ประสบการณ์ไปซื้อมือถือกับพ่อ


พ่อบอกว่า..ครั้งนี้จะตามใจ แต่ว่าให้ใช้เงินสะสมของฉันที่ฝากไว้ที่ธนาคาร

   เมื่อตอนที่ฉันสอบเข้า ม.๑ มีที่เรียนต่อ ที่โรงเรียนเซนต์นิโกลาส พ่อของฉัน ได้ไปซื้อโทรศัพท์มือถือให้เครื่องหนึ่ง เป็นโทรศัพท์ยี่ห้อ Sumsung เพื่อเอาไว้ให้ฉันได้ติดต่อกับทางบ้าน

   พ่อไม่ได้ซื้อเครื่องใหม่ให้ เป็นเครื่องมือสอง แต่เป็นแบบพับได้ ซึ่งฉันชอบสไตล์แบบพับได้...

   ฉันนำโทรศัพท์มือถือไปที่โรงเรียนอยู่ระยะหนึ่ง..แต่คุณครูที่โรงเรียนสั่งห้ามนำโทรศัพท์ (มือถือ) ไปที่โรงเรียน..ถ้าพบก็จะยึดเสีย...ไม่ต้องบอกเหตุผลผู้อ่านคงทราบ..

  เวลาฉันไปโรงเรียน ช่วงเช้าแม่ก็จะมาส่งฉันขึ้นรถเมล์สาย ๑๒.. ฉันขึ้นต้นทาง นั่งรถไปโรงเรียนเที่ยวเวลา ๖ โมงครึ่ง ไปลงที่สถานีรถไฟในเมือง แล้วก็เดินข้ามรางรถไฟไปที่โรงเรียน..

    ขากลับจากโรงเรียน ตอน ๔ โมงครึ่งเย็น..ฉันก็กลับในเส้นทางเดิม...พอมาสุดสาย ๑๒ ฉันก็โทรศัพท์ให้พ่อมารับ..หรือขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน....ช่วงที่ไม่ได้นำโทรศัพท์มือถือไป..ฉันมักแวะโทรศัพท์สาธารณะที่ร้านเซเว่นฯ.....

   ฉันสอบปลายภาคเรียนเสร็จ เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๐ พอวันที่ ๖ มีนาคม ฉันก็ไปดูผล..ว่าฉันติด"ร" หรือไม่...ปรากฏว่าไม่มี ฉันจึงสอบผ่าน..และจะฟังผลสอบในวันที่ ๒๓ มีนาคม

   ฉันมักอ้อนพ่อ ให้ซื้อของที่เป็นผลพวงมาจากการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสมอ...แต่พ่อก็จะมีวิธีพูดผ่อนผัน ไม่ตามใจฉันง่ายๆ

   เมื่อฉันไม่ติดรอ ฉันอ้อนพ่อให้ซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ให้ เนื่องจากเครื่องเดิม พอใช้ไป มักจะดับแบบไม่มีเหตุผล...ฉันนึกว่าพ่อจะห้ามฉัน..แต่ครั้งนี้พ่อไม่ห้าม

   พ่อบอกว่า..ครั้งนี้จะตามใจ แต่ว่าให้ใช้เงินสะสมของฉันที่ฝากไว้ที่ธนาคาร...ซึ่อพ่อฝากไว้ให้ตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ โน่น...พ่อบอกว่า "เงินสะสมนี้ เก็บไว้ใช้เพื่อสนับสนุนการศึกษา"

   วันนี้ตอนบ่าย พ่อพาฉันไปเบิกเงินที่ธนาคาร จำนวน ๖ พันบาท เพื่อเตรียมไปซื้อโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ "โนเกีย" ซึ่งฉันเคยไปดูแบบและราคามาแล้ว..เขาติดราคาไว้ที่ ๕,๙๙๐ บาท

