ไฟใต้
ข้อเท็จจริงจากปากคนชายแดนภาคใต้
rayatanee
ท่านอยากรู้รายละเอียดของเหตุการณ์ปัจจุบันของปัญหาไฟใต้และที่มาของความคุโชน แล้วกำลังเริ่มลามไปทั่วประเทศในปี2550นี้หรีอไม่ โปรดอ่านบางส่วนตรงนี้ก่อน แล้วติดตามในรายเรื่อง "ไฟใต้ ,ข้อเท็จจริงจากปากคนชายแดนภาคใต้ " ตอนที่1และ2 ต่อไป
อาจจะมีตอนที่3และ4 หากไม่ถูกฆ่าหรือประสบปัญหาความไม่ปลอดภัยเสียก่อน
*********
จาก "ไฟใต้ ,ข้อเท็จจริงจากปากคนชายแดนภาคใต้ " ตอนที่1
))-: สาเหตุที่ทำให้ไฟใต้คุโชน เกิดจาก
1.การนำลัทธิวะฮาบี (สายหนึ่งในนิกายสุหนี่)เข้ามาโดยหะยีสุหลง เป็นลัทธิที่สอนให้ทำลายผู้เห็นแตกต่าง ไม่เลือกว่าเป็นมุสลิมหรือมิใช่มุสลิม
2.ผลประโยชน์จากเงินซะกาตตะวันออกกลางที่ไหลเข้าเป็นหมื่นๆล้านบาท อาจจะเป็นแสนล้านบาทแล้วด้วย จนมีรางวัลฆ่าคนกันแล้ว ถ้าฆ่าคนได้1คนได้เงินรางวัล2-3พันบาท แต่ถ้าเป็นข่าวด้วย จะได้เพิ่มเป็น5-8พันบาท กำลังเงินพร้อมมูลในการจัดซื้ออาวุธ รอเพียงเวลา ตอนนี้ปล้นบ้าง ซื้อเองบ้างเพื่อประหยัด กับซักซ้อมความชำนาญในการปล้นฆ่า
3. การสอนคนให้รู้ศาสนามาก แต่ไม่ให้ความสำคัญกับความรู้อื่นที่ใช้ประกอบอาชีพ ไม่รู้ภาษาไทยพอที่จะทำงานในเมืองไทย ไม่เข้าใจความเป็นไปโลกนอกมุสลิม รู้แต่คัมภีร์อัลกุรอานกับการตีความของผู้นำในท้องถิ่น พูดได้แต่ภาษายาวี กับภาษาอาหรับที่เชื่อกันว่าเป็นภาษาในสวรรค์
4.การสร้างสถานการณ์ยิง เผา วางระเบิดของกลุ่มพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่ใช้ทหารทำบ้าง จ้างมุสลิมทำ บ้าง เพื่อให้ได้งบประมาณด้านความมั่นคง ตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก จนถึงปัจจุบัน มีส่วนสร้างความชำนาญให้กลุ่มก่อการร้าย
5.การค้าอาวุธ และผลประโยชน์ชายแดน ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองบางกลุ่ม
6.การค้ายาเสพติดในกลุ่มมุสลิม และลูกหลานของกองพล93ที่เข้ามาฝังตัวในเบตง กับจังหวัดชายแดนภาคใต้
และ7.การอุ้มฆ่าของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่เปิดทางให้พลตำรวจเอกเพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ มีคณะทำงาน มีอาวุธ เครื่องมืออุปกรณ์ทันสมัย และเฮลิคอปเตอร์ลำดีที่สุดที่มีในประเทศไทยลงไปอุ้มและจัดการให้บุคคลที่ทักษิณคิดว่าเป็นภัยทางการเมืองของตัวเองหายไป โดยผู้ให้ข้อมูลเพื่ออุ้มฆ่า นอกจากการชี้เป้าของตำรวจ,นักการเมือง ยังมาจากจากความขัดแย้งของอิทธิพลท้องถิ่น กับความขัดแย้งภายในกลุ่มมุสลิมเอง
******
จาก " "ไฟใต้ ,ข้อเท็จจริงจากปากคนชายแดนภาคใต้ " " ตอนที่2
หะยีสุหลง - ซัยตอน(ซาตาน)ผู้จุดไฟใต้
))-: วะฮาบีคือลัทธิที่มุสลิมนิกายชีอะต์ให้นิยามไว้ว่า "ลัทธิที่ฆ่าฟันผู้มีความเห็นแตกต่างทุกคน กล้าปล้นและทำลายแม้กระทั่งสุสานของนบีมูฮัมหมัด " ผู้นำลัทธิวะฮาบีมาเผยแพร่ในเมืองไทยคือหะยีสุหลง ต้นตระกูลโต๊ะมีนา
