สิ่งที่ไร้ชีวิต ไม่ได้พัฒนามาจากกลไกภายใน แต่เป็นการพัฒนาจากการกระทำของมนุษย์ เช่น
นักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะผลิตยารักษาโรคไข้หวัดนก เขาก็สำรวจดูธาตุทางเคมี และกฎทางเคมีหรืออื่นๆ แล้ว "สังเคราะห์" เข้าเป็นเม็ดยา จากนั้นจึงนำไป "วิจัย"ทดลองใช้ แล้วนำผลมาประเมิน ปรับปรุงให้ดีขึ้น แล้ว "วิจัย" ทดลองใช้ นำผลมาปรับปรุง วิจัย นำผลมาปรับปรุง วิจัย ทำเช่นนี้เรื่อยไป จนกว่าจะได้ยาที่มีประสิทธิภาพที่สุดตามต้องการ ดังนี้ เป็น R & D
นักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะสร้างรถยนต์ที่ใช้วัสดุที่เบาที่สุด แต่ทนทานที่สุด สามารถแล่นได้ทั้งบนถนนและบนอากาศ ใช้เชื้อเพลิงน้อยที่สุด สร้างรถต้นแบบและวิจัยทดลองใช้ แล้วนำผลมาประเมิน ปรับปรุง แล้ววิจัยต่อไป นำผลมาปรับปรุง แล้ววิจัยต่อไป ทำเช่นนี้จนได้ผลเป็นที่พอใจ ดังนี้ เป็น R & D
ฯลฯ
ผู้ประดิษฐ์และวิจัยพัฒนา จะต้องเป็นผู้ที่มีทั้ง "ปัญญาสูง" และมี "ความคิดสร้างสรรค์สูง"
ถ้าถามว่าคนประเภทนี้ที่เป็นคนไทยมีไหม? คำตอบก็คือ มี และมีมากเสียด้วย
ถ้าถามว่าทำไม่ค่อยได้ยินชื่อที่เป็นภาษาไทยที่ประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ ประดิษฐ์วิทยุมือถือ ประดิษฐ์เครื่องยนต์แปลกๆ ฯลฯ ?
ผมก็ไม่รู้ครับ อาจจะเป็นเพราะระบบการศึกษาของเรา "เน้นท่องจำ"กระมังครับ
เพราะ"ศัตรู"ตัวร้ายกาจของความคิดสร้างสรรค์ก็คือ "การท่องจำ"ครับ
อาจารย์ ดร. ไสว
อาตมาคิดว่า "การท่องจำ" เป็นเพียงสาเหตุหนึ่งเท่านั้น และน่าจะมิใช่สาเหตุสำคัญ...สาเหตุสำคัญน่าจะมาจากค่านิยมพื้นฐานมากกว่า....
ค่านิยมพื้นฐาน เกิดจากบริบทต่างๆ ซึ่งอาจารย์ก็คงจะตอบได้ นะครับ...
นายคานต์ได้จำแนก หน้าที่ ไว้ ๔ ประการ คือ
๑. หน้าที่สมบูรณ์เพื่อตัวเอง นั่นคือ เราจะต้องไม่ฆ่าตัวตาย...
๒. หน้าที่ไม่สมบูรณ์เพื่อตัวเอง นั่นคือ เราไม่ได้พัฒนาตัวเองไปสู่ความเป็นเลิศบางอย่างเพราะบริบทต่างๆ เช่น ความพิการ ความอยู่ดีกินดี ...เป็นต้น
๓. หน้าที่สมบรณ์เพื่อผู้อื่น เช่น การรักษาคำสัตย์ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น
๔. หน้าที่ไม่สมบูรณ์เพื่อผู้อื่น เช่น การช่วยเหลือผู้อื่น เราจะช่วยเพียงบางคนและบางโอกาสเท่านั้น
...การที่สังคมไทยขาดนัก R & D คงจะสงเคราะห์เข้าได้กับหน้าที่ไม่สมบูรณ์เพื่อตัวเองตามแนวคิดของนายคานต์ นะครับ...
คุยกันเล่นๆ เป็นประเด็นแย้งเท่านั้นครับ...
เจริญพร
(๑) เห็นด้วยกับสาเหตุพหุพจน์ครับ
(๒) ทั้ง ๔ ข้อของค้านท์ข้างบนนี้ ท่านสังเคราะห์มาจากการคิดวิเคราะห์ด้วย"วิธีเหตุผล" จึงมีธรรมชาติเป็นสมมุติฐานอยู่ในขณะนี้ น่าจะมีใครสักคนหนึ่งนำไปทดสอบด้วย "วิธีการวิจัย" ครับ ว่ามันเป็นสาเหตุของการทำให้คนไม่คิดสร้างสรรค์หรือไม่ประการใด?
ดร.ไสว เลี่ยมแก้ว