ดิฉันได้พบครูบาสุทธินันท์คราวงานเปิดสำนัก บานละนะกู เอ๊ย บูรณาการศาสตร์ ครั้งนี้ ดิฉันรู้สึกยินดีกับครูบาอย่างจริงใจที่เห็น ครูบาสดชื่นอยู่ท่ามกลางนักเรียนโค่งของครูบา และดูจากท่าทางแล้วก็น่าจะได้ช่วยเป็นไม้เป็นมือให้กับครูบาได้อย่างเต็มที่และนอกจากนี้ก็มีทีมหนุนเสริมแข็งปึ๊ก เช่น ทีมทางเม็กดำ พี่จุ๋ม อาจารย์แสวง ดร.วนิดา คุณปิ๋ว
ความคิดอ่านของครูบาเป็นระดับเปิดปุ๊บติดปั๊บ เปิดแล้วไหลออกมาเป็นชุดเลย แล้วยังเป็นความคิดที่มีฐานมาจากปัญหาที่เกิดกับชาวบ้าน แต่ครุบาเสนอแนวทางการแก้ปัญหาที่ใช้ข้อมูลและความรู้ประกอบกับการวางแผนแก้ปัญหาเหนือระดับที่ชาวบ้านจะมาสามารถมองเห็นได้
แต่ครูบาไม่มีคนที่จะสานบางส่วนที่จะทำให้เกิดในหมู่ชาวบ้านได้เต็มรูป เนื่องจากความคิดของครูบาอยู่ไกลจากชาวบ้านหลายปีแสง
ดิฉันโทรศัพท์คุยถามข่าวคราวครูบาเป็นครั้งคราว มีปัญหาเหมือนกันบางประการที่เราเผชิญอยู่คือ การหาคนจะมาร่วมทำงานยากเต็มที เราไม่ได้ต้องการคนที่มีความรู้เก่งกาจเป็นเลิศ แต่ต้องการความเป็นมนุษย์ธรรมดาที่มีความรู้สึกรู้สมกับความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น และความตื่นตัวที่จะเรียนรู้รอบด้าน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก่อนจะถึงงานเปิดสำนัก ๒ กพ. ครูบาก็ดุดันเชียว เรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับงานทุกคนให้ใส่ใจกับงานมากกว่านี้ เรื่องคนที่จะต่อมือรับไม้จากครูบา หรือแม้แต่การไปร่วมงานต่าง ๆ ในฐานะทีมของครูบา แล้วก็ลงท้ายนี่สิ ระโหยโรยแรงเลยเชียว... มันมาแต่ของเค้า .. แต่ของเรามันไม่มา.... มันพลิกอารมณ์จนดิฉันอดหัวเราะไม่ได้กลางที่ประชุม แหมแหบเชียวนะ ครูบา
ดังนั้นเมื่อเห็นภาพวันที่ ๒ ที่ผ่านมานี้ ก็เข้าใจเองว่า ปัญหาเรื่องคนที่จะมาช่วยงานของครูบาคงจะเปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกอบอุ่นใจกับครูบาค่ะ
.
คุณขจิตคะ
เห็นด้วยทุกประการค่ะ วิธีแก้คือ คุณขจิตยกมือขึ้นระดับอกเหมือนปางห้ามญาติ แล้วพูดว่า ครูบาครับขอเวลาก่อนครับ ขอให้ผมคิดตามก่อนครับ
ครูบาคะ ขอบคุณค่ะ