้
คุณสมชาย ไตรรัตนภิรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท ทริส ([email protected]) มาร่วมประชุมด้วย และเล่าแนวคิดเกี่ยวกับการประเมิน performance ของหน่วยราชการ โดยในช่วงแรกจุดที่ต้องการประเมินคือ ดูว่าหน่วยราชการได้ทำกิจกรรม/กระบวนการเพื่อสร้าง learning & change ภายในหน่วยงานเพียงใด ผมฟังแล้วสรุปกับตนเองว่า หน่วยราชการที่ตั้งใจทำกิจกรรม KM เพื่อให้เกิดผลต่อการพัฒนางาน พัฒนาคน และพัฒนาองค์กรให้เป็น LO ย่อมจะได้คะแนนส่วน KM 5 คะแนนเต็มอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญคือกิจกรรม KM จะส่งผลให้ได้คะแนนส่วนที่เหลือ 95 คะแนนสูงไปด้วย
ถ้าเราทำงานจริง จับหลักของการพัฒนาถูกต้องและเข้าใจ concept ของการประเมิน การประเมินจะเป็นเรื่องเล็ก ตอนผมทำหน้าที่ ผอ. สกว. ก็เคยถูกทริสประเมินในลักษณะคล้าย ๆ กัน แทนที่เราจะสนใจผลการประเมิน เรากลับขอให้ทริสนำเสนอ concept เบื้องลึกของการประเมินให้เราได้เรียนรู้ พวกเราที่ สกว. ได้เรียนรู้มากและยังประทับใจไม่รู้ลืม
เนื่องจากสมาชิกที่มาร่วมประชุมมีที่เป็นระดับกรมถึง 3 หน่วยงานคือ กรมราชทัณฑ์, กรมส่งเสริมการเกษตร, และกรมอนามัย ผมมองว่ากรมใหญ่ ๆ เหล่านี้สามารถจัด "มหกรรมจัดการความรู้" ของกรม นำผลสำเร็จตามวิสัยทัศน์ของกรมมาทำ storytelling สกัด Knowledge Assets แล้วเผยแพร่ ให้รางวัลเจ้าของเรื่องเล่าและ KM ชั้นยอด รวมทั้งประกาศให้รางวัลกลุ่มที่นำ KA ที่ได้ไปประยุกต์ใช้และยกระดับความรู้ขึ้นไปอีก โดยนำมาประกวดกันผ่านการเล่าในบล็อก และมาเล่าในมหกรรมปีต่อไป
คุณอ้อ ผู้จัดการประชุมนี้คงจะเอารายละเอียดมาเล่านะครับ รวมทั้งเราจะเอารายงานการประชุมขึ้นเว็บไซต์และบล็อกด้วย
การประชุมคราวหน้า (และทุก ๆ ครั้ง) เป็นการประชุมแบบเปิดนะครับ ใครอยากเข้าร่วมประชุมก็บอกคุณอ้อ ([email protected]) แล้วเข้าร่วมเป็นการประชุมแบบที่หน่วยราชการที่เห็นคุณค่าของเวทีแลกเปลี่ยนนี้ส่งผู้แทนมาร่วม ถ้าต้องเดินทางมาจากต่างจังหวัดก็ออกค่าใช้จ่ายกันเอง
บรรยากาศการประชุม
วิจารณ์ พานิช
24 พ.ย.48
การประชุมของหน่วยงานภาครัฐดังกล่าวมีประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากการศึกษาข้อมูลจากหลายหน่วยงานในภาครัฐ พบว่ารูปแบบ หรือ Model ที่หน่วยงานราชการนำไปประยุกต์ใช้นั้นยังไม่มีแบบแผนตายตัวสำหรับในระดับกระทรวง อีกทั้งยังพบอีกว่าหลายหน่วยงานยังไม่สามารถเดินหน้าเรื่อง KM ได้ เนื่องจากความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ KM ยังไม่ชัดเจน จึงทำให้ผลการปฏิบัติงานด้าน KM ยังไม่ปรากฎเด่นชัด
การทำ KM ในสำนักผู้ตรวจราชการประจำเขตตรวจราชการที่ 3 (กระทรวงศึกษาธิการ) จังหวัดลพบุรี เพิ่งเริ่มทำจริงจังในปีนี้เป็นปีแรก อย่างมีส่วนร่วมในการประชุมการจัดทำ KM ของหน่วยงานภาครัฐบ้าง เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในหน่วยงาน เพราะที่ทำเริ่มจากการอ่าน และค้นข้อมูลทางเว็ปไซด์ ยังไม่ทราบว่าตนเองเดินทางถูกทิศหรือไม่