   ไปที่ร้านในบิ๊กซี...เดินดูอยู่หลายร้าน...ราคาเงินสดที่จะซื้ออยู่ที่ ๕,๗๐๐ บาท (model 6085)  แต่พอเอามือถือของฉันไป Turn เขาให้ราคาแค่ ๕๐๐ บาท..จำได้ว่าเมื่อ ๒-๓ เดือนที่ผ่านมายังให้ราคา ๑ พันบาทอยู่เลย...เขาบอกว่ารุ่นนี้ไม่มีอาหลั่ยแล้ว..พ่อก็เลยไม่ยอมเปลี่ยน

   ไปอีกร้านหนึ่ง เขาคิดราคามือถือแค่ ๕,๖๐๐ บาท และเขาให้ราคามือถือเก่าที่ ๕๐๐ บาท..พ่อต่อรองว่าถ้า Turn แล้ว ขอจ่ายแค่ ๕,๐๐๐ บาท จะตกลงไหม..เขา OK แต่พอเขาเอามือถือของฉันไปตรวจสอบแล้ว..เขาบอกว่าให้ราคาแค่ ๓๐๐ บาทเท่านั้น เพราะพอชาร์จแบตเตอรี่แล้ว..เครื่องดับ แสดงว่าเครื่องเคยถูกทำหล่นมาแล้ว...ฉันไม่รู้ประวัติของเครื่องเพราะว่าเป็นเครื่อง "Second Hand"

   พ่อบอกไม่ขายดีกว่า...เอาไว้ใช้เอง...เจ้าของร้านอยากขายมือถือให้จึงบอกว่าจะคิดราคาใหม่ให้แค่ ๕,๔๐๐ บาท และจะแถมซิมฟรีให้ ๑ อัน...พ่อคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตกลง ให้สลับซิมเดิมของฉันไปใส่เครื่องใหม่..เจ้าของร้านยังโหลดเพลงให้ฉันอีก ๓ เพลง

   ตกลงโทรศัพท์ฯที่เคยติดราคาไว้ ๕,๙๙๐ บาท ฉันซื้อมาได้ในราคา ๕,๔๐๐ บาท เท่านั้น...ฉันไม่เคยหาเงินได้ด้วยตนเอง..จึงไม่รู้ว่ามันถูกหรือแพง..

หมายเลขบันทึก: 82532เขียนเมื่อ 8 มีนาคม 2007 00:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 22:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ถูกหรือแพงอยู่ที่ความคุ้มค่าในการใช้งานครับ ไม่ได้อยู่ที่ราคา

ต้องดูว่าราคานั้นๆ เราได้ function อะไรบ้าง แล้วจะได้ใช้ไหม ถ้าไม่ใช้ และหลีกเลี่ยงได้ก็ไม่ควรชื้อ

แต่ถ้าซื้อแล้วเราก็ต้องมาใช้ให้คุ้มค่า คุ้มราคา และคุ้มผลตอบแทนจริงๆ

ไม่งั้นไม่ควรซื้อเลยครับ

ที่ผมพูดมาเพราะเห็นคนซื้อตามแฟชั่น ไม่มูการใช้งาน และบางทีก็โดนหลอก

เช่นการถ่ายรูปส่วนใหญ่ใช้งานไม่ได้ แต่ก็อ้างว่ามี แต่ถ่ายแล้วภาพก็หยาบเอาไปทำอะไรไม่ได้ ก็ไม่ควรซื้อครับ

หรือ function อื่นๆก็เหมือนกัน

ผมถูกหลอกมาบ่อยครับ

เลยพอมีประสบการณ์ และผมก็ใช้รุ่นที่มี function พอดีกับที่ต้องใช้ ก็มีเกินมานิดหน่อยครับ

แต่การใช้งานผมคุ้มครับ ทุกหน้าที่เลยครับ ประมาณ ๑๐ กว่าหน้าที่ผมใช้หมดเลยครับ

นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆครับ

 ขอบคุณค่ะ วันนี้ลองใช้ function บางส่วแล้วค่ะ แต่ข้อมูลเต็มเครื่องเลยทำอะไรไม่ค่อยได้ ต้องรอซื้อ Micro SD มาช่วยในการเก็บข้อมูล  จะใช้ให้คุ้มที่สุดเลยค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท