ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายค่ะ มีอาการบ้านหมุน เดินเซ เวียนหัว หน้ามืด ตาลาย หลายวันเข้ามีการอาเจียน ปวดท้ายทอย...จนสุดท้ายต้องหยุดงานไปหนึ่งวัน ไปหาหมอ (ปกติไม่ค่อยเจ็บป่วยถึงขั้นไปหาหมอค่ะ...เป็นครั้งแรกที่ใช้บัตรประกันสังคม นับตั้งแต่ทำงานมาเลยนะคะ) หมอบอกว่า "น้ำในหูไม่เท่ากัน" ให้ยามากินแล้ว 3 วัน และนัดไปตรวจซ้ำถ้าอาการไม่ขึ้นในวันนี้ (27 กพ.50)
ลืมถามหมอไปว่าโรคนี้อันตรายหรือเปล่า...ต้องรีบกลับมาค้นในอินเตอร์เน็ต เลยรู้ว่า สาเหตุของโรคนี้เกิดจาก
เนื่องจากหูคนเราประกอบด้วยหูชั้นนอก, หูชั้นกลางและหูชั้นใน หูชั้นในแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนมีลักษณะคล้ายก้นหอยทำหน้าที่รับเสียง กับส่วนที่เป็นอวัยวะรูปเกือกม้า 3 อันมารวมกันทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัว หูชั้นในนอกจากจะแบ่งตามหน้าที่แล้วยังแบ่งตามโครงสร้างเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นกระดูก กับส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายใน ส่วนที่เป็นกระดูกจะห่อหุ้มส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายใน ภายในส่วนเยื่อหุ้มภายในจะมีของเหลวอยู่ เมื่อเกิดพยาธิสภาพของโรคมีเนีย ของเหลวที่อยู่ภายในจะคั่งมาก ทำให้การไหลเวียนไม่สะดวก แรงดันที่เพิ่มขึ้นในหูชั้นในจะขัดขวางการทำงานของกระแสประสาทที่เกี่ยวกับการได้ยินและการทรงตัว ทำให้สูญเสียการได้ยินและสมดุลย์เกิดอาการเวียนศีรษะเมื่อแรงดันมากขึ้นผู้ป่วยจะรู้สึกตึง ๆ ในหูข้างที่ผิดปกติ
การรักษาทางยา
- ยาขับปัสสาวะ เพื่อลดสภาวะอาการบวมและคั่งของน้ำในหูชั้นใน
- ยาลดอาการเวียนศีรษะและคลื่นไส้อาเจียน ควรใช้ในขณะที่มีอาการเท่านั้น
- ยากล่อมประสาท และยานอนหลับ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายและนอนหลับได้เป็นปกติ
- ยาขยายหลอดเลือด ช่วยลดอาการบวมและคั่งของน้ำในหูชั้นใน
นอกจากนี้การปฏิบัติตัวเพื่อให้ผู้ป่วยลดภาวะ อาการของโรคเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้แก่
- ลดภาวะเครียด ควบคุมอารมณ์ให้เบิกบานแจ่มใส และลดงานบางอย่างที่มากจนเกินไป
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะการนอนหลับ ถ้ามีเสียงรบกวนในหูมากจนทำให้นอนไม่หลับ ข้อแนะนำที่ดีคือเปิดเพลงเบา ๆ ขณะนอนเพื่อกลบเสียงที่รบกวนในหูให้หมดไป
- หลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้ คือ ชา กาแฟ เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้อาการแย่ลง
- การบริหารระบบการทรงตัว เป็นการบริหารศีรษะและการทรงตัวทำให้สมองสามารถปรับตัวได้รวดเร็วขึ้น
- พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น ในที่มีเสียงดัง แสงแดดจ้าหรืออากาศร้อนอบอ้าว เป็นต้น
- จัดสถานที่ที่บ้าน และที่ทำงานให้ปลอดภัย ทางเดินที่เดินเป็นประจำจะต้องปราศจากของมีคม และตกแตกง่าย
- การควบคุมอาหาร โดยลดอาหารที่มีรสเค็มโดยจำกัดเกลือ แนะนำให้เติมเกลือลงในอาหารวันละไม่เกิน 2 กรัม (ประมาณ 1 ช้อนชา)
****ต่อไปเห็นทีต้องพักผ่อนให้มากขึ้นซักนิด...และคงต้องออกกำลังกายบ้างแล้วล่ะ****
แวะมาให้กำลังใจค่ะ
ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ แถมอีกอย่างนะค่ะ ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ คุณ
กินยาเป็นประจำนะค่ะ และก็ต้องดูแลตัวเองตามที่คุณหมอแนะนำด้วยนะค่ะ
ตอนนี้แฟนกำลังเป็นอยู่เพิ่งเป็นมา3วันเอง อยากรู้มากค่ะว่าจะต้องดูแลรักษาอย่างไร
อาการตอนนี้ ก็ปกติดีค่ะ แต่วันไหนที่เหนื่อยๆ ก็มีโลกหมุนบ้านแต่ก็นิดหน่อยค่ะ ไม่เหมือนช่วงที่ต้องไปหาหมอ ลองไปหาหมอดูค่ะ กินยาแล้วดีขี้นค่ะ...ช่วงนี้มีเพื่อนๆ เป็นกันหลายคนเลย ไม่รู้เป็นเพราะอะไรนะคะ....รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคน
ช้าไปหรือปล่าวเนี้ย?
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องหาสาเหตุเสียก่อนว่า เราใช้ชีวิตประจำวันอย่างไร? ใช้โทรศัพท์มากไปหรือปล่าว? มีการแคะ แกะ ล้างหู หรืออุบัติเหตุอะไรมาก่อนหรือไม่ หรือทานอาหารที่ทำให้เป็นแก๊ส หรือเป็นหวัดเรื้อรัง การพักผ่อน นอนหลับไม่เพียงพอ หรืออะไรอีกมากมาย .......
แม้นว่าโรคนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายอะไรมากนัก..แต่มันก็ทำให้ท้อแท้..เสียกำลังใจ และเสียสูญเหมือนกันนะ...จนบ้างครั้งต้องทำใจคิดเสียว่ามันคงเป็นเรื่องของเวรกรรม....ก็เป็นส่วนหนึ่ง...ที่ต้องชดใช้..ทำบุญ..แพร่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรมากๆ นะค๊ะ
เราเคยเป็นเหมือนกัน แต่โชคดีหรือเป็นบุญที่ได้มีโอกาสใช้ของธรรมชาติในการบำบัด ไม่ยุ่งยาก ไม่เสียเวลา ทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ที่สำคัญยังช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายมีสมดุลกว่าเดิม ถ้าให้โอกาสกับชีวิต เปิดใจฟังเหตุผลก่อนเชื่อ...ย่อมดีกว่านะ ยินดีให้คำแนะนำ 082 5537799
หนทางมีมากหลาย...อยู่ที่ผู้เดินทางตัดสินใจเลือกถูกหรือผิด
คิดดี ทำดี พูดดีเพื่อให้คนอื่นดี ตนย่อมเป็นสุข
โชคดีทุกท่านค่ะ