คนกรุงเทพอย่างป้าเจี๊ยบไม่เคยสนใจพระอาทิตย์ตกเลยค่ะ แค่แลมองก็ไม่เคย สาเหตุหลักคือมักจะกลับบ้านตอนที่พระอาทิตย์ตกไปแล้ว และอากาศที่อุดมด้วยควันพิษแถวที่ทำงานซึ่งอยู่ใจกลางเมือง ก็ทำให้อยากขับรถกลับถึงบ้านซึ่งอยู่ชานเมืองให้เร็วที่สุด
ป้าเจี๊ยบคลั่งไคล้พระอาทิตย์ตกแถวภูเขาและทะเลมาก ส่วนพระอาทิตย์ขึ้นนั้นก็ต้องแล้วแต่ว่าจะบังคับตัวเองให้ตื่นเช้าได้มากแค่ไหน เพราะเป็นมนุษย์กลางคืน เลยตื่นสายจนชิน
แล้ววันก่อนก็แทบพาตัวเองไปพบอุบัติเหตุบนทางด่วน เพราะทันทีที่เลี้ยวโค้งเส้นที่มาจากยมราช เพื่อจะเบี่ยงเข้าเส้นที่ไปบางนา เท้าก็แตะเบรคโดยอัตโนมัติ เพราะเจอพระอาทิตย์ลูกโตสีแดงเหมือนมะเขือเทศ วางแหมะอยู่ระหว่างตึกใบหยก 1 กับใบหยก 2 มองด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจนจะจะลูกตา เพราะอากาศในกรุงเทพระยะนี้สมเป็นฤดูหนาวกับเค้าบ้าง
พอนึกได้ว่าอยากเก็บความทรงจำไว้หน่อย ก็ทำไม่ได้ซะเล้ว รถด้านหลังตามมา ไม่อยากสร้างปัญหาจราจรให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะแค่ชะลอรถดูพระอาทิตย์ก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว เฮ้อ...
ความตั้งใจยังมีอยู่ค่ะ แต่ก็ไม่ได้จังหวะสักที บางครั้งอากาศก็ไม่เป็นใจ บางครั้งเวลาไม่เหมาะ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ออกจากที่ทำงานห้าโมงเย็นกว่าๆ พอจ่ายค่าทางด่วนปุ๊บก็นึกถึงพระอาทิตย์ปั๊บ คะเนสภาพการณ์แล้วน่าจะคล้ายกับวันนั้น หยิบกล้องดิจิตอลที่ติดตัวเป็นประจำออกมาทางข้างตัว..
กรุงเทพก็รู้เห็นเป็นใจจังค่ะ เพราะรถบนทางด่วนในช่วงเวลานี้ที่เคยติดอย่างมหาศาลก็ว่าง ป้าเจี๊ยบเลยเปิดไฟฉุกเฉินและจอดที่มุมทางเบี่ยง ซึ่งน่าจะเป็นจุดที่ไม่ก่อปัญหาเพราะเห็นตำรวจจราจรชอบจอดกันตรงนั้น เก็บภาพเอาไว้ได้ แม้ว่าพระอาทิตย์จะเจิดจ้าเกินไปหน่อย ไม่สวยเท่าวันนั้น แต่ก็ไม่ถึงกับผิดหวัง
ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาทีหรอกค่ะ ถ่ายผ่านกระจกหน้ารถ ได้ภาพพระอาทิตย์ที่ใบหยก 1 และใบหยก 2 มาเก็บไว้เป็นความทรงจำอย่างที่ต้องการ แถมได้ภาพพระอาทิตย์ตกในกรุงเทพอีกภาพตอนรถชะลอตัวก่อนขึ้นเนินข้างพระรามสี่ โดยถ่ายผ่านกระจกด้านข้าง
พระอาทิตย์ตกที่ป่าคอนกรีตเป็นอย่างไร เชิญชมค่ะ
ป.ล. คำเตือน: กรุณาอย่าลอกเลียนแบบ เพราะอาจเกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่นได้ค่ะ
รูปสวยจังเลยค่ะป้าเจี๊ยบขา
หนิงเพิ่งเคยไปทานข้าวที่ตึกใบหยกสองมาเมื่อต้นปีเองค่ะ วิวสวยดีนะคะ สนใจวิวมากกว่าอาหาร ก็งานนี้นี่แหละค่ะ