กลางวันต่างคนต่างก็ไปทำหน้าที่ พ่อ แม่ ไปทำงานนอกบ้าน ลูก ๆ ไปโรงเรียน กิจกรรมร่วมกันของครอบครัวจะมีก็ตอนเช้า ก่อนไปทำงานซึ่งก็น้อยมาก เพราะต้องรีบเร่งไปทำงานหรือไปโรงเรียนกันหมด หลังเลิกงาน และวันหยุดจะมีเวลามากหน่อย แต่สิ่งที่เป็นข้อปฏิบัติที่ต้องบังคับคือ ต้องร่วมวงรับประทานอาหารเช้า และอาหารเย็นด้วยกันทุกวัน ทุกวันนี้ทุกคนชินกับข้อปฏิบัติข้อนี้ทุกคน และวันนั้นเป็นวันที่บ้านเรารับไก่ไข่มาเลี้ยงที่บ้าน ไก่ไข่ที่ว่านี้เป็นพันธ์ใหม่ที่นำมาเลี้ยงเพื่อการวิจัยของปศุสัตว์ 10 ตัว ก่อนที่จะนำไก่มาเลี้ยงเราต้องช่วยกันทำเล้าไก่ ตามแบบประหยัดของปศุสัตว์ที่ได้ให้คำแนะนำไว้ จากนั้นนำปูนขาวมาเทรอบ ๆ นอก และที่พื้นในเล้าไก่ ก่อนที่จะเทแกลบลงไปปูพื้นให้หนา
ลุกชายดิฉันเขาตื่นเต้นมาก เพราะถือว่าในบ้านจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีก และตัวเขาเองรับอาสาที่จะให้อาหารและช่วยเก็บข้อมูลการวิจัยตามแบบฟอร์มที่ได้มา จึงเพิ่มงานตอนเช้าให้พ่อกับลูกช่วยกันดูแล ตอนเช้าเขาจะตื่นเช้ามาพร้อมกับลงไปดูที่เล้าไก่ เพื่อเติมอาหารและน้ำ ตอนเย็นหลังเลิกเรียนก็แวะดูทุกวันว่ายังอยู่ดีหรือเปล่า เพราะเขากลัวไอ้สิงห์โตนักล่าไปแอบจัดการไก่นั่นเอง
ในตอนเช้าและตอนเย็นที่เขาดูแลไก่จะมีไอ้สองตัวตามเข้าไปดูด้วย ดิฉันจะห้ามลูกชายไม่ให้เขานำเจ้าหม้อดิน และเจ้าสิงห์โตไปเล้าไก่ (เพราะเราจะทำตาข่ายกันไว้หลายชั้น) แต่ลูกชายบอกว่า “ให้มันเห็นกันก่อนจะได้ทำความรู้จักกันไงครับแม่ เห็นทุกวันเดี่ยวมันก็อยู่กันได้ มันไม่กัดหรอก เพราะกุ้งบอกมันทุกวันอยู่แล้วว่าไก่เป็นน้องมัน ถ้ากัดน้องเมื่อไหร่กุ้งจะตีมันเอง”
สองวันแรก เจ้าหม้อดิน และเจ้าสิงห์โตมีท่าทางเหมือนอยากขย้ำไก่เหมือนกัน แต่หลายวันเข้ากลับดีขึ้นเพราะเข้าไปเล้าไก่กับลูกชายดิฉันได้โดยไม่กัดไม่เห่า ไก่ก็เช่นกันไม่ตื่นไม่ร้องเหมือนวันสองวันแรกที่เจอกัน แถมยังเดินมาใกล้เจ้าสองตัวแล้วยังร้อง จ้อก จ้อก โดยไม่กลัวเลย ดิฉันแปลกใจถามลูกชายว่า “อ้าวแล้วไก่มันไม่กลัวถูกกัดเหรอลูก” “มันไม่กัดน้องมันหรอกครับแม่ เน๊าะหม้อดิน สิงห์โตเน๊าะ เรารักกันแล้ว”
แต่มีเพื่อนบ้าน และเพื่อนของลูกชายแวะมาดูไก่พันธุ์ใหม่ที่เล้้าไก่ เจ้าสุนัขสองตัวไปยืนจังก้ารอแถมยังส่งเสียงขู่คนอื่นที่เขามาดูไก่ ประหนึ่งว่าเป็นนายทวารไม่ยอมให้ใครผ่านด่านเข้าไปในเล้าไก่ได้เลย ทั้ง ๆ ที่มันสองตัวไม่เคยเห่าพวกเขาเลย เพราะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่นี่มันขู่เหมือนกลัวว่าเขาจะมาเอาน้องมันไปยังไงยังงั้นทีเดียว แล้วลูกชายของดิฉันก็หัวเราะชอบใจพร้อมกับนั่งยอง ๆ ลูบหัวมันทั้งคู่ บอกว่า “เยี่ยมมากไอ้น้อง เขาไม่มาขโมยน้องแกหรอกขู่อยู่ได้”
ดีกว่าหมาหวงก้างครับ หรือหมาหวงหญ้า ตัวเองไม่กินก็ยังไม่ให้ใครได้กิน
ครอบครัวคนเมือง มักจะมองไม่เห็นกิจกรรมเพื่อชีวิตเล็กๆน้อยๆ บางทีเรื่องพวกนี้ จะเป็นประโยชน์ไม่น้อยกว่าส่งลูกไปเรียนกิจกรรมพิเศษอื่นๆ เช่น ดนตรี กีฬา เพราะ
ลองดูนะคะ แล้วจะเห็นว่าเป็นจริงเหมือนครูบาสุทธินันท์ว่าไว้จริง ๆ ค่ะ