))-: หะยีสุหลง ใช้ชีวิตในเมกกะนานถึง20ปี ศึกษาความชำนาญการทำลายล้างผู้อื่นเพื่อสร้างอาญาจักรทางศาสนาและชาติของซะอูด+วะฮาบีมาเต็มที่ ได้ทุนรอนจากเมกกะมาเปิดปอเนาะ สุมสร้างกำลังคนตามแนวทางวะฮาบีอย่างเงียบๆ อย่างมีพลังในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ขณะเดียวกันก็ยกระดับตัวเองด้วยการแต่งงานกับลูกสาวครูสอนศาสนาคนสำคัญในเมืองเมกกะ สร้างความมั่งมีมั่นคงได้มาก แต่งงาน2ปี ภรรยาตายโดยไม่มีการยอมระบุสาเหตุที่ชัดเจน จากนั้นด้วยสถานะที่ดีขึ้นแล้วก็ยกระดับขึ้นอีกชั้น ด้วยการแต่งงานกับลูกสาวตระกูลที่พอมีหน้ามีตาในรัฐกลันตัน มาเลเซีย แล้วกลับเมืองไทย สร้างปอเนาะ สร้างฐานกำลังรบอยู่ลับๆ ขณะที่บทบาททางเปิด หะยีสุหลงไต่เต้าจนได้เป็นผู้นำศาสนา ผู้นำในการเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย ขอเป็นอิสระในการปกครองมุสลิม
การกระทำของหะยีสุหลง ก่อความไม่พอใจกับมุสลิมอื่นที่ถูกตีความว่า มิใช่อิสลามบริสุทธิ์แบบเดียวกับวะฮาบี บรรดาครูมุสลิมนั่นเองที่ร้องเรียนให้รัฐบาลเข้าสอบสวนและควบคุม แต่เนื่องจากทางการไทยไม่มีความรู้ใดๆเลยเกี่ยวกับอิสลาม จึงไม่สามารถตั้งข้อหาได้ ทำให้หะยีสุหลงใช้ความคิดฟื้นฟูอิสลามผสมผสานเข้ากับความรู้สึกอิสลามนิยม ชาตินิยมเดินหน้าได้อย่างไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้ภายใต้ลัทธิวะฮาบี สั่งสมกองกำลังจีฮัดเงียบๆในรูปแบบปอเนาะ ตาดีกา สถาบันการศึกษา
แต่หะยีสุหลงก็ถูกฆ่าตายเสียก่อน ราชวงศ์กลันตันที่หมายสร้างขึ้นโดยคิดรวมแผ่นดินกลันตันเข้ากับ4จังหวัดชายแดนของไทยก็ชะงักไประยะหนึ่ง มีหน้าฉากเป็นเพียงตระกูลโต๊ะมีนาที่เล่นการเมืองทุกรูปแบบ ต่อสู้บนเวทีรัฐสภาอย่างเปิดเผย พร้อมๆไปกับเดินหน้างานลับสร้างกองกำลังในระบบปอเนาะกับสถาบันการศึกษากลุ่มธรรมวิทยา และวิทยาลัยอิสลาม แต่เจอคู่ต่อสู้ที่นิ่มนวลกว่า ใจเย็นกว่า เปิดตัวสู่เวทีโลกได้กว้างกว่า เงียบกว่า และเหี้ยมเกรียมกว่าอย่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา -นายนัจมุดดิน อุมา โต๊ะมีนาสู้ไม่ได้ ต้องถอยไปครึ่งก้าว (ชั่วคราว)
))-: ทุกวันนี้ คนในพื้นที่จังหวัดยะลาเชื่อว่า "แบนอร์" (นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา) ส่งสัญญาณให้รุกสยามอย่างเต็มที่ เพราะไม่เคยให้ความเห็นทางลบใดๆกับการฆ่าชาวสยามแม้แต่ครั้งเดียว และสัญญาณนี้ คลุมไปถึงพื้นที่นราธิวาสกับบางส่วนของสงขลา ขณะที่ปัตตานียังเป็นพื้นที่อิทธิพลของโต๊ะมีนา นั่นก็พร้อมรบแล้วเหมือนกัน
))-: มุสลิมวะฮาบีกำลังดาหน้าเข้ากรุงเทพฯ รู้หรีอไม่ว่า ในสัปดาห์ที่มีการวางระเบิดดับความสุขในการฉลองปีใหม่ของกรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549 มุสลิมใต้ขึ้นมาออกันเต็มทางฝั่งธนบุรี, หน้ารามคำแหง และอีกหลายจุด ลักษณะเหมือนกับการทดสอบกำลังเพื่อล้อมกรุงเทพฯ