คูคูของเด็กดอย


เรียนรู้จากการทำงาน
จากการที่ได้มีโอกาสรับงานธุรการโรงเรียนสิ่งที่ต้องพบเจอก่อนเข้าห้องอบรมสั่งสอนเด็กตัวน้อยๆ คือ กระดาษสี่เหลี่ยมสีขาวมีตัวอักษรสีดำเต็มไปหมดและเหนือตัวอักษรเหล่านั้นมีครุฑตัวโตกางปีกแสดงให้รู้ว่า เป็นเอกสารของทางราชการ ทุกๆเช้าหน้าที่หลักคือต้องจัดการนำเสนอต่อผู้บริหารให้รับทราบแล้วถึงลงมือจัดเก็บให้เป็นระบบเพื่อความสะดวกในการค้นหาและนำไปใช้ในครั้งต่อไป หน้าที่ยังไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้หากต้องทำน้าที่เป็นผู้ช่วยบุรุษไปรษณีย์นำส่งหนังสือไปยังนายไปรษณีย์เพื่อประทับตราลงทะเบียนนำส่งไปตามที่อยู่ที่เขียนไว้บนซอง เสร็จจากหน้าที่ประจำของช่วงเวลาเช้าก่อนนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติ(08.00 น.)ก็ถึงเวลาที่ต้องปฏิบัติงานหลักอย่างมืออาชีพ นั่นคือ " คูคู " ของเด็กๆ เสียงสวัสดีครับ สวัสดีค่ะ คูคู ก็ดังขึ้นในห้อง ป.4 เป็นเสียงที่ไร้เดียงสา ฟังดูไม่ชัดเจน ไม่มีตัวสะกด คุณครู ก็เป็น คูคู ซึ่งเป็นคำที่หวังเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งจะทำให้พวกเขาเหล่านั้น พูดคำว่า คุณครู ได้ชัดเจนกว่าวันนี้ให้ได้ จากนั้น การเรียนการสอนก็เริ่มต้นด้วยการเล่าข่าวและเหตุการณ์สำคัญตามกระบวนการโดยมีผู้เสนอข่าว มีผู้ซักถาม แล้วก็ช่วยกันวิเคราะห์และสรุปข่าวในกระบวนการนี้เรา(คุณครู)ในฐานะที่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในห้องเรียนก็ต้องเคารพและรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกคนอื่นๆ(นักเรียน)ด้วย บ่อยครั้งที่ได้แง่คิดใหม่ๆจากตัวนักเรียนที่สะท้อนกลับมาทำให้เราได้เห็นว่า การส่งเสริมกระบวนการคิด วิเคราะห์ และการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ให้แก่เด็กๆนั้นได้ผล เขาสามารถคิดและวิเคราะห์ข่าว เหตุการณ์ ต่างๆได้ แรกๆอาจจะได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่การสร้างคนให้คิดเป็นทำเป็นนั้นต้องใช้เวลา ใช้ความอดทนมากพอสมควร เช่นเดียวกับการปลูกกล้วยไม้ กว่าจะมีดอกสวยให้ชื่นชมต้องใช้เวลาในการดูแลนาน แต่เมื่อใดที่เราได้เห็นดอกนั้น ก็บอกได้เลยว่า หายเหนื่อย... แล้วเวลาก็หมุนไปพร้อมๆกับการเรียนการสอนวิชาต่างๆตามตารางเรียน เรียนในห้องบ้าง เรียนในห้องเรียนธรรมชาติบ้าง การเปลี่ยนบรรยากาศทำให้เด็กๆเรียนรู้อย่างมีความสุข ไม่จำเจ แม้คุณครูจะหน้าเดิมๆแต่พยายามเพิ่มสีสันบนใบหน้าด้วยการยิ้มแย้มแจ่มใสแทนการแต่งหน้าแต่งตาด้วยสารเคมีที่จัดจ้านไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพตัวเอง 16.00 น.เสียงระฆังดังขึ้น เด็กๆบ้างก็วิ่ง บ้างก็เดิน บ้างก็จูงมือน้องตัวเล็กๆที่เรียนอนุบาล 1 มาเข้าแถวเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านหลังจากเสร็จกิจกรรมหน้าเสาธง คุณครูเวรก็นัดหมายกิจกรรมสำหรับวันพรุ่งนี้ ทุกคนเข้าใจตรงกันแล้วก็เดินเป็นแถวกลับบ้าน หน้าที่สอนสำหรับวันนี้จบลงแต่หน้าที่เดิมของนักเอกสารประจำโรงเรียนยังไม่จบ ยังต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ที่ใส่เอกสารที่ต้องจัดการให้เสร็จเข้าห้องประจำตำแหน่ง ที่ใครก็ไม่อยากเข้ามา นั้นคือ ห้องธุรการ ที่บอกว่าใครๆก็ไม่อยากเข้ามานั้น ก็เพราะห้องนี้มีลักษณะและบรรยากาศแตกต่างจากห้องอื่นๆ บรรยากาศจะเย็นๆเงียบๆ มีคอมพิวเตอร์คู่ใจให้ 1 ตัวกับตู้เอกสารที่บรรจุแฟ้มต่างๆสูงท่วมหัว ซึ่งเอกสารที่เยอะแยะมากมายนี้อาจเป็นเหตุผลที่ใครๆก็ไม่อยากเข้า แต่สำหรับนักเอกสารอย่างเรา มันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แล้ว..เราจะทำยังไงล่ะ ..พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสสิ..ท่านผู้อำนวยการเคยบอกไว้ในวันที่เรารับตำแหน่ง ธุรการ เมื่อคิดได้อย่างนั้น ก็เริ่มทำห้องที่ใครๆต่างเมินหน้า ให้เป็นห้องที่น่าอยู่ และเมื่ออยู่แล้วต้องมีความสุข เพลงเบาๆจากคอมพิวเตอร์คู่ใจ โต๊ะทำงานตัวเล็กๆที่สะอาด มากด้วยประโยชน์ใช้สอย จัดระบบการจัดเก็บเอกสารที่ง่ายและสะดวกต่อการค้นหาข้อมูล จัดมุมเล็กๆซักมุมที่ห่างไกลจากตู้เอกสารและคอมพิวเตอร์แต่ต้องปลอดจากน้องมดที่จะเข้ามาแวะเวียนสำหรับอาหารว่าง ขนม น้ำ ของขบเคี้ยว อันนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งในการทำงานหลัง ห้าทุ่มหรือจนกว่างานเอกสารจะเสร็จ จึงจะหมดภารกิจของนักเอกสารประจำโรงเรียนอย่างเรา ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ไม่ใช่ท้อใจ หรืออยากให้ใครสงสารแต่เป็นการเล่าสู่กันฟัง ให้คิดว่างาน ทุกงานแม้ใครๆคิดว่ามันยุ่งยาก มันลำบาก ใครๆก็ไม่อยากทำ มันคงจะน่าเบื่อ แต่สำหรับครูน้อยแล้ว งานที่คิดว่ายุ่งยาก หากเรามุ่งมั่น ทำด้วยตั้งใจ เราก็จะมีความสุขกับงานที่เราทำ สุดท้ายสำหรับวันนี้ ขอทิ้งท้ายด้วย คำคมๆ ที่ชินหู ว่า " สิ่งที่ได้มาด้วยความยากลำบาก ย่อมมีค่าเสมอ "นะคะ ติดตามตอนต่อไปคะ
หมายเลขบันทึก: 79344เขียนเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2007 21:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท